กลุ่มต้าน จัดกิจกรรมคึก ขับไล่คสช. จ่อโดนฟันคดี 2พรรครุมวิษณุ ชงสูตรพิสดาร
วันอังคารที่ 22 กันยายน 2558 นำเสนอข่าวโดยทีมงาน www.legendnews.net
พท.-ปชป.ประสาน เสียงถล่มเละ สูตรพิสดาร ล้างไพ่ 2 ขั้วพรรคใหญ่ “วิรัตน์” จวกแหกประเพณีเก่าสร้างปมยุ่งยาก “วัชระ” เฉ่งนักวิชาการวิปริตฉวยโอกาสเขียน ก.ม.เกินพอดี ด้าน “ชูศักดิ์-ชวลิต” โวยแผนตื้นๆวางกับดักกำจัดพรรคการเมือง ขุดโมเดลย้อนยุคพรรคสามัคคีธรรม เพื่อไทยยึด ปชต.ไม่ร่วม สปท.ใครไปต้องไขก๊อก “เจ๊หน่อย” ปัดวุ่น คสช.จีบเข้าร่วม ขณะที่ “วิษณุ” เสียงอ่อยแค่พูดเผื่อไว้ พลิ้วเปิดช่องพรรคเก่าดำเนินการใหม่แต่ใช้ชื่อเดิมได้ แจงโรดแม็ปใหม่ฤกษ์เลือกตั้ง มิ.ย.60 เผยโฉม ครม.ใหม่ ก.ค.60 กลุ่มประชาธิปไตยใหม่มาตามนัดรำลึก 9 ปี 19 ก.ย.49 ตั้งวงเสวนาขย่มรัฐประหาร “พวงทอง” ฉะฉุดไทยถอยหลัง 50 ปี ชูผีทักษิณหล่อเลี้ยงฐานกลุ่มอำนาจเก่า เคลื่อนขบวนจาก มธ.ปักหลักอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ชูป้ายโจมตีเผด็จการ ขับไล่ คสช.
จากกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าจะมีการยกร่างกฎหมายพรรคการเมืองสูตรพิสดาร ทำให้พรรคการเมืองใหญ่สองขั้วต้องจด ทะเบียนพรรคใหม่ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นเพียงเกมการเมืองจัดการกับพรรคการเมือง ย้อนรอยไปสู่การเมืองเก่ายุคพรรคสามัคคีธรรม
สนช.รวมพลังสัมมนาลุยปฏิรูป
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 19 ก.ย. ที่โรงแรมดุสิตธานี พัทยา จ.ชลบุรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จัดโครงการสัมมนาสมาชิก สนช.ประจำปี 2558 มีสมาชิก สนช.เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง โดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า ที่ผ่านมา สนช.มีผลงานกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาทั้งหมด 151 ฉบับ ประกาศเป็นกฎหมายแล้ว 119 ฉบับ เป็นผลงานที่น่าพึงพอใจอย่างยิ่ง จากนั้นนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาหัวข้อ “เศรษฐกิจและการเมืองการปกครองของประเทศไทย” ตอนหนึ่งว่า ไม่เคยคิดว่าจะกลับมาสู่ตำแหน่งรองนายกฯ เคยคิดว่าจะเลิกเล่นการเมืองด้วยซ้ำ แต่เป็นเรื่องโชคชะตาที่ส่งให้ตนต้องมาทำงานตอนที่ค่อนข้างลำบาก ไม่เคยส่งให้มาทำงานตอนสะดวกสบาย เมื่อมารับตำแหน่งจะทำในสิ่งถูกต้อง นโยบายส่วนใหญ่ได้รับมอบหมายจากนายกฯอยู่แล้ว ก็จะมาช่วยขับเคลื่อน และปฏิบัติตามนั้น
“สมคิด” เร่งอัดฉีดปากท้องเบิกร่อง
นายสมคิดกล่าวว่า 30 ปีที่ผ่านมาเราเน้นแต่การส่งออกทั้งที่สิ่งสำคัญสุดคือ เศรษฐกิจภายในประเทศ เมื่อการส่งออกดีก็ปลื้มใจว่าตัวเลขจีดีพีดีน่าพอใจแต่จุดมุ่งหมายการพัฒนาประเทศไม่ใช่การมองจีดีพี เพราะจีดีพีเป็นบั้นปลาย เมื่อฉีดเงินเข้าไปจีดีพีก็ดีขึ้นมา แต่สุดท้ายมันก็ตก ดังนั้นต้องฉีดเงินเข้าหมู่บ้านประคองให้ชาวบ้านอยู่ได้ ก่อนที่รัฐบาลจะลงไปปฏิรูปอย่างแท้จริง สิ่งแรกที่ต้องทำคือให้ประชาชนมีกิน จากนั้นจึงเข้าสู่การปฏิรูป โดยรัฐบาลต้องประสานกับคสช.ว่าอะไรทำก่อนก็ต้องทำเลย เพราะมีเวลาอยู่เพียงแค่ปีครึ่งตามโรดแม็ปใหม่ จะต้องทำให้โครง สร้างเศรษฐกิจ 2 ขาเท่ากันคือ ขาส่งออกกับขาชนบท ซึ่งทำได้ยาก หัวใจการปฏิรูปคือ การขับเคลื่อนของประชาชน ถ้าไม่สามารถทำให้ประชาชนตื่นตัวได้ก็ไม่สามารถปฏิรูปได้ เช่น การแก้ปัญหาคอร์รัปชันถ้าประชาชนไม่ตื่นตัวก็ไม่สำเร็จ คนหน้าด้านยังอยู่ ไม่ใช่ฝ่ายข้าราชการที่หน้าด้าน ถ้าภาคเอกชนไม่ให้เขาก็ไม่รับอยู่แล้ว
“วิษณุ” แจงยิบตาร่างโรดแม็ปใหม่
ต่อมาเวลา 13.00 น. นายวิษณุ เครืองาม รอง นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาหัวข้อ “โรดแม็ปของรัฐบาลและ คสช.” ตอนหนึ่งว่า ขณะนี้เรือแป๊ะผ่านมรสุมหลายลูก ได้ส่งผู้โดยสารขึ้นบกไปแล้ว 2 กลุ่ม ทำให้ผู้โดยสารที่เหลืออีก 3 กลุ่มว้าเหว่พอสมควร ขอให้อดใจรอไปถึงท่าเรือใหม่ จะมีผู้โดยสารลงเรืออีก 2 กลุ่มคือ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) 200 คน แต่เท่าที่รออยู่บนท่า จะยัดเยียดลงเรือให้ได้มีกว่า 20,000 คนแล้ว ขณะที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ขณะนี้เรือแป๊ะยังไม่ถึงท่ายังมีเวลาเป่านกหวีดเรียกถูกโดยสารได้อยู่ ส่วนโรดแม็ปใหม่รัฐบาลและ คสช.สูตร 6-4-6-4 นั้น ไม่ได้มาจากโหราศาสตร์ ไสยศาสตร์ แต่มาจากข้อเท็จจริงแบ่งเป็น 6 เดือนแรกช่วงเดือน ต.ค.58 ถึง เม.ย.59 เป็นขั้นตอนร่างรัฐธรรมนูญทุกขั้นตอน ทั้งการยกร่าง 3 เดือน การฟังความเห็นประชาชน 1-2 เดือน และการนำความเห็นประชาชนมาปรับปรุง 1 เดือน
คาดได้ฤกษ์เลือกตั้ง มิ.ย.60
นายวิษณุกล่าวว่า จากนั้นเดือน เม.ย.-ส.ค.59 รวม 4 เดือน เป็นขั้นตอนทำประชามติ หากจะให้เร็วกว่า 4 เดือนก็ทำได้ แต่ต้องไปพูดคุยกับ กกต. เจ้าของโรงพิมพ์ที่พิมพ์กระดาษให้เร่งเวลาเร็วขึ้น จากนั้นเดือน ก.ย.-ต.ค.59 เป็นขั้นตอนร่างกฎหมายลูก 6 ฉบับ คาดว่าจะประกาศใช้กฎหมายลูกได้เดือน มี.ค.60 จึงดีเดย์หาเสียงได้ กำหนดเวลาเลือกตั้งไว้ 4 เดือน แบ่งเป็นการหาเสียง 3 เดือน และการลงนามพระปรมาภิไธยกฎหมายลูกอีก 1 เดือน คาดว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเดือน มิ.ย. 60 และมี ครม.ชุดใหม่เดือน ก.ค.60 ซึ่ง คสช.จะหมดอายุพร้อม ครม.ไปในนาทีเดียวกัน ส่วน สนช.จะอยู่ยาวกว่าเพื่อนจนกว่าจะมีวุฒิสภา คาดว่า สนช.จะสิ้นสุดอายุหลังเดือน ก.ค. 60
ยัน “บิ๊กตู่” สั่งหาช่องร่นโรดแม็ป
นายวิษณุกล่าวว่า หลังจากนายกฯดูโรดแม็ปใหม่แล้ว ได้ตั้งข้อสังเกต 2 ข้อคือ 1.ระยะเวลา 20 เดือน นานเกินไป อะไรที่บีบให้สั้นลงได้ อยากให้ทำ นายกฯบอกว่า ไม่ลดเป็นเดือน ลดเป็นวันก็ยังดี เพื่อไม่ให้ประชาชนรู้สึกว่า 6 เดือนที่ต้องมายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่เป็นช่วงเวลาที่เสียเวลาเปล่า 2.ขอให้ใช้ช่วงเวลานี้ดำเนินการเรื่องการต่อต้านทุจริตการออกกฎหมายสำคัญ การรักษาความสงบเรียบร้อยในสังคม และไม่อยากให้ใช้เวลาร่างรัฐธรรมนูญนานเกินไป โดยอยู่บนพื้นฐานความปรองดอง
รอนายกฯมอบอำนาจทาบ กรธ.
ต่อมานายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯให้สัมภาษณ์ ถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯได้มอบ หมายให้ทาบทามบุคคลมาเป็นคณะกรรมการ กรธ.ว่า เป็นแค่ดำริว่าอาจจะมอบหมายให้ตน แต่ขณะนี้ยังไม่มีการมอบหมายให้อย่างชัดเจน ถ้ามอบหมายแล้วจะไปทาบทาม ส่วนกรณีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานวุฒิสภา ที่มีกระแสข่าวจะเป็นประธาน กรธ.นั้น ล่าสุดนายมีชัยเดินทางกลับมาจากต่างประเทศแล้ว เมื่อวันที่ 18 ก.ย. แต่ยังไม่ได้พูดคุยกับนายมีชัยจึงไม่ทราบว่าจะเป็นประธาน กรธ.หรือไม่
เปิดช่องพรรคเก่าไม่ต้องตีทะเบียนใหม่
นายวิษณุกล่าวถึงกรณีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะทำให้พรรคการเมืองทุกพรรคต้องไปจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ว่า ไม่แน่ใจว่าต้องจดทะเบียนใหม่หรือไม่ แต่พูดเผื่อไว้ก่อนขึ้นอยู่กับเนื้อหาในรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.พรรคการเมืองที่จะออกมาใหม่จะระบุไว้อย่างไร อาจต้องจดทะเบียนใหม่หรือไม่ก็ได้ แต่ปกติแล้วต้องออก พ.ร.บ.พรรค การเมืองขึ้นมาใหม่ฉบับหนึ่งให้เข้ากับรัฐธรรมนูญใหม่ จะใช้กฎหมายพรรคการเมืองฉบับเก่าไม่ได้แล้ว การออก พ.ร.บ.พรรคการเมืองใหม่ ถ้าไม่ได้ระบุอะไรเป็นพิเศษ ใครจะตั้งพรรคการเมืองต้องไปจดทะเบียนใหม่ แต่ว่าพรรคการเมืองเดิมอาจใช้ชื่อเดิมต่อได้ ไม่มีใครแย่งได้ แต่ต้องไปดำเนินการใหม่ ในส่วนพรรค การเมืองเดิมที่มีสมาชิกพรรคอยู่ อาจใช้วิธีทำหนังสือถามสมาชิกพรรคว่าจะเป็นสมาชิกพรรคต่อไปหรือไม่ ถ้าตอบว่าอยู่ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร อย่างไรก็ตามเพื่อประหยัดเวลา อาจใช้วิธีไปเขียนในกฎหมายลูกว่า ให้พรรคการเมืองที่จัดตั้งก่อนหน้านี้ มาแจ้งต่อเจ้าหน้าที่แล้วถือว่าให้เป็นพรรคการเมืองต่อไป ซึ่งเป็นวิธีที่เร็ว
ไม่แคร์ฝ่ายการเมืองเมินสังฆกรรม
นายวิษณุกล่าวว่า ส่วนการให้เวลา 4 เดือนในการเลือกตั้งนั้น เพราะต้องนึกถึงคนที่จะตั้งพรรคใหม่ ที่ต้องใช้เวลารวบรวมสมาชิก หาทุน ต้องให้เวลากับคนกลุ่มนี้ จึงต้องให้เวลา 4 เดือนในการเลือกตั้ง โดย 3 เดือน เป็นการเคลียร์ในส่วนของการตั้งพรรคการเมืองใหม่ ส่วนที่พรรคการเมืองบางพรรคปฏิเสธไม่ส่งตัวแทนเข้ามาเป็นสปท. แม้บางพรรคปฏิเสธ แต่หลายพรรคส่งชื่อมาแล้ว ถ้าพรรคใดยังไม่พร้อมจะเข้าร่วมก็ไม่เป็นไร แต่เสียดาย
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.กล่าวถึงการคัดเลือกสมาชิก สนช.มาเป็นกรรมการ กรธ.ว่าการตั้ง กรธ.เป็นอำนาจ คสช. ไม่เกี่ยวข้องกับประธาน สนช. หรือสมาชิก สนช.จึงไม่มีกระบวนการคัดเลือกหรือส่งชื่อจาก สนช.แต่อย่างใด
“บิ๊กต๊อก” บอก “มีชัย” รู้ใจ คสช.
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าการส่งรายชื่อบุคคลเข้าไปเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ว่าได้ส่งชื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.แล้ว จำนวน 8 คน มีทั้งข้าราชการปัจจุบันและอดีตข้าราชการในกระทรวงยุติธรรม รวมถึงอัยการ ตุลาการ เนื่องจากต้องการให้เกิดการปฏิรูปที่สอดคล้องกันระหว่างกระทรวงยุติธรรมและกระบวนการยุติธรรม ส่วนชื่อของประธานคณะกรรมการ กรธ.ไม่ทราบว่าเป็นใคร ตกผลึกหรือยัง ส่วนที่มีชื่อนายมีชัย ฤชุพันธุ์ สมาชิก คสช. โดยส่วนตัวไม่ขัด เพราะถือว่าท่านมีประสบการณ์การร่างรัฐธรรมนูญมากคนหนึ่งและอยู่กับ คสช.มาตั้งแต่ต้น เข้าใจ คสช.เข้ามาเพราะอะไร เข้าใจบริบทสถานการณ์บ้านเมือง คนที่จะมาร่างต้องเข้าใจว่าควรร่างรัฐธรรมนูญออกมาหน้าตาอย่างไร เข้าใจแนวทางโรดแม็ป การปฏิรูปของ คสช.ที่วางมาตั้งแต่ต้น เพราะจะตอบโจทย์การร่างได้และร่างได้เร็วขึ้น
ย้ำต้องมี คปป.คุมรัฐบาลนอกลู่นอกทาง
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า สำหรับการร่างรัฐธรรมนูญต้องเขียนให้เป็นประชาธิปไตยและต้องแก้ไข ความขัดแย้งด้วย รวมถึงเขียนให้สอดคล้องการปฏิรูปด้วย มันต้องไปคู่กันตรงนี้ให้ได้ ไม่ใช่รัฐธรรมนูญที่มีไว้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ และต้องมีองค์คณะหรือกลไกประคับประคองรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เมื่อมีปัญหาวิกฤติ อย่างคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) ที่เราเรียกมา หรือต่อไปจะเรียกอะไรก็ไม่รู้ แน่นอนพอมีตรงนี้ขึ้นมา จะมีคนบอกว่าประชาธิปไตยต้องไม่มีรัฐซ้อนรัฐ อำนาจซ้อนอำนาจ มองไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ตนมองว่าเป็นประชาธิปไตย เพราะมันจำเป็น เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีใครประคับประคอง ไม่มีใครดู ซึ่งคนมองไปถึงใช้อำนาจเกินเลย ครอบงำ มันมองมากเกินไปไหม และไม่ใช่เป็นโปลิตบูโร มีอำนาจเหนือรัฐบาล อย่ามองถึงขนาดนั้น เป็นเพียงการประคับประคองให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่นอกลู่นอกทาง และไม่ใช่การสืบทอดอำนาจ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศแล้วหลังจากนี้จบ เชื่อใจกันหน่อย
หนุนจับพรรคการเมืองตีทะเบียนใหม่
นายตวง อันทะไชย สมาชิก สนช.กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุพรรคการเมืองทุกพรรคต้องจดทะเบียนตั้งพรรคการเมืองใหม่ เมื่อมีรัฐธรรมนูญใหม่ว่า ถูกต้องแล้วเพราะขณะนี้กฎหมายพรรคการเมืองถูกยกเลิกไปแล้ว เมื่อมีรัฐธรรมนูญใหม่ต้องทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรค การเมืองขึ้นใหม่ ทุกพรรคการเมืองต้องมาจดทะเบียนใหม่ แต่ถึงเวลาเลือกตั้ง ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย ยังได้เปรียบพรรคการเมืองอื่นอยู่ เพราะมีฐานเสียงและเครือข่ายสาขาพรรคมากอยู่แล้ว
พท.ย้ำไม่ร่วม สปท.ใครไปให้ไขก๊อก
ที่พรรคเพื่อไทย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ตามที่มีข่าวปรากฏว่าจะมีการเชิญพรรคเพื่อไทย ส่งตัวแทนเข้าร่วมใน สปท.นั้น ขอเรียนชี้แจงว่าพรรคเพื่อไทย ไม่สามารถส่งบุคลากรหรือนักการเมืองของพรรคเข้าร่วมได้ ด้วยเหตุที่มีความยากลำบากที่เราในฐานะพรรคการเมือง ที่เกิดขึ้นและเติบโตมาตามกระบวนการประชาธิปไตย จะเข้าไปดำเนินการร่วมกับกลุ่มใดๆในทางการเมืองในสถานการณ์ขณะนี้ และที่สำคัญ เรื่องดังกล่าวเป็นอำนาจของคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งไม่สามารถจัดการประชุมขึ้นได้ตามคำสั่งห้ามของ คสช.และข้อบังคับของ กกต.สำหรับสมาชิกท่านใดจะเข้าร่วม ถือเป็นดุลพินิจส่วนตัวแต่เมื่อเป็นไปโดยขัดเจตนารมณ์ของพรรค จึงสมควรลาออกจากสมาชิกภาพของพรรคด้วย
เย้ยย้ำรอยโมเดล “สามัคคีธรรม”
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า ร่างรัฐธรรมนูญใหม่จะมีสูตรพิสดารล้างไพ่พรรคการเมืองว่า อะไรที่เป็นของพิสดาร จะเป็นสิ่งแปลกประหลาด ไม่เป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่ แค่เผยออกมาคงถูกต่อต้านคัดค้านเหมือน คปป.ของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานกรรมาธิการยกร่างฯจนถูกคว่ำไป ขอให้สงสารประเทศ สงสารคนไทย โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร หากกติกาออกมาจะทำให้ได้รัฐบาลที่อ่อนแอ เท่ากับซ้ำเติมประเทศ ลองตรวจสอบให้ดีว่า ขณะนี้มีพรรคการเมืองเท่าไหร่ มีทั้งพรรคการเมืองขนาดใหญ่ ขนาดกลางและขนาดเล็กเป็นร้อยพรรค จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะล้างไพ่พรรคการเมืองใหม่ อาจถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ว่าจำลองแนวคิดจะให้มีพรรคสหประชาไทย หรือพรรคสามัคคีธรรมเช่นในอดีต ไม่คิดว่าจะตื้นขนาดนั้น เดี๋ยวนี้นายวิษณุ ที่เคยเรียกอาจารย์ได้เต็มปากเต็มคำเปลี่ยนไปแล้ว และเปลี่ยนไปอย่างมากกับคำว่าครูบาอาจารย์ กติกาของประเทศใช้กับคน 60 กว่าล้านคน ควรได้รัฐบาลภายหลังการเลือกตั้งที่มีเสถียรภาพ หากเกรงว่าจะเป็นเผด็จการรัฐสภา ให้มีการตรวจสอบถ่วงดุลอย่างเหมาะสม ขอให้เลิกความคิดสูตรพิสดารต่างๆ เพราะประเทศไทย คนไทย ไม่ใช่หนูทดลองยา ระวังจะเป็นตราบาปไปชั่วชีวิต
สับแพ็กเกจฟาดฟัน-กับดักการเมือง
นายชูศักดิ์ ศิรินิล หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สงสัยว่าจะมีแพ็กเกจจัดการกับพรรคการเมืองอีกหรืออย่างไร ขณะนี้มีพรรค การเมืองกว่า 50 พรรคที่ยังมีสภาพอยู่ เพราะคสช.ไม่มีประกาศยุบหรือยกเลิกพรรคการเมือง เพียงสั่งห้ามประชุมและดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ฟังดูเหมือนจะต้องทำกฎหมายพรรคการเมืองใหม่ แล้วจะต้องนับหนึ่งกันใหม่เพื่อความเป็นธรรมสำหรับพรรคการเมืองที่จะจดทะเบียนใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่ยังไม่รู้ว่าจะออกมาอย่างไรเลย ก็มีกับดักที่กฎหมายพรรคการเมืองเสียแล้ว สงสัยว่าจะมีแพ็กเกจอะไรซุกซ่อนอยู่อีกหรือเปล่า หรือว่าจะมีสามัคคีธรรม 2 ปัญหาจริงๆ คือคิดจะอยู่สั้นหรืออยู่ยาว คิดจะคืนอำนาจเมื่อใด จะอยู่ภายใต้ประกาศ คสช.กันแบบนี้ ปิดปากกันไปอีก 2-3 ปีเลยหรือ ถ้าจะให้สั้นให้พรรคการเมืองเดิมยังเป็นพรรคการเมืองตามรัฐธรรมนูญใหม่ต่อไป พรรคใหม่เขียนบทเฉพาะกาลไม่ให้นำบทบัญญัติบางเรื่อง เช่น จำนวนสมาชิกมาใช้บังคับ หรือเปิดให้จดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองเสียแต่บัดนี้ เพราะกฎหมายพรรคการเมืองยังมีอยู่กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองจะได้มีงานทำบ้าง ที่น่าจับตามองคือมีความพยายามจากขั้วอำนาจที่จะจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่หรือไม่
“เจ๊หน่อย” ปัด คสช.จีบเข้าค่าย สปท.
ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าว คสช.ทาบทามให้เข้าร่วมสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศหรือ สปท.ว่า ยืนยันว่าไม่ได้รับการติดต่อหรือพูดคุย กับใครทั้งสิ้น หากมีการติดต่อหรือทาบทาม ยืนยันว่าไม่ขอเข้าร่วม เพราะเป็นสภาที่ คสช.แต่งตั้งขึ้น คนที่อยู่ในซีกประชาธิปไตยไม่น่าจะเข้าร่วม และคงไม่ส่งใครในสาย กทม.เข้าร่วม สปท.อย่างแน่นอน เพราะไม่มีอำนาจถึงเพียงนั้น ส่วน สปท.ที่เกิดขึ้นจะทำงานได้เป็นรูปธรรมหรือไม่นั้น ยังไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ แต่คงต้องรอดูผลงานและดูว่าจะทำตามสัญญา ที่ให้ไว้กับประชาชนได้หรือไม่ หากทำได้จะเกิดประโยชน์ต่อบ้านเมือง สำหรับโรดแม็ปของ คสช.ที่มีอยู่ เชื่อว่าทุกฝ่ายคงเห็นตรงกันว่า เลือกตั้งเร็วที่สุดเท่าใดจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากเท่านั้น และขอให้ทุกฝ่ายพิจารณาการเดินตามโรดแม็ปให้เหมาะสมด้วย
“อ๋อย” ซัดรัฐประหารเพราะความกลัว
วันเดียวกัน นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการและแกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กครบรอบ 9 ปีรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ว่า สาเหตุ สำคัญรัฐประหารครั้งนั้น เกิดจากความกลัว ทั้งกลัวการเลือกตั้ง การตัดสินโดยประชาชน กลัวพรรคไทยรักไทยและหัวหน้าพรรคไทยรักไทยได้รับความนิยมมากขึ้นๆ จนมีเสียงเกินครึ่งหนึ่งของรัฐสภา กลัวผู้มีอำนาจเดิมจะไม่สามารถกำหนดควบคุมความเป็นไปของบ้านเมืองได้อีกต่อไป จึงทำรัฐประหารผ่าน “แผนบันไดสี่ขั้น” ไม่ให้ไทยรักไทยกลับมามีอำนาจ เขียนรัฐธรรมนูญให้มีกลไกให้ผู้ไม่ได้มาจาก การเลือกตั้งและไม่ยึดโยงกับประชาชน กำหนดความอยู่รอดของรัฐบาลจากการเลือกตั้งได้ตามใจชอบ ที่น่าสลดทำให้สังคมขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น กรณีที่นายวิษณุระบุว่า สูตรร่นโรดแม็ปร่างรัฐธรรมนูญ 3-3-3-2 เป็นไปไม่ได้นั้น ขึ้นอยู่ว่าต้องการจะทำ หรือเปล่า การร่างรัฐธรรมนูญแบบไม่เปิดใช้เวลาเดี๋ยวเดียวก็เสร็จ การลงประชามติถ้า กกต.เตรียมล่วงหน้า 3 เดือนก็พอและต้องชัดเจน ถ้าไม่ผ่านประชามติจะให้นำรัฐธรรมนูญฉบับไหนมาใช้ชั่วคราวหรือไม่ หรือให้ คสช.ตั้งคณะ กรธ.ใหม่ ให้ประชาชนตัดสินใจเลือกในช่วงทำประชามติ สนช.ตั้งคณะทำงานเตรียมการไว้ก่อนได้ เมื่อรัฐธรรมนูญชัดเจนขึ้น แค่เพิ่มเติมสาระสำคัญบางส่วนเข้าไป ส่วนที่เผื่อให้ตั้งพรรคกันใหม่ ช่วงออกกฎหมายลูกให้พรรค การเมืองเตรียมตัวไว้เลย ไม่จำเป็นต้องไปปิดกั้น
อัดสูตรพิสดารหาเหตุยื้อเลือกตั้ง
นายจาตุรนต์ระบุว่า พรรคการเมืองต้องจด ทะเบียนพรรคใหม่ เพื่อไม่ให้ได้เปรียบเสียเปรียบ ก็พิสดารจริงๆ สมัยก่อนพอมีรัฐประหารก็ยุบพรรค มีเลือกตั้งให้จดทะเบียนพรรคใหม่ แต่รัฐประหารครั้งหลังๆ คณะรัฐประหารไม่กล้าทำขนาดนี้ เพราะระบบพรรคการเมืองพัฒนามาไกล ทำตรงนี้เท่ากับหาเหตุให้กระบวนการเลือกตั้งยืดเยื้อออกไป ถ้าไม่ต้องการให้พรรคใหม่เสียเปรียบ เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองจดทะเบียน เตรียมก่อตั้งพรรค หาสมาชิก ตั้งแต่รัฐธรรมนูญผ่านการทำประชามติ ส่วนพรรคการเมืองเก่าไม่ต้องยุบพรรค แต่ให้ปรับตัวตามกฎใหม่ ถ้าพิสดารมากๆอย่างที่นายวิษณุว่าจริง หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านขั้นลงประชามติกรธ.อาจเสียผู้เสียคน จุดจบเดียวกับนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เพราะเชื่อคำแนะนำนายวิษณุ
“วัชระ” ซัดผลพวงนักวิชาการวิปริต
ด้าน นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุอาจมีข้อกำหนดพิสดาร ให้พรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ต้องไปจดทะเบียนตั้งพรรคใหม่ว่า ฟังแล้ว ทำให้นึกถึงกลอนของสุนทรภู่ที่ว่า “แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน” ซึ่งไม่เห็นด้วยกับเเนวคิดนี้ แต่เชื่อความพิสดารที่ว่ามามีเเน่ นักวิชาการประเภทนี้สร้างปัญหามากในสังคมไทย ไม่แพ้นักการเมืองบางประเภท คุณภาพของบัณฑิตที่ลดลงของบางมหาวิทยาลัย ชี้ชัดถึงความวิปริตของนักวิชาการบางพวก อาจมีทั้งทุจริตและฉ้อฉลอำนาจ เวลาอยู่ภายใต้ระบบรัฐสภา ก็รับใช้นักการเมือง เวลามีรัฐประหารก็ทำได้ทุกอย่างแม้แต่ขัดท็อปบูตให้แวววับในพริบตา
เขียน ก.ม.เกินพอดีระวังล่มไม่เป็นท่า
นายวัชระ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ก่อตั้งมาครบ 70 ปี ปัจจุบันมีสมาชิกทั่วประเทศตามทะเบียนของ กกต. ทั้งสิ้น 2,896,109 คน เมื่อมีนักฉวยโอกาสบางคนจะเขียนกฎหมายบังคับให้จดทะเบียนพรรคใหม่ เท่ากับทำตัวใหญ่กว่าศาลรัฐธรรมนูญ สงสัยต้องให้สมาชิกพรรคทั่วประเทศนั่งสมาธิกรวดน้ำให้ทุกวันพระ จนกว่าจะเลิกล้มความคิดพิสดารนี้ นายวิษณุต้องหยุดนำเสนอความคิดที่ไม่พัฒนา อย่าคิดว่าจะมีอำนาจเป็นรองนายกฯ แบบพิสดารๆ ตลอดไป จะเขียนกฎหมายใดก็ควรยึดหลักความพอดี อย่าให้พิสดารจนเกินไปแบบฉบับนายบวรศักดิ์ที่คว่ำไปแล้ว ท่านควรตระหนักว่าทุกสิ่งไม่เที่ยง เพราะนายบวรศักดิ์ ไม่ใช่ใครอื่นมีศักดิ์เป็นหลานท่านนั่นเอง ขนาดใส่ คปป.ตามใบสั่งในคืนสุดท้าย ในที่สุดร่างรัฐธรรมนูญก็ไปไม่รอด
“วิรัตน์” จวกตั้งพรรคใหม่ยุ่งยาก
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสูตรพิสดารให้ 2 พรรคใหญ่ อย่างพรรคประชาธิปัตย์และเพื่อไทยต้องจดทะเบียนตั้งพรรคใหม่ว่า ตามประเพณีการเมืองของไทยเมื่อมีการรัฐประหารพรรคการเมืองต้องหยุดดำเนินการต่างๆ แต่เมื่อคืนสิทธิให้ประชาชนแล้ว จะให้พรรคการเมืองที่มีการจดทะเบียนอยู่ตามรัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้า เป็นพรรคการเมืองต่อไป การจะให้จัดตั้งพรรคใหม่เป็นการทำให้ยุ่งยาก ถ้าจะมีพรรคการเมืองขอจดทะเบียนใหม่ ให้ดำเนินการไป แต่จะให้พรรคประชาธิปัตย์จดทะเบียนใหม่ไม่มีผลกับการเตรียมการเลือกตั้งของพรรค เพราะพรรคมีองค์ประกอบของความเป็นพรรคการเมือง และสาขาของพรรคอย่างครบถ้วน ทางที่ดีทำตามประเพณีที่ทำกันมาจะดีกว่า
“นิพิฏฐ์” หนุนหั่นร่าง รธน.ไม่ถึง 180 วัน
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีการวิจารณ์ว่าสูตรโรดเเม็ป 6-4-6-4 ยาวเกินไปว่า การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาถึง 180 วัน กรอบเวลาลดลงได้ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ กรธ.ทั้ง 21 คน ตั้งใจจะทำหรือไม่ ถ้าบอกว่าร่างใหม่ทั้งหมด จะไม่มีความขัดแย้งคิดว่ามันไม่จริง แค่ระบบ ส.ส. ส.ว. อำนาจหน้าที่ของแต่ละฝ่าย มาร่างใหม่เดี๋ยวก็เถียงกันมีปัญหากันอีก ส่วนกระแสข่าวว่านายมีชัย ฤชุพันธุ์ สมาชิก คสช. และอดีตประธานวุฒิสภา ตอบ ตกลงว่าจะดำรงตำแหน่งเป็นประธาน กรธ.แล้ว ตนไม่ขัดข้อง ต้องยอมรับว่าการจะหาใครมาเป็นประธานยกร่างรัฐธรรมนูญยาก คนที่มีชื่อเสียง ความรู้ ความสามารถ ที่จะมาทำหน้าที่ยกร่างฯมีอยู่ไม่กี่คน ส่วนที่นายวิษณุระบุประเทศไทยไม่เคยร่างรัฐธรรมนูญโดยใช้กระบวนการวิจัยนั้น บางเรื่องคิดว่าจำเป็นต้องทำวิจัย แต่บางเรื่องไม่ต้องทำ อาทิ เรื่องการซื้อเสียงในไทยต้องมาถกกันอีก การเมืองบางภาค อาทิ ภาคอีสาน และภาคใต้ ส่วนใหญ่เป็นการเมืองที่เลยเรื่องการซื้อเสียงไปแล้ว แต่เป็นเรื่องความรัก ความเชื่อ ความศรัทธาที่ประชาชนในพื้นที่มีต่อพรรค การเมือง การจะกล่าวว่าประเทศไทยร่างรัฐธรรมนูญโดยไม่เคยใช้กระบวนการวิจัย ต้องดูในเเต่ละประเด็น บางเรื่องไม่จำเป็นต้องวิจัย เพราะกลายเป็นประเพณีที่ประชาชนตกผลึกในความคิดเเล้ว
พท.แห่พบ “ทักษิณ” คสช.บล็อกแกนนำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก เนื่องจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางมาอยู่ที่ฮ่องกง อดีต ส.ส.บางส่วนเดินทางไปพบตามที่นัดหมายกันไว้ล่วงหน้า ขณะที่อดีต ส.ส. อีกส่วนหนึ่งที่ทราบข่าว แต่ไม่ได้นัดหมายไว้ก็เดิน ทางไปจำนวนมาก เช่นเดียวกับเครือข่ายคนเสื้อแดง แต่ส่วนใหญ่จะไม่ได้พบ เพราะนายทักษิณไม่ต้องการรับแขกเยอะจนเอิกเกริกวุ่นวาย หลีกเลี่ยงการตกเป็นเป้าโจมตีของ คสช. อย่างไรก็ตาม ในส่วนของอดีต ส.ส.ที่ถูก คสช.ขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์ โดยเฉพาะบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้ยื่นเรื่องต่อ คสช.ขออนุญาตเดินทางไปฮ่องกง แต่ถูกปฏิเสธทั้งสิ้น
คุมเข้ม นศ.ชุมนุมครบ 9 ปี 19 ก.ย.49
อีกเรื่อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณีกลุ่มนักศึกษานัดรวมตัวทำกิจกรรมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในวันครบรอบ 9 ปี รัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ว่าเป็นหน้าที่เตรียมพร้อม ต้องตื่นตัวดำเนินการถ้ามีเหตุการณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กำชับให้ปฏิบัติ กับผู้ชุมนุมและผู้เข้าร่วมชุมนุมแบบละมุนละม่อมจากเบาไปหาหนัก ผู้มาทำกิจกรรมอะไรก็แล้วแต่ ควรคำนึงถึงกฎหมายบ้านเมืองไว้ด้วย ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า นายกฯสั่งการให้ควบคุมดูแลใกล้ชิด เน้นการเจรจา อย่างละมุนละม่อม ถ้าเกิดเหตุการณ์รุนแรงจะใช้มาตรการควบคุมดูแล เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงมีขั้นตอนดูแลอยู่ รวมถึงความพร้อมของเหตุการณ์
ปชต.ใหม่ถล่มก้าวไม่พ้นรัฐประหาร
เวลา 13.00 น. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์ นักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่ หรือเอ็นดีเอ็ม จัดกิจกรรมเสวนา หัวข้อ “9 ปี ที่ก้าวไม่พ้นรัฐประหาร 19 กันยา” โดยนัดหมายมวลชนที่เห็นต่างกับ คสช.ร่วมเดินขบวนไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์การต่อต้านการรัฐประหาร ก่อนหน้าการเสวนาจะ เริ่มขึ้น ฝ่ายบริหาร มธ.มีคำสั่งห้ามกลุ่มเอ็นดีเอ็ม ใช้ห้องประกอบ หุตะสิงห์ ชั้น 3 อาคารอเนกประสงค์ 1 เพื่อจัดงานนี้ ส่งผลให้ทางกลุ่มต้องเปลี่ยนสถานที่จัดกะทันหัน สุดท้ายได้รับอนุญาตจากนายอนุสรณ์ อุนโน คณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ให้ใช้ห้องบรรยายโครงการปริญญาเอก ชั้น 4 คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา เป็นที่จัดงานแทน
ทหาร–ตร.ตรึงห้ามแสดงสัญลักษณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเสวนาครั้งนี้คึกคักไปด้วยกลุ่มมวลชนเสื้อแดงที่ต่อต้านการรัฐประหาร และนักศึกษารวมกว่าร้อยคน ในจำนวนนี้หลายคนเป็นผู้ที่ถูกควบคุมตัวข้อหาขัดคำสั่ง คสช. บางคนเคยถูกจับเข้าค่ายปรับทัศนคติ ท่ามกลางการจับตาเข้มจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหาร มี พ.อ.คชาชาต บุญดี ผบ.ป.1 รอ.พ.ท.พงศฤทธิ์ ภวังคะนันท์ ผบ.กองพันทหารราบ ศูนย์การกำลังสำรอง หรือพัน.ร.ศรส. พ.ต.ท.อรรถวิทย์ สายสืบ รอง ผบก.น.1 พ.ต.ท.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ รอง ผกก.สส.สน.ชนะสงคราม นำกำลังทหาร ตำรวจ พร้อมชุดควบคุมฝูงชน บก.อคฝ. ตรึงกำลังในที่ตั้ง พร้อมสกัดการเคลื่อนขบวนมวลชนต้าน คสช.ไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
สวดรัฐประหารฉุดไทยถอยหลัง 50 ปี
น.ส.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า 9 ปีที่ผ่านไป มีหลายประเด็นที่ก้าวไม่พ้น อาทิ 1.ก้าวไม่พ้นนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทำให้มีความคิดว่าคน ที่นิยมนายทักษิณเป็นคนโง่ ถูกหลอกโดยนโยบายประชานิยม 2.ก้าวไม่พ้นการแก้ปัญหาของประเทศด้วยการใช้กำลังทหาร หรือด้วยการรัฐประหาร ระบอบ อำนาจนิยมที่ตรวจสอบไม่ได้จะเป็นผลเสียกว่าระบอบประชาธิปไตยที่มีนักการเมืองโกง หรือนักการเมืองเลว เชื่อว่าการออกแบบระบบจะทำให้เกิดการตรวจสอบได้ 9 ปีที่ผ่านมาทำสังคมถอยหลังไป 30-50 ปี ถือเป็นการให้ความเชื่อที่หลอกตนเอง นำการเมืองให้ห่างประชาชน ทำการเมืองภาคประชาชนอ่อนแอ ดังนั้น กรณีที่ยังมีประเด็นของนายทักษิณ หรือผีทักษิณอยู่ ช่วยหล่อเลี้ยงฐานเสียงกลุ่มอำนาจเก่าได้
ซัดเอ็นจีโอหายหัวหลังยึดอำนาจ
นางเยาวลักษณ์ อนุพันธ์ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า 9 ปีที่ผ่านมา สิทธิ เสรีภาพของประชาชนถูกคุกคามอย่างมาก ทั้งการกำหนดให้พลเรือนที่ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ขึ้นศาลทหาร และมีการควบคุมตัวได้ 7 วันโดยไม่มีข้อหา แปลกใจว่าทำไมนักสิทธิมนุษยชนถึงเงียบตลอดเวลา 1 ปี 4 เดือน ของการรัฐประหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยคณะรัฐประหารตั้งแต่สมัย คมช.และจนถึง คสช.ถูกกลุ่มเอ็นจีโอละเลย เพราะมุ่งต่อประเด็นปัญหาเฉพาะเรื่องของตนเอง หรือปัญหาทางสังคม ผู้ด้อยโอกาสเท่านั้น ระยะเวลาที่ผ่านมานักสิทธิมนุษยชนต่างประเทศ วิจารณ์กลุ่มเอ็นจีโอของไทยว่าขาดอุดมการณ์ประชาธิปไตย
เคลื่อนขบวนโจมตีรัฐประหาร–ไล่ คสช.
กระทั่งเวลา 14.25 น. กลุ่มเอ็นดีเอ็ม นำโดย นายสิรวิช เสรีธิวัฒน์ นักศึกษา มธ. นายรังสิมันต์ โรม นักศึกษา มธ. น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว มศว ประสานมิตร น.ส.ชนกนันท์ รวมทรัพย์ จุฬาฯ นายนัชชชา กองอุดม มหาวิทยาลัยกรุงเทพ นายปกรณ์ อารีย์กุล นักกิจกรรมสังคม รวมตัวผู้เห็นต่างกับ คสช.ซึ่งส่วนใหญ่เป็นมวลชนเสื้อแดงราว 200 คน ที่บริเวณสนาม ฟุตบอล มธ.เพื่อชี้แจงการเคลื่อนขบวนมวลชนไปทำกิจกรรมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าขอเจรจาไม่ให้เคลื่อนขบวนเพราะเกรงขัด พ.ร.บ.การชุมนุม แต่กลุ่ม นศ.ไม่ยอม มีการแจกหนังสือแท็บลอยด์ ขนาดเล็กที่ชื่อว่า “ก้าวข้าม” เนื้อหาโจมตีการรัฐประหาร และ คสช.ก่อนเคลื่อนขบวนออกจาก มธ.ฝั่งถนน 24 มิถุนา โดยมีอดีตการ์ดกลุ่ม นปช.มาร่วมดูแลมวลชน ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เห็นว่าหากห้ามยิ่งจะสร้างเงื่อนไขให้กลุ่มเอ็นดีเอ็มจึงปล่อยให้เดินแต่ขอร้องไม่ให้เดินบนถนนให้เดินเฉพาะบนฟุตปาท
ฝ่าแผงเหล็ก–วางดอกไม้จันทน์ไว้อาลัย
ทั้งนี้ กลุ่มเอ็นดีเอ็มได้เดินเท้ามุ่งหน้าไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ชูป้ายข้อความว่า “เผด็จการจงพินาศ ประชาชนจงเจริญ” และ “คืนอำนาจให้ประชาชน” พร้อมตะโกนคำว่า คสช.ออกไป เมื่อถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 นำกำลังตำรวจมาล้อมรอบอนุสาวรีย์พร้อมแผงเหล็กกั้น แต่มวลชนเอ็นดีเอ็มไม่ยอม เดินฝ่าเข้ารื้อแผงเหล็ก โดยตำรวจไม่ขวาง ก่อนบุกยึดลานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเป็นเวทีปราศรัยโจมตี คสช.มีการประกาศไม่ยอมรับอำนาจคณะรัฐประหาร นอกจากนี้ ยังมีการนำดอกไม้จันทน์ไปวางเพื่อแสดงสัญลักษณ์ไว้อาลัยให้การรัฐประหารด้วย
จนท.ปล่อยชุมนุมแฝงตัวเก็บหลักฐาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปราศรัยโจมตีการรัฐ ประหารยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง จนถึงช่วงค่ำโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจปรับแผนใหม่ปล่อยให้ปราศรัยกันอย่างอิสระ ทั้งจัดกำลังตำรวจหญิง บก.อคฝ.หรือกองร้อยน้ำหวาน มายืนรักษาการณ์รอบรั้วเหล็กกั้นรอบพื้นที่ชุมนุม และส่งกำลังฝ่ายสืบสวนเข้าแทรกซึมบันทึกภาพและเสียงการปราศรัยของแกนนำทั้งหมด เพื่อเป็นหลักฐานดำเนินคดีย้อนหลัง อย่างไรก็ตาม การชุมนุมของนักศึกษาเอ็นดีเอ็มครั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าได้รับการสนับสนุนทั้งอาหาร น้ำดื่ม ผ้าเย็นจากกลุ่มแนวร่วมเสื้อแดง และมีอดีตการ์ด นปช.หลายคนเข้าร่วมรักษาความปลอดภัยการชุมนุม โดยกลุ่มเอ็นดีเอ็มยุติการชุมนุมในเวลา 22.00 น. พร้อมประกาศจะกลับมาชุมนุมใหม่อีกครั้งด้วยมวลชนที่มากกว่าเดิมจนกว่า คสช.จะออกไป
รวบอดีตการ์ด นปช.ไปสอบปากคำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 20.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษาการบริเวณรอบพื้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ที่มีการชุมนุมของกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ได้ควบคุมตัวชายรายหนึ่ง ทราบชื่อนายศิริชัย คงยืน เป็นอดีตการ์ด นปช. ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ติดตามตัว เนื่องจากตกเป็นผู้ต้องสงสัยพัวพันกับคดีความรุนแรงทางการเมืองหลายคดี แต่มาปรากฏตัวร่วมการชุมนุม กับเอ็นดีเอ็มด้วย เบื้องต้นนายศิริชัยถูกควบคุมไปสอบปากคำที่ สน.สำราญราษฎร์ แต่ยังไม่มีการ ตั้งข้อหาแต่อย่างใด โดยเจ้าหน้าที่หลีกเลี่ยงไม่ให้สื่อมวลชนหรือผู้ชุมนุมรู้ เพราะเกรงจะกลายเป็นเงื่อนไขให้กับผู้ชุมนุม
“ไก่อู” ระบุหวังป่วนนายกฯถกเวทียูเอ็น
ขณะที่ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เชื่อว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ มีนัยสำคัญเกี่ยวข้องกับการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. จะเดินทางไปร่วมประชุมองค์การสหประชาชาติที่สหรัฐฯ หวังให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งกับกลุ่มผู้ชุมนุม จนทำให้ถูกมองว่าใช้ความรุนแรง จะไปสอดรับกับความเคลื่อนไหวของกลุ่มเดียวกันในต่างประเทศ ทำให้คนในต่างประเทศเข้าใจผิดว่า รัฐบาลนี้ถูกประชาชนต่อต้านจำนวนมาก และสถานการณ์ในประเทศยังคงวุ่นวาย ขอฝากไปถึงกลุ่มเคลื่อนไหวอย่าทำอะไรผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่จดบันทึกไว้ทั้งหมดแล้ว เมื่อถึงเวลาจะดำเนินคดีไม่ละเว้น
อียูจ่อเพิ่มแรงบีบ คสช.คืนอำนาจ
วันเดียวกัน เว็บไซต์พีอาร์นิวส์ไวร์ สื่อด้านการประชาสัมพันธ์ของเบลเยียม เผยแพร่ความคิดเห็นของคณะผู้แทนสหภาพยุโรป (อียู) ว่าด้วยอาเซียน ซึ่งเรียกร้องให้อียูกดดันให้ คสช. คืนอำนาจให้ประชาชนในไทย และนำพาประเทศกลับคืนสู่ความเป็นประชาธิปไตยโดยเร็ว เมื่อ 18 ก.ย. โดยนายเดวิด มาร์ติน ผู้แทนอียูจากสหราชอาณาจักร เสนอให้อียูขยายเวลาระงับการเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) กับรัฐบาลไทยต่อไป จนกว่าไทยจะกลับคืนสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตย และอียูควรใช้เครื่องมือทางการทูตที่มีในการโน้มน้าวกดดันให้ไทยหวนคืนสู่เส้นทางประชาธิปไตยโดยเร็ว ขณะที่นางจูลี เกอร์ลิง หนึ่งในคณะผู้แทนอียู ระบุว่ารัฐบาลทหารไทยเคยให้สัญญาว่าจะเปลี่ยนผ่านประเทศไปสู่ประชาธิปไตย แต่กลับไม่มีความคืบหน้า แม้ว่าอียูพร้อมจะช่วยเหลือ แต่ความอดทนที่มีเริ่มจะหมดลง หนทางเร่งด่วนที่ไทยควรทำคือ การกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจน และหากไม่มีการจัดการใดๆมากไปกว่านี้ก็จำเป็นที่อียูจะต้องพิจารณามาตรการที่เข้มงวดขึ้น
ที่มา thairath.co.th