แพะแบล็คเบงกอลพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุง
แพะพันธุ์แบล็คเบงกอล เป็นแพะขนาดเล็กมีขนสั้นดำหรือสีน้ำตาลเข้ม เป็นเงา ใบหูเล็กตั้งชี้ไปข้างหน้า ขนสั้นโตเต็มวัยน้ำหนักตัวผู้ประมาณ 15 กิโลกรัม ตัวเมีย 12 กิโลกรัม
17 กุมภาพันธ์ 2558 เรียบเรียงข้อมูลโดย www.legendnews.net
เมื่อวันอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ 2558 ที่ผ่านมาสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโครงการเลี้ยงแพะพันธุ์แบล็คเบงกอล ในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.เชียงราย
ซึ่งเป็นโครงการที่ทรงมีพระราชประสงค์ให้มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ร่วมกับมูลนิธิชัยพัฒนาเลี้ยงเพื่อขยายพันธุ์ให้แก่ราษฎรต่อไป ทั้งนี้รัฐบาลประเทศบังกลาเทศได้น้อมเกล้าฯ ถวายแพะพันธุ์แบล็คเบงกอลจำนวน 3 ตัว ซึ่งได้เดินทางมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2553 เป็นเพศผู้ 1 ตัว เพศเมีย 2 ตัว และนำมาเลี้ยงในโครงการฯ
แพะพันธุ์แบล็คเบงกอล เป็นแพะขนาดเล็กมีขนสั้นดำหรือสีน้ำตาลเข้ม เป็นเงา ใบหูเล็กตั้งชี้ไปข้างหน้า ขนสั้นโตเต็มวัยน้ำหนักตัวผู้ประมาณ 15 กิโลกรัม ตัวเมีย 12 กิโลกรัม ทั้งตัวผู้และตัวเมียมีเคราและเขามีความสมบูรณ์พันธุ์สูง ตั้งท้องเพียง 150 วัน มักตกลูกแฝด 2 ถึง 4 ตัว ผสมพันธุ์ได้ทั้งปี ให้ลูกครั้งแรกเมื่ออายุ 15-16 เดือน มีลูกเฉลี่ยครอกละ 2 ตัว แต่ให้นมน้อยไม่ค่อยเพียงพอต่อลูก โดยเฉลี่ยจะให้น้ำนม 0.4 กิโลกรัมต่อวัน หรือประมาณ 44 กิโลกรัมต่อระยะการให้นม 105 วัน เป็นแพะขนาดเล็กที่นิยมเลี้ยงเพื่อผลิตเนื้อและหนังเป็นหลัก เนื้อมีคุณภาพดี หนังมีราคาแพงมีเลี้ยงมากในอินเดียและบังกลาเทศ
ต่อมา เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินประเทศปากีสถานเดือนมีนาคม ปี 2555 ทางการประเทศปากีสถานได้ถวายแพะพันธุ์บาร์บารี จำนวน 1 คู่ เป็นเพศเมีย 1 ตัว เพศผู้ 1 ตัว พระองค์ได้พระราชทานให้เลี้ยงไว้ในโครงการฯ และต่อมาได้พระราชทานเพิ่มอีก 1 คู่ เป็นแพะกึ่งเนื้อกึ่งนม มีขนสั้น ส่วนมากสีขาวมีจุดด่างสีน้ำตาล รูปร่างเพรียว หัวเล็กคอยาวเรียวขาตรง
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คณะสัตวศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เข้าร่วมดำเนินการในการวิจัยร่วมกับมูลนิธิชัยพัฒนา ในการผลิตแพะแบล็คเบงกอลสายพันธุ์แท้ เพื่อรักษาสายพันธุ์ให้คงลักษณะประจำพันธุ์ต่อไป ในขณะเดียวกัน ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผลิตแพะลูกผสมขึ้นมา เพื่อให้มีความแข็งแรงใช้ประโยชน์ได้ดีทั้งเนื้อและน้ำนม และสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี
โดยได้นำแพะพันธุ์ซาเนน และลูกผสมซาเนนพื้นเมือง มาผลิตลูกผสมสามสายพันธุ์ ส่วนแพะบาร์บารี ที่ทรงนำมาจากประเทศปากีสถานนั้น ไม่สามารถขยายพันธุ์ได้ จึงมีกระแสรับสั่งกับอธิบดีกรมปศุสัตว์ให้เข้าดำเนินการทดสอบเพื่อหาแนวทางในการขยายพันธ์ุต่อไป
ปัจจุบันในโครงการฯ มีแพะแบล็คเบงกอล จำนวน 115 ตัว เป็น เพศเมีย 60 ตัว เพศผู้ 55 ตัว มีแพะพันธุ์ซาเนน 10 ตัว เป็น เพศเมีย 9 ตัว เพศผู้ 1 ตัว แพะซาเนนพื้นเมือง 22 ตัว เป็น เพศเมีย 20 ตัว เพศผู้ 2 ตัว มีแพะลูกผสมสองสายพันธุ์แบล็คเบงกอล-ซาเนน 38 ตัว เพศเมีย 20 ตัว เพศผู้ 18 ตัว
และแพะลูกผสมสามสายพันธุ์แบล็คเบงกอล-ซาเนน-พื้นเมือง แล้ว 27 ตัว เพศเมีย 10 ตัว เพศผู้ 17 ตัว นอกจากนี้ก็มีแพะบาร์บารี จำนวน 4 ตัว เป็น เพศเมีย 2 ตัว เพศผู้ 2 ตัว ลูกผสมบาร์บารี -ซาเนน เพศเมีย 1 ตัว รวมมีแพะทั้งสิ้น 217 ตัว ซึ่งจะมีการขยายพันธุ์เพื่อขยายสู่การเลี้ยงของราษฎรต่อไป.