เรียบเรียงโดยทีมงาน Legendnews.net
พระโคตมพุทธเจ้าทรงแสดงพระสูตรนี้ ณ พระนครราชคฤห์ คราวที่ทรงประทับ ณ วัดเวฬุวันมหาวิหาร ในวันหนึ่ง "เวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงครองอันตรวาสกแล้วทรงถือบาตรและจีวรเสด็จเข้าไปบิณฑบาตยังกรุงราชคฤห์ ได้ทอดพระเนตรเห็นสิงคาลกคฤหบดีบุตร ซึ่งลุกขึ้นแต่เช้า ออกจากกรุงราชคฤห์ มีผ้าชุ่ม มีผมเปียกประคองอัญชลี นอบน้อมทิศทั้งหลาย คือ ทิศเบื้องหน้า ทิศเบื้องขวา ทิศเบื้องหลัง ทิศเบื้องซ้าย ทิศเบื้องล่าง ทิศเบื้องบน"พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงถามว่า สิงคาลกคฤหบดีบุตรกำลังทำอะไร สิงคาลกคฤหบดีบุตรตอบว่ากำลังไหว้ทิศทั้ง ๖ คามคำสั่งเสียของบิดา
เปิดดูสิงคาลกสูตร โดยละเอียดพร้อมสวดมนต์แปลได้ที่
สิงคาลกสูตร.pdf
เหตุที่สิงคาลกคฤหบดีบุตรออกมาไหว้ทิศทั้ง ๖ นั้นสืบเนื่องจากบิดาและมารดาของสิงคาลกคฤหบดีบุตรล้วนแต่ศรัทธาในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และยังเป็นโสดาบัน (มารดาต่อมาได้ออกบวชเป็นภิกษุณี บรรลุอรหันต์ คือพระสิงคาลมาตาเถรี) แต่บุตรของคหบดีไม่ศรัทธาในพระพุทธองค์ เมื่อครั้นคหบดีจะสิ้นใจจึงเกิดความคิดว่า "เราจักให้โอวาทแก่บุตรอย่างนี้ว่า นี่แน่ลูก ลูกจงนอบน้อมทิศทั้งหลาย เขาไม่รู้ความหมาย จักนอบน้อมทิศทั้งหลาย ลำดับนั้น พระศาสดาหรือพระสาวกทั้งหลายเห็นเขาแล้ว จักถามว่า เธอทำอะไร แต่นั้น เขาก็จักกล่าวว่า บิดาของข้าพเจ้าสอนไว้ว่า เจ้าจงกระทำการนอบน้อมทิศทั้งหลาย ลำดับนั้น พระศาสดาหรือพระสาวกทั้งหลาย จักแสดงธรรมแก่เขาว่า บิดาของเธอจักไม่ให้เธอนอบน้อมทิศทั้งหลายเหล่านั้น แต่จักให้เธอนอบน้อมทิศเหล่านี้ เขารู้คุณในพระพุทธศาสนาแล้วจักทำบุญดังนี้"ครั้นแล้วคบบดีจึงบอกบุตรให้กระทำเช่นนั้น แล้วก็สิ้นชีพไป ส่วนผู้บุตรก็ปฏิบัติตามที่บิดาสั่งเสีย กระทั่งพระพุทธองค์ทรงมาพบเห็น แล้วทรงไต่ถาม ซึ่งสิงคาลกคฤหบดีบุตรตอบพระองค์ว่า ไหว้ทิศทั้ง ๖ เพราะบิดาสั่งเสียไว้
สมเด็จพระสัมมาสมัพุทธเจ้าทรงสอนสิงคาลกคฤหบดีบุตรว่า ในอริยวินัยไม่พึงไหว้ทิศแบบนี้ เมื่อเขากราบทูลถามว่า พึงไหว้อย่างไร จึงตรัสว่า "อริยสาวกละกรรมกิเลสทั้ง ๔ ได้แล้ว ไม่ทำบาปกรรมโดยฐานะ ๔ และไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ อริยสาวกนั้นเป็นผู้ปราศจากกรรมอันลามก ๑๔ อย่างนี้แล้ว ย่อมเป็นผู้ปกปิดทิศ ๖ ย่อมปฏิบัติเพื่อชำนะโลกทั้งสอง และเป็นอันอริยสาวกนั้นปรารภแล้ว ทั้งโลกนี้และโลกหน้าเบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก อริยสาวกนั้นย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์"
จากนั้นทรงแสดงธรรมเป็นลำดับโดยให้รายละเอียดเกี่ยวกับข้อธรรมต่างๆ ที่ทรงตรัสมา คือ
กรรมกิเลส ๔ คือ การกระทำที่เศร้าหมอง มี ๔ อย่างที่อริยสาวกละได้ คือ ๑. ฆ่าสัตว์ ๒. ลักทรัพย์ ๓. ประพฤติผิดในกาม ๔. พูดปด
ไม่ทำความชั่วโดยฐานะ ๔ คือ อริยสาวกไม่ทำกรรมชั่วโดยฐานะ ๔ คือความลำเอียง เพราะรัก , เพราะชัง , เพราะหลง , เพราะกลัว ทำกรรมชั่ว
อบายมุข ๖ คือ อริยะสาวกไม่เสพปากทางแห่งความเสื่อมทรัพย์ ๖ อย่าง คือ ๑. เป็นนักเลงสุรา ๒. เที่ยวกลางคืน ๓. เที่ยวการเล่น ๔. เล่นการพนัน ๕. คบคนชั่วเป็นมิตร ๖. เกียจคร้าน . ครั้นแล้วทรงแสดงโทษของอบายมุขแต่ละข้อ ข้อละ ๖ อย่าง
มิตรเทียม ๔ ประเภท คือ ๑. มิตรปอกลอก ๒. มิตรดีแต่พูด ๓. มิตรหัวประจบ ๔. มิตรชวนในทางเสียหาย พร้อมทั้งแสดงลักษณะของมิตรเทียมทั้งสี่ประเภทนั้น ประเภทละ ๔ ประการ
มิตรแท้ ๔ ประเภท คือ ๑. มิตรมีอุปการะ ๒. มิตรร่วมทุกข์ร่วมสุข ๓. มิตรแนะประโยชน์ ๔. มิตรอนุเคราะห์ ( อนุกัมปกะ ) ๒ . พร้อมทั้งแสดงลักษณะของมิตรแท้ทั้งสี่ประเภทนั้น ประเภทละ ๔ ประการ
ทิศ ๖ คือ บุคคล ๖ ประเภท ตามนิยามของอริยสาวก คือ ทิศเบื้องหน้า ได้แก่มารดาบิดา ๒. ทิศเบื้องขวา ได้แก่อาจารย์ ๓. ทิศเบื้องหลัง ได้แก่บุตรภรรยา ๔. ทิศเบื้องซ้าย ได้แก่มิตรอำมาตย์ ๕. ทิศเบื้องล่าง ได้แก่ทาส กรรมกร ๖. ทิศเบื้องบน ได้แก่สมณพราหมณ์
เมื่อสิงคาลกคฤหบดีบุตรได้สดับพระธรรมเทศนาก็มีความเข้าใจแจ่มแจ้งในเรื่องทิศทั้ง ๖ และการไม่กระทำกรรมชั่ว บังเกิดเลื่อมใสพระธรรมเทศนา แสดงตนเป็นอุบาสกถึงพระรัตนตรัยตลอดชีวิต อีกทั้งยัง "เฉลี่ยทรัพย์ ๔๐ โกฏิ ไว้ในพระพุทธศาสนากระทำกรรมอันเป็นบุญ ได้เป็นผู้มีสวรรค์เป็นที่ไปในเบื้องหน้า
เปิดดูสิงคาลกสูตร โดยละเอียดพร้อมสวดมนต์แปลได้ที่
สิงคาลกสูตร.pdf
เอกสารอ้างอิงจาก มหามกุฏราชวิทยาลัย ซึ่งเป็นคำสวดมนตร์แปลLegendnews.net จึงคัดลอกในฐานะพุทธมามกะเพื่อเผยแพร่ และแนะนำว่าหนังสือที่นำมาดังกล่าว เป็นคำสอนของพระพุทธองค์ ซึ่งทั่วไปรับฟังคำสวด แต่ไม่รู้คำแปลตลอดมา เป็นที่น่าเสียดายที่ ผู้รู้ผู้เผยแพร่มิได้สวดแปล หรือเทศนาในงานต่างๆ
และ ขอขอบคุณข้อมูลสิงคาลกสูตร จากวิกิพีเดียสารานุกรมเสรี