ชาวนาอ่างทองหันปลูกกระเจี๊ยบ พืชน้ำน้อยสร้างรายได้สู้ภัยแล้ง
วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 นำเสนอข่าวโดยทีมงาน www.legendnews.net
15 ก.ค.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชาญณรงค์ อายุ 51 ปี และ นางนริศรา อายุ 45 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 9/3 หมู่ 1 ต.ไผ่วง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง เป็นชาวนาสู้ภัยแล้ง หันมาปลูกกระเจี๊ยบเขียวพืชใช้น้ำน้อย สร้างรายได้หลังชลประทานชะลอการจ่ายน้ำ ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล จำเป็นต้องหยุดทำนากว่า 50 ไร่ ขาดรายได้เลี้ยงครอบครัว จึงได้หันมาทดลองปลูกกระเจี๊ยบพืชน้ำน้อย จำนวน 1 ไร่ 2 งาน โดยใช้น้ำจากบ่อบาดาลเก่ากลางทุ่งนา และสระน้ำที่ขุดไว้ในแปลงนามาหล่อเลี้ยงต้นกระเจี๊ยบ หลังผ่านไป 45 วัน กระเจี๊ยบเริ่มออกฟักเก็บสร้างรายได้วันละ 300-500 บาทต่อวัน นานร่วม 5 เดือน จึงได้ขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มอีกจำนวน 5 ไร่
ด้านชาญณรงค์ เผยว่า หลังประสบภัยแล้งต้องหยุดทำนาขาดรายได้ จึงเริ่มทดลองปลูกกระเจี๊ยบเขียวในพื้นที่นา โดยครั้งแรก ลงทุนไปประมาณ 1,000 บาท และเมื่อกระเจี๊ยบเจริญเติบโตได้ร่วม 2 เดือน ก็สามารถเก็บฟักกระเจี๊ยบขาย ได้วันละ 30 -50 กิโลกรัม ในราคากิโลกรัมละ 16 บาท ได้เงินกว่า 25,000 บาท จึงได้ขยายพื้นที่ในการปลูกกระเจี๊ยบเพิ่มขึ้น ส่วนการดูแลการปลูกกระเจี๊ยบนั้นใช้น้ำบาดาลและน้ำในสระกลางนาหล่อเลี้ยง ในช่วงการปลูกระยะแรกนั้น จะใช้น้ำรดกระเจี๊ยบสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง และในช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตก็รดน้ำวันเว้นวัน แต่ที่สำคัญต้องคอยเอาใจใส่ดูแลอย่างดีเพื่อป้องกันแมลงกัดกินเสียหาย
ส่วน นางนริศรา กล่าวว่า การปลูกกระเจี๊ยบเขียว พืชชนิดนี้ต้องคอยเอาใจใส่ดูแลอย่างดีมากกว่าการปลูกข้าว ต้องอยู่ภายในสวนทุกวันเพื่อดูแล และต้องคอยฉีดพ่นยาค่าแมลง พร้อมการใส่ปุ๋ยอาทิตย์ละครั้ง โดยกระเจี๊ยบเขียวปลูกอายุได้ 45 วัน ก็เริ่มเก็บผลผลิตสร้างรายได้ได้แล้ว วันละ 300 -500 บาท และที่สำคัญเกษตรกรสามารถเก็บผลผลิตได้นาน 3-5 เดือน แล้วแต่การดูแล โดยตนเองนำน้ำที่สูบมาจากบ่อในท้องนาเก็บไว้ในบ่อปูน แล้วนำสารหมักชีวภาพมาเติม ช่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำแล้วนำไปรดกระเจี๊ยบเขียวในสวนตนเอง ทำให้กระเจี๊ยบสามารถเติบโตได้ดีขึ้นกว่าเดิม เป็นการสร้างรายได้สู้ภัยแล้งเลี้ยงครอบครัวต่อไป
ที่มา แนวหน้า