แถลงภายหลังเดินทางไปประเทศจีนเพื่อติดตามความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ ระหว่างวันที่ 15-19 กรกฎาคมว่า ได้ไปพบปะหารือกับผู้นำระดับสูงของจีน อาทิ นายเมิ่ง เจียนจู้ เลขาธิการคณะกรรมาธิการการเมืองและกฎหมายของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยจีนยืนยันเต็มที่ในการดูแลความปลอดภัยของชาวอุยกูร์ นอกจากนี้ยังเดินทางไปดูสถานที่พักของชาวอุยกูร์ทั้ง109 คน ซึ่งมีความเป็นอยู่ที่ดีทั้งในแง่ความสะอาด ปลอดภัย และได้พูดคุยกับตัวแทนของเขา ซึ่งบอกถึงสาเหตุการหลบหนีเข้าเมืองเพราะต้องการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น บางคนต้องขายทรัพย์สินที่มีอยู่ บางรายหลบหนีไปยังอัฟกานิสถานและถูกส่งตัวกลับมาเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังได้ไปดูความเป็นอยู่ของชาวมุสลิมที่อยู่ในเขตปกครองพิเศษซินเจียงด้วย

 

 

 ซึ่งไม่เคยมีนโยบายให้เข้าไปก้าวล่วงทางการบริหารและกระบวนการยุติธรรมของเขา ถือว่าเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศในแก้ไขปัญหาการอพยพย้ายถิ่นฐาน สิ่งที่ไทยทำถูกต้องชอบธรรม สามารถอธิบายต่อนานาชาติได้ ยกเว้นกระแสข่าวในโซเชียลมีเดียที่บิดเบือนข้อเท็จจริงและทำให้ประเทศไทยเสียหาย สื่อควรจะช่วยกัน เช่น การบอกว่ามีคนเสียชีวิต 20 คน เป็นเรื่องที่น่าเกลียดมาก เพราะไม่เป็นความจริง ส่วนอุยกูร์ 13 คนที่ทางการจีนรายงานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย คาดว่าจะมีการสอบสวนเร็วๆ นี้

 

 

โดยยืนยันว่า การทำงานของเราเป็นไปตามกฎหมายและหลักสากล การปฏิบัติการเรื่องนี้ น่าจะเป็นบรรทัดฐานในทุกประเทศที่จะต้องดำเนินการลักษณะนี้เพื่อปกป้องคนของตนเองและการขยายตัวในการนำคนไปกระทำผิดกฎหมายเรื่องอื่นๆ ตนคิดว่าทำหน้าที่อย่างดีที่สุด และทำความจริงให้ปรากฏ ส่วนการที่จะส่งตัวคนที่เหลืออยู่ประมาณ 60 คนคงต้องใช้เวลาและใช้ความสัมพันธ์การเมืองพอสมควร ที่ผ่านมามีแรงกดดันค่อนข้างมาก ทั้งที่เราเชื่อว่าเราปฏิบัติตามกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนเป็นอย่างดี

 

“ในแง่สิทธิมนุษยชน เชื่อว่าประเทศไทยทำได้ดีกว่าหลายประเทศ และเราเคยได้รับการชื่นชมจากองค์กรระหว่างประเทศหลายครั้ง เช่น ยูเอ็นเอชซีอาร์ ที่ผ่านมาเราแบกรับผู้ลี้ภัยต่างๆดูแลอย่างดี และควรได้รับความชื่นชมจากนานาชาติ แต่เรื่องการเมืองระหว่างประเทศใช้สถานการณ์ในบางเรื่องเพื่อกระทบอีกบางเรื่อง เป็นเรื่องที่เราต้องพยายามทำให้ดีที่สุด” เลขาฯ สมช. กล่าว

 

ที่มา Teenee