สัญญาณแรง "ปรับ ครม." เขย่าทีม "หม่อมอุ๋ย" ยกแผง หลังผลงานเศรษฐกิจเงียบกริบ !
23 กุมภาพันธ์ 2558 เรียบเรียงข้อมูลโดย www.legendnews.net
แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะประเมินผลการทำงานให้คณะรัฐมนตรี ทั้ง 35 คน อยู่ในเกณฑ์ "ผ่าน" โดยให้คะแนน "ความตั้งใจ" เป็นสัดส่วนสำคัญ
แต่เสียงเรียกร้องต่อคณะรัฐมนตรี "ประยุทธ์ 2" กระหึ่ม สะท้อนดังขึ้น จากปัญหาปากท้อง ค่าครองชีพระดับรากหญ้า และปมปัญหาเศรษฐกิจมหภาค ถูกส่งสัญญาณทั้งจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ในห้างหรู ร้านค้าปลีก ถึงตึกไทยคู่ฟ้า ในทำเนียบรัฐบาล
คำบ่นของนายทุน พ่อค้า ระดับเจ้าสัว และนายหัวจากภาคใต้ ถูกประสานเสียงระงม ในห้องประชุม "บ้านเกษะโกมล" ที่มั่นของคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ อันมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นั่งหัวโต๊ะ โดยมีมือขวาเป็น ดร.สมคิด จาตุศรีทักษ์ ผู้รั้งอีก 2 ตำแหน่ง ทั้ง 1 ใน 15 คณะ คสช. และประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
แน่นอนที่สุดว่า เสียงจาก "บ้านเกษะโกมล" และห้องวอร์รูม ในตึกไทยคู่ฟ้า ส่งสัญญาณร้อนตรงกันว่า การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ มีปัญหา ทั้งระดับนโยบาย และระดับปฏิบัติการ
หนึ่งในเสียงนั้นคือ ขอให้ปรับ นายอำนวย ปะติเส พ้นจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาราคายางพาราได้
หนึ่งในเสียงนั้นมาจากที่ชุมนุม 24 พ่อค้า ที่เป็นเครือข่าย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อย่างเครือเซ็นทรัลและค่ายเดอะมอลล์ ทั้ง นายทศ จิราธิวัฒน์ และ นางศุภลักษณ์ อัมพุช รวมทั้ง นายเวทิต โชควัฒนา กรรมการบริษัทไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ แห่งค่าย "มาม่า" ที่เคยชงข้อมูลไว้ว่า "ปีที่ผ่านมายอดขายของค้าปลีกตกต่ำที่สุดในรอบ 20 ปี ปัญหาที่สำคัญคือราคาสินค้าเกษตรตกต่ำทำให้ประชาชนขาดกำลังซื้อ มีปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นมาก กลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงกลับไปเที่ยวและจับจ่ายใช้สอยในต่างประเทศสูงขึ้น"
ขณะที่ทีม "บ้านเกษะโกมล" รุมเร้าไปด้วยสารพัดปัญหา เมื่อราคายางพารา กลายเป็นปมผูกกับความมั่นคง-เศรษฐกิจ ต้องอาศัยเครือข่าย "พระสุเทพ" และให้ปฏิบัติกิจสงฆ์ขอให้พ่อค้า-นายหัว ช่วยพยุงราคา จนได้ผลลัพธ์ ทางออก เป็น "ราคายาง 80 บาท เรื่องกล้วยๆ"
แต่เสียงที่สวนคืนมาจาก ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ทันควันทันที คือ "ราคายาง 80 บาท ฝันลมๆ แล้งๆ พูดไปผูกตัวเอง"
ทั้งเสียงของทุน ที่เคยหนุน คสช. และเสียงของชาวบ้านที่ประสบปัญหาค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น กลับไม่ได้ก้องไปถึงหู "ทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจ" ในเครือข่ายของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล และรัฐมนตรีทั้ง 7
ทั้ง นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีพลังงาน, นายพรชัย รุจิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร, นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายอำนวย ปะติเส รัฐมนตรีช่วยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังไม่รู้ร้อนและรู้หนาว
ตรงกันข้าม นายสมหมาย ภาษี ขุนคลัง แนวร่วมคนสำคัญของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กลับสวนกระแสขึ้น ทำนองว่า "คณะรัฐมนตรีทำงานร่วมกันอย่างดี ไม่มีแตกคอ เหมือนเป็นพรรคเดียวกัน" แต่ก็ยอมรับว่า "ข่าวสะพัดมาก เรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี แต่ก็ไม่ถอดใจแน่นอน"
นายสมหมาย วิเคราะห์ว่า กลิ่นควันไฟเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี "มาจาก ม.ร.ว.ปรีดิยาธร และตัวเอง ไปขัดผลประโยชน์คนอื่นมาก ไม่ยอมให้มีการโกงเกิดขึ้น"
แม้ว่าแต่เดิมนั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร จะเคยแนบแน่นกับ พล.อ.ประวิตร ในฐานะศิษย์เก่า "เซนต์คาเบรียลคอนเน็กชั่น" แต่เมื่อผลงานด้านเศรษฐกิจ ถูกตั้งคำถามเรื่องรูปธรรม ดัชนีด้านเศรษฐกิจถดถอยทุกด้าน ทั้งเสียงต้านนโยบายพลังงาน, เสียงค้านกฎหมายกระทรวงเศรษฐกิจดิจิตอล 10 ฉบับ แต่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กลับทวนลม เหมือนไม่ได้ยิน
เมื่อปัญหาสารพัดดังขึ้น ความสัมพันธ์ในเครือข่าย "เซนต์คาเบรียลคอนเน็กชั่น" ก็จืดจาง เบาบางลง ตามวันเวลาที่เหลือน้อยลง และปฏิทินของโรดแม็ปการเมือง ที่เริ่มนับถอยหลัง
ขณะที่ทีม "บ้านเกษะโกมล" ทั้ง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ผนึกกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หนักแน่นขึ้น ร่วมเกาะติดมาตรการ นโยบายด้านเศรษฐกิจ ใน-ต่างประเทศ ด้วยความถี่ระดับ หลังประชุมคณะรัฐมนตรี 2 ชั่วโมง ทีม "บ้านเกษะโกมล" ต้องลงบันทึกในวาระเพื่อติดตามงานที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติทันที
ขณะที่งานด้านการลงทุนพื้นฐานในประเทศ และการเจรจาทั้งทางลับ และทางการทูต การค้า การลงทุนรถไฟความเร็วสูง และการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน และทวายโปรเจ็กต์ ก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งความร่วมมือกับมหาอำนาจจีน และญี่ปุ่น สร้างผลงานให้รัฐบาลจากรัฐประหาร อย่างเป็นกอบเป็นกำ
เพราะทีมนี้ เน้นงานกึ่งความมั่นคง-การต่างประเทศ กึ่งเศรษฐกิจระดับรากหญ้าและการค้าระหว่างประเทศ มีทั้ง พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งแนบแน่นกันทั้งในทีม 15 อรหันต์ คสช.
และสอดประสานกันเป็นระบบในทีม "บ้านเกษะโกมล"
เมื่องานด้านเศรษฐกิจ เทน้ำหนักไปที่ทีม "บ้านเกษะโกมล" ขณะที่ทีม "ม.ร.ว.ปรีดิยาธและรัฐมนตรีทั้ง 7" ยังเมาหมัดกับปัญหางบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า ที่เบิกจ่ายล่าช้า, ราคาพืชผลตกต่ำ, งบลงทุนที่เบิกห่างไกลจากเป้าหมายที่วางไว้, ปมสต๊อกข้าว ที่กดดันราคาตลาดทั้งในประเทศ-ต่างประเทศ
ควันของการปรับคณะรัฐมนตรี จึงเริ่มมีประกายไฟร้อนแรงมากยิ่งขึ้น
เป็นประกายไฟ ที่พุ่งร้อนตรงไปที่เก้าอี้หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่นำโดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล และรัฐมนตรีทั้ง 7
ข่าวการประเมินผลงานรัฐมนตรีที่โลกลืม เริ่มดังขึ้นในห้องวอร์รูม-ตึกไทยคู่ฟ้า และการประชุม "มอร์นิ่งบรีฟ" ของคณะกรรมการ "ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์" หรือ Prime Ministerial Operation Center : PMOC เริ่มมีวาระ "สับเปลี่ยนกำลัง" ในคณะรัฐมนตรี ถี่ยิ่งขึ้น
คำสำคัญสั้นๆ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เคยส่งสัญญาณเมื่อถูกถามเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี ที่ว่า "ขอดูอีกที" เริ่มมีความหมาย และถูกนำไปขบคิด-ตีความ
แน่นอนที่สุดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ย่อมมีภาระ พันธะทางใจกับทีมคณะรัฐมนตรี ทั้งทีมทำเนียบรัฐบาล และทีมบ้านเกษะโกมล ดังที่เคยกล่าวต่อหน้าข้าราชการทั่วประเทศว่า "คณะรัฐมนตรีของผมคณะนี้ไม่ได้มาเป็นกันง่ายๆ นะครับ...ต้องขอร้องให้มาเป็น"
เมื่อดัชนีเศรษฐกิจหลายตัวอยู่ในแดนลบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องเลือก 2 แนวทาง ระหว่างการใช้อำนาจ ปรับ-ปลด-ลดย้าย รัฐมนตรี กับส่งสัญญาณให้บุคคลวีไอพีที่ไร้ผลงาน "ฮาราคีรี" ตัวเอง ก่อนคณะรัฐมนตรีทั้งทีมจะแหกโค้งอันตราย และเข้าสู่โค้งสุดท้ายของโรดแม็ปการเมือง อย่างสวยงาม
แหล่งข่าว มติชนออนไลน์