สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) หนุ่น ต้าน แตก กดหัวประชาชนส่วนใหญ่
พท.ร่อนแถลงการณ์
ปลุกคว่ำรธน.
สปช.แตกเป็นเสียง
‘ฝ่ายหนุน-ต้าน’ล่อกันนัว
‘ปั้นโหวต’เกทับกันอุตลุด
‘วิษณุ’ไฟเขียวการเมืองจ้อ
กระแสการโหวตรับและคว่ำร่างรัฐธรรมนูญในช่วงโค้งสุดท้ายของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)ก่อนลงมติชี้ขาดในวันที่ 6 กันยายนที่จะถึงนี้ทวีความดุเดือดเข้มข้นขึ้นทุกขณะโดยนายบุญเลิศ คชายุทธเดช สมาชิกสปช.ด้านสื่อสารมวลชน และนายนิมิต สิทธิไตรย์ สมาชิก สปช.อุบลราชธานี ร่วมแถลงเมื่อวันที่ 2 กันยายน ประกาศจุดยืนคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย นายบุญเลิศ กล่าวว่า แม้เนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญมีส่วนดีอยู่มาก แต่ก็มีส่วนที่ไม่ดี ซึ่งเมื่อนำไปใช้แล้วอาจจะเกิดวิกฤติสำคัญต่อร่างรัฐธรรมนูญและต่อประเทศได้ ดังนั้นเมื่อพิจารณาดูแล้วพวกตนทั้ง 2 จะพิจารณาให้หยุดร่างรัฐธรรมนูญไว้ก่อนเพื่อให้ปรับแก้จนสมบูรณ์เพื่อให้ทุกฝ่ายเกิดความสบายใจ ขอยืนยันว่าตนแถลในนามส่วนตน ไม่เกี่ยวกับกลุ่มสปช.ที่จะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญแต่ประการใด
ยกสารพัดเหตุผลไม่รับร่างรธน.
นายบุญเลิศ ให้เหตุผลที่จะลงมติไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญนี้เนื่องจากหลายส่วนไม่เห็นด้วย อาทิ ฝ่ายการเมือง กลุ่มนปช. นักวิชาการ และสื่อมวลชน ร่างถูกตั้งฉายาในทางลบ ไม่สง่างามสมกับเป็นกฏหมายสูงสุดของประเทศ มีสมาชิกสปช.จำนวนมากไม่เห็นด้วย และประชาชนไม่เข้าใจเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เกินคาดการณ์ได้ว่า ผลการลงมติที่ออกมาจะมีความชอบธรรมหรือเป็นมติที่สร้างความแตกแยก เกิดความไม่ปรองดองรอบใหม่
ชี้ว่าที่21กมธ.ตัวแปรชี้ขาดมติ
“คาดว่าคะแนนลงมติทั้งรับและไม่รับร่างรัฐธรรมนูญนั้นน่าจะสูสีกันมากโดยตัวแปรที่สำคัญก็คือสมาชิก สปช. ที่ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 21 คน แต่สำหรับพวกผมนั้นได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้วโดยคำนึงถึงประเทศชาติเป็นสำคัญ จึงได้ตัดสินใจลงมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ถ้าหากในอนาคตเกิดอะไรขึ้นมานั้นก็จะมาโทษพวกผมไม่ได้เพราะว่าได้ทำหน้าที่แล้ว” นายบุญเลิศ กล่าว
วอนสปช.คิดให้ดีก่อนลงมติ
ด้านนายนิมิต กล่าวเสริมว่า การลงมติของสปช.ไม่ใช่เรื่องเอาแพ้ชนะ แต่เป็นการทำหน้าที่เพื่อบ้านเมือง การผ่านร่างรัฐธรรมนูญในชั้นสปช.แล้วให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจในการลงประชามติน่าจะไม่ใช่เรื่องดี จึงขอให้สปช.ไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ โดยถือประเทศเป็นที่ตั้ง หากตัดสินใจผิดพลาดนำประเทศสู่วิกฤติติดกับดักรัฐธรรมนูญ เกิดความขัดแย้ง จะกลายเป็นตราบาปติดตัวสปช.ได้
“นิรันดร์”แนะสปช.คว่ำก่อน
เช่นเดียวกับนายนิรันดร์ พันทรกิจ สมาชิกสปช.และกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง ออกมาแถลงเรียกร้องต่อสมาชิกสปช.ว่า ถ้ารู้ว่ารถคันนี้จะขับไปลงเหว คนที่จะขับต่อไปมีแต่คนปัญญาอ่อน สติไม่ดี หรือฆ่าตัวตาย เท่านั้น ถ้าคนสติดีต้องเห็นอยู่แล้ว ดังนั้นจะใช้เงิน 3,000 ล้าน ในการลงประชามติด้วยเหตุผลอะไรตนจึงต้องการให้สปช.มีมติร่วมกันไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้
ฟันธง1,000%ไม่ผ่านประชามติ
นายนิรันดร์ ยังกล่าวแบบฟันธงว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะไม่ผ่านประชามติ 1,000 เปอร์เซ็นเนื่องจากการลงประชามติครั้งนี้ใช้จำนวน”ผู้มีสิทธิออกเสียง” ซึ่งทางกกต.เคยแถลงว่ามี 47 ล้านเสียง ถ้าใช้เสียงเกินครึ่งหนึ่งคือ 23.5 ล้านเสียง แต่การลงประชามติเมื่อปี 2550 มีผู้ใช้สิทธิ 23ล้านคน เห็นชอบ 14 ล้านเสียงเท่านั้น แต่ตอนนี้พรรคใหญ่ๆ กำลังรณรงค์ให้คว่ำ แล้วจะเอา 23 .5 ล้านเสียงมาจากไหน หมายความว่าโอกาสที่รัฐธรรมนูญนี้จะผ่านประชามติไม่มีเลย 1,000%
‘เสรี’แนะสปช.ตัดไฟแต่ต้นลม
นายเสรี สุวรรณภานนท์ สปช.ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวเรียกร้องสมาชิก สปช.ลงมติไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่เป็นปัญหานี้เสีย เพื่อเป็นการตัดไฟเสียแต่ต้นลมเนื่องมีสัญญานแตกแยกขึ้นแล้ว หลังจากผู้นำฝ่ายนปช.ได้ส่งสัญญาณว่าจะรณรงค์ไม่รับร่าง รธน.ฉบับนี้ ขณะที่ผู้นำกปปส.ก็ได้ส่งสัญญาให้รับร่าง รธน.ฉบับนี้ ดังนั้นหากนำร่างไปทำประชามติ เชื่อว่าบ้านเมืองจะกลับมาวิกฤติอีกครั้ง
‘อมร’ปูดฝ่ายคว่ำตีตื้น130เสียงแล้ว
ในขณะที่นายอมร วาณิชวิวัฒน์ สมาชิกสปช. กล่าวถึงกรณีมีการระบุเสียงโหวตผ่านรัฐธรรมนูญถึง 200 เสียงนั้น คงเป็นแค่เรื่องโจ๊ก วันนี้ไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว เพราะจากการนัดพบปะกันของสมาชิก สปช. ที่โรงแรมดุสิตธานี เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมาประเมินกันว่าเสียงโหวตน่าจะสูสี เสียงไม่รับร่างอาจจะเกือบ 130 เสียงด้วยซ้ำไป เพราะล่าสุด สปช.สายปกครอง สายต่างจังหวัดบางส่วน ก็เริ่มหันมาเทคะแนนทางไม่รับร่างมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
“ธีรยุทธ์”สวนคืนร่างผ่านแบบสูสี
ทางด้านนายธีรยุทธ์ หล่อเลิศรัตน์ สมาชิก สปช. กล่าวยอมรับว่า มีการพูดคุยกันในกลุ่ม สปช.สายนักวิชาการ สายกฎหมาย เรื่องการมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการสร้างความปรองดองแห่งชาติ(คปป.)จริง ซึ่งเป็นห่วงเรื่องจะไปสู่ความขัดแย้ง สร้างปัญหาให้เกิดขึ้นได้
แต่ก็เข้าใจว่ายกร่างในสถานการณ์ไม่ปกติจึงต้องมีองค์กรป้องกันความขัดแย้งอีก
“เราไม่ได้เคลื่อนไหวถึงขั้นจะไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนตัวยังมั่นใจ ว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุม สปช.ในวันที่ 6 ก.ย. นี้ แต่เสียงคงไม่ขาดลอย แต่ก็คงไม่ถึงขั้นสูสีเช่นกัน”นายธีรยุทธ์ กล่าว
เช่นเดียวกับนายธีรศักดิ์ พานิชวิทย์ สปช.ด้านการปกครองส่วนท้องถิ่น ก็เชื่อว่า
ร่างน่าจะผ่าน สปช.ได้ แต่คะแนนอาจจะสูสี ไม่ได้ทิ้งขาดเหมือนกระแสข่าวในตอนแรก
“สิระ”ขู่ยื่นถอนประกัน“เต้น”
นายสิระ เจนจาคะ สมาชิกสปช. ด้านสังคม กล่าวถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.ประกาศจะนำมวลชนเสื้อแดงเคลื่อนไหวคว่ำร่างรัฐธรรมนูญหากผ่านการลงมติของสปช.ว่าถ้านายณัฐวุฒิยังเคลื่อนไหวในลักษณะที่ผิดเงื่อนไขการให้ประกันตัว ตนจะไปยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้ถอนเงื่อนไขการประกันตัว ให้ นายณัฐวุฒิ ได้เข้าไปอยู่ในเรือนจำ ถ้าคิดถึงเพื่อนไม่อยากไปเยี่ยมเพื่อนก็ไปอยู่ด้วยกัน
มั่นใจโหวตผ่าน190-200เสียง
อย่างไรก็ตามในการลงมติในวันที่ 6 กันยายนนั้นจากที่ได้พูดคุยกับสปช.หลายท่าน เชื่อว่าจะมี สปช.โหวตรับร่างนี้กว่า 190-200คน ส่วนคนที่คว่ำก็มีอยู่น้อยมาก ซึ่งเป็นกลุ่มคนเดิมๆที่มีธงจะคว่ำตั้งแต่ยังไม่เห็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์ ทั้งนี้ขอให้ประชาชนจดจำกลุ่ม สปช.และนักการเมืองที่ประกาศจะคว่ำรัฐธรรมนูญฉบับนี้ หากลงเลือกตั้ง สส.ขอให้ประชาชนพิจารณาคนกลุ่มนี้ด้วย
พท.ร่อนแถลงการณ์ปลุกล้ม
ขณะเดียวกันแกนนำพรรคเพื่อไทย(พท.) นำโดย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค นายชวลิต วิชยสุทธิ รักษารองเลขาธิการพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายและนายสามารถ แก้วมีชัย อดีตส.ส.ในฐานะคณะทำงานติดตามการยกร่างรัฐธรรมนูญ
ร่วมกันแถลงข่าวย้ำจุดยืนในการคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญ
แถลงการณ์มีเนื้อหาระบุว่า พรรคพท.ย้ำจุดยืน สปช.ไม่ควรผ่านร่างรัฐธรรมนูญ หากไม่รอบคอบในที่สุดจะสร้างความเสียหายใหญ่หลวงต่อประเทศ พร้อมกับตั้งฉายาร่างรัฐธรรมนูญว่าเป็นฉบับกดหัวประชาชนเนื่องจากมีกลไกไม่ได้เคารพในอำนาจของประชาชน แต่อำนาจที่แท้จริงกลับไปตกอยู่กับองค์กรและกลุ่มบุคคลที่ได้สร้างกลไกเพื่อมุ่งสืบทอดอำนาจ สร้างรัฐซ้อนรัฐ
และไร้การตรวจสอบ พร้อมเรียกร้องไปยังสมาชิก สปช.ให้ยับยั้งความวิกฤตที่จะเกิดขึ้นโดยการลงมติไม่ให้ความเห็นชอบร่างฉบับนี้เสีย แต่ถ้าสปช.ให้ความเห็นชอบ ทางพรรคพท.เชื่อว่า จะเป็นต้นเหตุนำชาติเข้าสู่ภาวะแห่งความขัดแย้ง นำชาติดำดิ่งสู่วงจรอุบาทว์และเสียหายอย่างใหญ่หลวง
‘วิษณุ’เผยการเมืองแถลงข่าวได้
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชน แถลงสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญว่าเป็นเรื่องของนายสุเทพ ไม่ทราบเพราะเป็นเรื่องของหลายฝ่าย ประเทศไทยเรามีหลายฝ่าย ซึ่งนายสุเทพ สามารถแสดงความคิดเห็นได้ ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด ใครก็สามารถแสดงความเห็นได้ คงไม่ใช่การชี้นำ แต่เป็นการแสดงความคิดเห็น เราไม่ได้ปิดปากอย่างที่มีการกล่าวหากัน
เมื่อถามว่าการที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ขอแถลงข่าวบ้างจะได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ได้ ไม่มีปัญหาอะไร แถลงข่าวให้สัมภาษณ์ได้ทั้งนั้น ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทย(พท.)แถลงไม่รับร่างรัฐธรรมนูญนั้น รัฐบาลไม่ได้ห้าม แต่ห้ามการจัดกิจกรรมทางการเมือง เพราะรัฐบาลกังวล อย่าให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยจนแตกแยกสามัคคี
คสช.ดูก่อน’เสื้อแดง’ขอแถลง
ขณะที่ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช.กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มนปช.จะเดินทางมายื่นหนังสือถึง คสช.เพื่อขออนุญาตใช้สิทธิแถลงข่าวแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับกลุ่มของนายสุเทพว่า คสช.ต้องพิจารณาตัวหนังสือที่จะมายื่นว่ามีในรายละเอียดอย่างไร ซึ่งปกติการยื่นหนังสือก็สามารถมายื่นได้ตามช่องทางของ คสช. แต่จะอนุญาตให้จัดกิจกรรมต่างๆ หรือไม่ ต้องพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง โดยนำเรียนผู้บังคับบัญชาต่อไป
‘บิ๊กตู่’แนะอย่าให้ใครชักจูง
ที่ศูนย์การแสดงสินค้าและศูนย์ประชุมส่งเสริมการท่องเที่ยวเทศบาลนครแม่สอด จ.ตาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. กล่าวกับประชาชนตอนหนึ่งในระหว่างลงพื้นที่ว่าหากมีใครชักจูงไปทำในสิ่งที่ไม่ดีก็ไม่ควรทำ หรือถ้าใครเขามาชวนเข้ากรุงเทพฯไปเผาโน้นเผานั้นยังจะไปอีกไหม ซึ่งชาวบ้านได้ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่เอา” จากนั้นนายกฯกล่าวว่า อย่าให้การเมืองมาบิดเบือนความคิดเราไม่ได้