นายคำนูณ กล่าวอีกว่า สำหรับภาพรวมของกระบวนการยกร่างฯ หลังจากนี้จะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพราะว่าด้วยเรื่องการปฏิรูปและการปรองดอง ซึ่งเนื้อหาสาระสำคัญของหมวดนี้ล้วนเป็นเรื่องใหม่ ไม่เคยบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมาก่อน การที่จะมีเรื่องปฏิรูปและปรองดองบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญนั้นไม่ได้เขียนไว้เฉย ๆ แต่ต้องปฏิบัติได้โดยผ่านกลไกที่จะต้องดำเนินการต่อเนื่องในช่วงที่มีรัฐบาลและรัฐสภา ในสถานการณ์ที่ปกติต่อเนื่องไปประมาณ 4-5 ปี ข้อสรุปทั้งหมดจาก สปช.จะถูกส่งทอดไปสู่กลไกที่ขับเคลื่อนนอกเหนือจากระบบบริหารราชการปกติ เมื่อขับเคลื่อนไปสักระยะหนึ่งก็จะสลายตัวไป ยกเว้นหากจะให้อยู่ต่อเนื่องไป ก็จะต้องมีการทำประชามติ
ส่วนกรณีที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯ เตรียมที่จะตั้งคณะกรรมการปรองดองแห่งชาติขึ้นมา เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบนั้นโฆษก กมธ.ยกร่างฯ กล่าวว่า เบื้องต้นทาง กมธ.ยกร่างฯ ยังไม่เห็นรายละเอียดเข้าใจว่าเป็นเพียงตุ๊กตาที่ตั้งไว้เพื่อเตรียมพิจารณาในสัปดาห์หน้า ส่วนรูปแบบจะเป็นอย่างไรคงต้องรอผลการพิจารณาของ กมธ.ยกร่างฯ อีกครั้ง ทั้งนี้คาดว่าหากเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ก็น่าจะทราบความชัดเจนได้ภายในวันที่ 20 ก.พ.นี้
ทางด้านนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ กมธ.ยกร่างฯ ในฐานะประธานกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (คศป.) กล่าวถึง กรณีที่นายบวรศักดิ์ จะมีการบัญญัติ “คณะกรรมการปรองดองแห่งชาติ”ไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่า จะมีการลงรายละเอียดรายมาตราในหมวดปรองดอง ซึ่งเนื้อหาสำคัญคือ การเสนอตั้งคณะกรรมการปรองดองแห่งชาติต่อ กมธ.ยกร่างฯ ในวันที่18 ก.พ.นี้ โดยจะมีกรรมการ 9 คน ที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากพระมหากษัตริย์ และให้กรรมการ 9 คนนี้ แต่งตั้งกรรมการอีก 5 คน จากตัวแทนของฝ่ายที่เป็นคู่ขัดแย้ง รวมทั้งหมด 14 คน มีวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี มีหน้าที่เสนอแนะเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการปรองดองให้รัฐบาลไปดำเนินการ รวมทั้งเยียวยา ให้คำปรึกษากับผู้ที่ได้รับผลกระทบ แต่บทบัญญัติการทำงานจะออกเป็นกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งการพิจารณาแล้วเสร็จไม่เกินวันที่ 20 ก.พ.นี้ ขอให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่าการร่างรัฐธรรมนูญของพวกเราทำเพื่อให้ประเทศชาติเกิดความสันติสุขอย่างแน่นอน.
แหล่งข่าว เดลินิวส์