ตามรายงานระบุว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Asarawan Na You ได้โพสต์ภาพและข้อความเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างนั่งโดยสารรถแท็กซี่มิเตอร์ และคาดว่าน่าจะถูกมอมยาสลบ คนขับรถพยายามปรับแอร์ใส่ตัวแบบตรงๆ ก่อนจะเกิดอาการมึนหัวและหมดสติ
"...อุทาหรณ์ สอนใจผู้หญิงให้ระวังการนั่งรถแท็กซี่ค่ะ เมื่อวานหลังเคลียร์งานเสร็จ ประมาณทุ่มครึ่งได้นั่งรถกลับบ้าน
กับพี่ที่ทำงาน เพื่อไปลงป้ายรถเมล์ รามอินทรา ซ.5 ปกติจะขับรถมาทำงานเอง แต่ช่วงนี้เอารถเข้าอู่ เลยต้องอาศัยรถแท็กซี่หรือรถตู้บ้าง ในขณะขึ้นรถแท็กซี่ก็รู้สึกว่าคนขับรถไม่น่าไว้วางใจ เป็นผู้ชายอายุประมาณ 20-30 ปี ผมรุงรัง มีหนวดเครา ตาลอยๆ ในใจคิดว่าแป๊บเดียวคงไม่เป็นไร แต่แอบส่งเลขทะเบียนรถให้พี่ที่ทำงานทางไลน์ ระหว่างนี้ก็เล่นโทรศัพท์
พอเงยหน้าขึ้นมา สังเกตเห็นคนขับรถขยี้มือและมีน้ำใสๆ ติดมือ เอามืออังไว้ที่แอร์ แอร์ทั้งหมดถูกปรับตรงมาที่เรา และเขามองกระจกหลังตลอดเวลา เราเห็นว่าผิดปกติแล้ว จึงรีบแกล้งคุยโทรศัพท์ และขอลงที่ตลาดนัดเลียบทางด่วนรามอินทรา ช่วงเวลานี้รู้สึกมึนหัว ตัวชา จึงรีบซื้อน้ำมากินแล้วไปขอความช่วยเหลือที่สำนักงานตลาดนัด ต้องขอขอบคุณพี่เจ้าของตลาดนัดเลียบด่วนที่ช่วยหายาดมและแจ้งตำรวจให้
หลังจากนั้นพี่ที่ทำงานมาถึงจึงพานำส่งโรงพยาบาล แทบไม่มีสติเลย นี่ถือว่าเป็นความโชคดีของเราที่สังเกต อยากเตือนผู้หญิงทุกคน ให้ระวังตัวให้มากที่สุด อย่าคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว เพราะถ้าพลาดขึ้นมา ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตัวเราและครอบครัวเราบ้าง ด้วยความเป็นห่วงทุกคนค่ะ..."
อย่างไรก็ตาม หลังจากเรื่องราวเตือนภัยดังกล่าวถูกแชร์เผยแพร่ออกไป มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นและเป็นกำลังใจเป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะยังคงมีบางคนสงสัยเกี่ยวกับขั้นตอนการมอมยาสลบ ด้วยวิธีใช้สารระเหยผ่านทางช่องแอร์ แต่นับว่าโชคดีที่หญิงสาวคนดังกล่าวยังประคับประคองสติและปลอดภัยดี
ทั้งนี้ ผศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวเช่นกัน โดยเฉพาะประเด็นน้ำใสๆ หรือสารระเหยที่อ้างว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เหยื่อมึนหัว โดย ผศ.ดร.เจษฎา อธิบายว่า
"ผมเชื่อว่ายาดมให้สลบในรถแท็กซี่เช่นนี้ไม่มีจริง และน่าจะเกิดจากอาการเมารถ เพราะควันไอเสียของแก๊สในรถมากกว่า ดังนั้น ถ้าจับคนร้ายได้และศาลตัดสินว่าผิดจริง เพราะมีการใช้ยาดมป้ายให้สลบแบบนี้ ผมจะช่วยจ่ายค่าทำขวัญให้อีก 10,000 บาทนะครับ"
