เมื่อถามถึงแรงจูงใจของการเลือกปลูกมะเฟือง บี 17 เฮียไช้ เล่าว่า แม่ค้าบอกว่า มะเฟืองขายดีมาก เพราะเป็นไม้ผลเพื่อสุขภาพ ลูกค้าส่วนใหญ่นิยมบริโภค เป็นผลไม้แก้โรคเบาหวาน แถวอำเภอวัดเพลง จังหวัดราชบุรี ไม่ค่อยมีคนสนใจปลูกมะเฟือง ผมไปเรียนรู้การปลูกมะเฟืองที่อำเภอบ้านแพ้ว อีกแห่งที่ปลูกมากคือ แถวคลองจินดา สามพราน นครปฐม
เฮียไช้ ตัดสินใจเลือกปลูกมะเฟือง พันธุ์บี 17 (Honey Star) เป็นหนึ่งมะเฟืองสายพันธุ์ดีของมาเลเซีย เพราะมีจุดเด่นสำคัญคือ ผลใหญ่ ออกทรงยาว กลีบใหญ่ ร่องตื้น มีเนื้อแข็ง กรอบ สีออกแดงส้ม ขอบกลีบมีฟองอากาศเห็นได้ชัด รสหวานอมเปรี้ยว เข้มข้น เหมาะสำหรับกินผลสด เฮียไช้ ไปหาซื้อพันธุ์กิ่งตอนต้นมะเฟือง บี 17 มาจากจังหวัดปราจีนบุรี ในราคากิ่งละ 40 บาท ปรากฏว่า เจอปัญหากิ่งพันธุ์ปลอม ผลผลิตรุ่นแรกที่ออกมาตอนแรกก็ดูปกติ หลังห่อกระดาษแล้ว ปรากฏว่า ผลใหญ่ แต่บิดเบี้ยว เนื้อเป็นจ้ำๆ ลักษณะออกช้ำข้าง และบริเวณขอบผลเป็นสีดำคล้ายกับติดเชื้อรา รสชาติก็ไม่ได้คุณภาพ จึงต้องฟันต้นมะเฟืองปลอมทิ้งไป 20% ของพื้นที่ปลูกทั้งหมด
“ผมเลือกปลูกมะเฟืองเป็นไม้ผลหลัก และปลูกฝรั่งเป็นตัวเสริมรายได้ ในช่วง 4-5 ปีแรกเท่านั้น สาเหตุที่ผมเลือกปลูกฝรั่งกิมจู เพราะฝรั่งกิมจูใช้เวลาการปลูกไม่นานก็ให้ผลผลิตเร็วและมีตลาดรองรับแน่นอน เมื่อมะเฟืองต้นใหญ่ แผ่ร่มเงาปกคลุม ต้นฝรั่งก็หยุดโต ต้องฟันต้นทิ้ง เนื่องจากสวนแห่งนี้ ปลูกในระยะประชิด อาจไม่ต้องรอครบ 4-5 ปี ก็ต้องตัดโค่นแล้ว” เฮียไช้ กล่าว
การปลูก
สำหรับพื้นที่ 8 ไร่ แห่งนี้เดิมทีเป็นที่ดินว่างเปล่า เฮียไช้จึงขอเช่ามาปลูกไม้ผล โดยลงทุนทำแปลงยกร่องขนาดหน้ากว้าง 3 วา 2 ศอก โดยแบ่งพื้นที่ปลูกเป็น 3 แถว ปลูกต้นมะเฟืองอยู่ตรงกลางแปลง ระยะห่างระหว่างต้น ประมาณ 4 เมตร และปลูกต้นฝรั่งกิมจูขนาบทั้ง 2 ด้าน โดยมีระยะห่างต่อต้น ประมาณ 3-4 เมตร
ความจริง มะเฟือง เป็นพืชที่ปลูกเลี้ยงได้ทุกสภาพดินฟ้าอากาศของประเทศไทย โดยมีวิธีการปลูกเหมือนกับการปลูกไม้ผลทั่วไป เฮียไช้ออกตัวว่า ผมไม่ค่อยปลูกดูแลตามหลักวิชาการสักเท่าไหร่ เน้นดูแลจัดการตามความพร้อมของต้นเป็นหลัก ผมตั้งใจปลูกมะเฟืองในระยะประชิด เพราะต้นมะเฟืองมีใบถี่ เมื่อปลูกให้มีร่มเงา ก็ไม่มีต้นหญ้า หมดห่วงเรื่องการกำจัดวัชพืชไปเลย ต้นมะเฟืองปลูกดูแลง่าย ไม่มีปัญหาเรื่องโรคและแมลงเหมือนกับไม้ผลชนิดอื่นๆ
การดูแล
การดูแลให้ปุ๋ยในสวนแห่งนี้ เฮียไช้ จะให้ปุ๋ยเคมี สูตร 16-16-16 เพื่อบำรุงทุกอย่าง ต้น ดอก ผล ใส่ทางดิน เป็นปุ๋ยตราเรือใบไวกิ้ง โดยใส่ปุ๋ยเดือนละ 1 ครั้ง ประมาณ 1 กำมือกว่า ต่อต้น ส่วนปุ๋ยคอกจะใช้ปุ๋ยขี้วัวเป็นหลัก ผมไม่ใช้ปุ๋ยขี้ไก่ เพราะมีปัญหาเรื่องไรไก่ หากดูแลอย่างดี ต้นมะเฟืองจะออกดอกและติดผลตลอดปี เก็บผลขายได้มากกว่า 10 รุ่น ต่อปี
ส่วน ฝรั่งกิมจู จะเริ่มห่อขนาดตั้งแต่ลูกเท่าเหรียญบาท เพื่อป้องกันโรคและแมลงศัตรู และทำให้ฝรั่งกิมจูมีสีสวยน่ากิน โดยการใช้ถุงพลาสติกและกระดาษหนังสือพิมพ์ห่อทับ จะเก็บเกี่ยว ในระยะ 45-50 วัน หลังการห่อ โดยผลฝรั่งที่มีสีผิวเขียวอ่อน น้ำหนักเฉลี่ย ประมาณ 200-300 กรัม ต่อผล เนื้อขาว กรอบ รสหวานอมเปรี้ยว ปราศจากรอยตำหนิ จะขายได้ราคาดี
การเก็บเกี่ยว
หลังจากปลูกไปได้ 6 เดือน จึงเริ่มห่อผลมะเฟือง ที่มีขนาดประมาณหัวนิ้วโป้ง การห่อผลนิยมห่อผลในบริเวณโคนต้นเป็นหลัก หากปล่อยให้ต้นร่มรื่น ผลที่ติดบริเวณข้างล่างก็จะมีขนาดผลสวย ส่วนยอดด้านบนจะปล่อยไปตามธรรมชาติ ในช่วงฤดูหนาวต้นมะเฟืองจะผลัดใบ โดยทั่วไปตอนเช้าตรู่ภายในสวนแห่งนี้จะมีความชื้นสูง และทำให้เกิดหยดน้ำบริเวณผล เมื่อใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อผลจะช่วยระบายอากาศได้ดี การเก็บเกี่ยวผลผลิตจะช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับว่าผลที่ห่อมีขนาดผลใหญ่หรือเล็ก โดยทั่วไปหลังห่อผลจะสามารถเก็บผลผลิตออกขายได้ภายใน 50-60 วัน เนื่องจากมะเฟืองเป็นผลไม้ที่มีรสหวาน อาจทำให้มดขึ้นไปกินบนต้น จึงไม่ควรปล่อยให้ผลสุกอยู่กับต้นนานนัก ควรรีบเก็บผลเมื่อเริ่มมีสีเหลือง
“มะเฟือง บี 17 ของแท้ มีรสหวาน ผลทรงตรง ไม่บิดเบี้ยว น้ำหนักโดยเฉลี่ย ผลละ 5 ขีด ขนาดใหญ่สุด น้ำหนักต่อผลประมาณ 7 ขีด สำหรับผลผลิตในรุ่นนี้ จะได้ผลผลิตผลโต จำนวน 10-15 ผล ต่อน้ำหนัก 10 กิโลกรัม” เฮียไช้กล่าว
ด้านตลาด
มะเฟือง จะขายดีในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน-กรกฎาคม-สิงหาคม เพราะเป็นช่วงที่ไม่ค่อยมีผลไม้เข้าสู่ตลาด เมื่อคู่แข่งมีน้อยก็สามารถขายมะเฟืองได้ในราคาสูงกว่าปกติ เฮียไช้เคยขายมะเฟืองในระยะเวลาดังกล่าว ในราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 40 บาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติที่ซื้อขายในราคา กิโลกรัมละ 15-25 บาท เท่านั้น ด้านตลาดไม่น่าห่วง เพราะโดยทั่วไปจะมีแม่ค้ามารับซื้อผลผลิตถึงหน้าสวน
เฮียไช้ บอกว่า ในช่วงปลายปี จะขายมะเฟืองได้ในราคาเฉลี่ย กิโลกรัมละ 25 บาท หากมีผลผลิตเข้าตลาดเยอะ ราคาขายจะลดลงเหลือแค่ กิโลกรัมละ 15 บาท เกษตรกรก็ยังพออยู่ได้ เนื่องจากต้นมะเฟืองไม่มีปัญหาเรื่องหนอน ไม่ต้องใช้สารเคมีมากเหมือนไม้ผลชนิดอื่นๆ หากเปรียบเทียบรายได้ของไม้ผลทั้งสองชนิด เฮียไช้ยืนยันว่า มะเฟืองให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ที่ผ่านมาแม้สวนฝรั่งกิมจูจะสามารถเก็บผลผลิตออกขายได้ทุกสัปดาห์ ประมาณ 1-2 ตัน ราคาขาย 15-30 บาท ต่อกิโลกรัม แต่บางครั้งสวนฝรั่งก็เจอปัญหาขาดทุน เพราะผลฝรั่งที่ห่อเจอปัญหาเชื้อรา เพลี้ยแป้งเกาะ ก็ขายไม่ได้
“พื้นที่ปลูก 1 ไร่ จะปลูกมะเฟืองได้ประมาณ 40-50 ต้น หากปลูกในระยะประชิด ปลูกได้มากสุดไม่เกิน ไร่ละ 80 ต้น มะเฟืองแต่ละต้นจะให้ผลผลิตขั้นต่ำ ปีละ 10 กิโลกรัม ส่วนใหญ่ได้มากกว่า 10 กิโลกรัม ต่อต้น ต่อปี อยู่แล้ว โดยทั่วไปแม่ค้าจะรับซื้อผลผลิตในราคา กิโลกรัมละ 15-20 บาท ต้นทุนค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่มาจากค่าจ้างแรงงาน เมื่อหักลบต้นทุนค่าใช้จ่ายแล้ว การทำสวนมะเฟืองยังเหลือผลกำไรก้อนโต คุ้มค่ากับการลงทุน” เฮียไช้ กล่าว
ในระยะยาว ตลาดมะเฟืองยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เพราะ “มะเฟือง ไม้ผลเพื่อสุขภาพ” มะเฟืองยังเป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาทุกส่วนของต้นมะเฟือง เช่น ใบสดบดละเอียดทาตัวแก้โรคอีสุกอีใส รากใช้ถอนพิษร้อน พิษไข้ ดอกมะเฟือง หากนำมาต้มน้ำดื่มจะสามารถถอนพิษเฮโรอีนและแก้ไข้ได้ ส่วนผล หากกินสดใช้แก้คอแห้ง ลดการอักเสบ บวม แก้อาเจียน ขับปัสสาวะและขับนิ่ว แก้บิด ขับระดู ในตำราแพทย์แผนโบราณของจีน แนะนำให้ผู้ป่วยกินมะเฟืองเพื่อช่วยลดไข้ ล้างพิษ หากเกิดอาการเครียด แนะนำให้กินมะเฟือง 2 ผล กินวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน
นอกจากนี้ หากนำเนื้อมะเฟือง 3 ผล ต้มกับน้ำผึ้ง 2 ช้อนชา แล้วนำมากินทั้งเนื้อและน้ำ วันละครั้ง เชื่อว่าจะสามารถใช้รักษานิ่วในไตได้ ขณะเดียวกันมะเฟืองยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงรักษาเส้นผมได้เพียงแค่ใช้ผลมะเฟืองในการสระบำรุงเส้นผม ขจัดรังแค
อย่างไรก็ตาม มะเฟือง ก็ไม่เหมาะสำหรับการบริโภคในกลุ่มสตรีที่มีประจำเดือน หรือขณะตั้งครรภ์ ห้ามบริโภคมะเฟืองเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้แท้งได้ ขณะเดียวกัน ผู้ป่วยที่กินยาลดไขมัน ยาคลายเครียดอยู่ ไม่ควรกินมะเฟือง เนื่องจากมะเฟืองมีฤทธิ์ไปต่อต้านการทำงานของตัวยา และผู้ป่วยที่เป็นโรคไตหรือกำลังจะฟอกไต ก็ไม่ควรกินมะเฟือง เพราะมะเฟืองมีกรดออกซาลิกสูง ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียง หรือทำให้อาการทรุดหนักเพิ่มมากขึ้นได้
แหล่งข่าวมติชนออนไลน์