ยุง!ฆาตกรตัวจริง พาหะใหม่นกสู่คน
วันเสารื ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 นำเสนอข่าวโดยทีมงาน www.legendnews.net
“โรคไข้เลือดออก” ..เป็นโรคที่สร้างความสับสนให้กับทั้งแพทย์และคนไข้มากที่สุด ด้วยอาการที่เริ่มต้นด้วยลักษณะเช่นเดียวกับไข้หวัดธรรมดาไปจนถึงไข้หวัดใหญ่ หรืออาจมีอาการไข้อย่างเดียวนำมาก่อน โดยไม่มีการออกอาการเฉพาะใดๆในวันแรกๆ...
หมอทั้งร้อยคน หากตรวจวินิจฉัยตามตำราย่อมแยกออกแทบไม่ได้ ต้องอาศัยการติดตามตัวคนไข้ว่าหากรักษาแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น นัดตรวจติดตามดูอาการอื่นๆ ที่จะปรากฏร่วม เช่น คลื่นไส้อาเจียนจนถึงปวดท้อง...ซึ่งก็คล้ายกับไข้หวัดลงกระเพาะลำไส้อยู่ดี ในระยะนี้บางทีก็จะชวนสงสัยได้ยาก
แม้รัดแขนก็อาจไม่สามารถบ่งชี้ได้ว่าเป็นไข้เลือดออก กว่าจะมีอาการจำเพาะของกลุ่มไวรัสนี้ก็เช่น เกล็ดเลือดต่ำ มีจุดเลือดออกหรือมีเลือดออกที่ต่างๆในร่างกายก็เป็นระยะท้ายๆที่มักมีอาการเปลี่ยนแปลงที่เร็วมาก
แต่...ยังโชคดีที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็น “ไข้เดงกี” แล้วกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ โดยไม่เข้าสู่สภาวะช็อก ที่เรียกว่า “เดงกีช็อกซินโดรม” ที่เป็นเหตุให้เสียชีวิต ทำให้แพทย์ต้องเฝ้าใกล้ชิดในไอซียู แก้ปัญหาช็อกและต่อสู้กับกลไกเลือดออกไม่หยุด ด้วยการที่สมดุลน้ำเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว รวมถึงให้ “เกล็ดเลือด”
ปัญหาก็คือ...หาได้ยาก แม้กาชาดเองหรือโรงพยาบาลใหญ่ๆ ในกรุงเทพฯ ที่จะพอเหมาะเข้ากันได้กับคนไข้ ซ้ำยังต้องใช้ปริมาณ
มหาศาล และอาจหาไม่ได้เลยในโรงพยาบาลต่างจังหวัด
ขณะช็อกคนไข้ต้องการน้ำเพื่อพยุงความดัน แต่หากกระบวนการช็อกหยุด น้ำที่ให้เพื่อแก้อาการช็อกเป็นลิตรๆที่กู้ให้หัวใจไม่ล้มเหลวตายในระหว่างช็อก...จะพร้อมใจกันกลับเข้าเส้นเลือดจนท่วมท้นปอดหัวใจ
โดยเฉพาะในเด็กเล็ก เป็นเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้โดยง่าย...แม้จะมีแพทย์เฝ้าอยู่ข้างเตียงก็ไม่อาจแก้ปัญหาได้ทัน ไม่รวมถึงการมีเลือดออกในสมองและอวัยวะต่างๆที่ถึงจะให้เกล็ดเลือดไปก็อาจไม่ทำงาน โดยโรคเองด้วยซ้ำ ทั้งนี้รวมถึงในระดับโรงเรียนแพทย์ ไม่ว่าจุฬาฯ ศิริราชฯ หรือรามาฯเอง ก็เคยมีเสียชีวิตในลักษณะนี้มาแล้วทั้งสิ้น ทั้งหมดนี้เป็นมุมมองจากประสบการณ์ของ พล.อ.ต.นพ.อิทธพร คณะเจริญ รองเลขาธิการแพทยสภา
นี่คือปัญหาสำคัญที่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว จึงมีคำถามตามมาว่า ทำไม?หมอไม่บอกตั้งแต่แรกว่าเป็น “ไข้เลือดออก”
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า...การวินิจฉัยช่วงแรกเป็นไปได้ยาก อาการไม่โดยเฉพาะเนื่องจากไปยืมอาการของโรคอื่นๆ เช่น ไข้หวัดมาปะปนกันไปหมด หมอผู้เชี่ยวชาญเองก็ลำบากที่จะตัดสินว่าเป็นโรคนี้ในวันแรกๆของการป่วยโดยเฉพาะ ซึ่งอาการส่วนใหญ่อาจกลายไปเป็นโรคอื่นๆทำให้กว่าหมอจะวินิจฉัยได้ก็เมื่อมีอาการเฉพาะปรากฏ เป็นข้อจำกัดของโรค “ซึ่งหลายครั้ง...คนไข้ก็จะแย่แล้ว” อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสามารถส่งเลือดตรวจได้ในบางที่ ทำได้เฉพาะในโรงเรียนแพทย์หรือโรงพยาบาลใหญ่ๆ แต่ก็ยังมีราคาสูง แม้ว่าจะได้ผลเร็วขึ้น แต่ก็ไม่ 100%
“ถ้าตรวจแบบแม่นยำ ต้องใช้เวลาหลายวัน บางทีผลกลับมา ซึ่งคนไข้กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ หายจากอาการก่อนแล้ว ยกเว้นกรณีอาการร้ายแรงหรือช็อก จึงจะทันได้ประโยชน์”
พล.อ.ต.นพ.อิทธพร พุ่งเป้าไปที่ “โศกนาฏกรรมจากยุงลาย” 3 ระดับ ...ระดับครอบครัว ที่ต้องสูญเสียบุตรหลาน เจ็บป่วยก็ต้องหยุดงาน ขาดรายได้ ขาดเรียน ตีมูลค่าความเสียหายไม่ได้...ระดับรัฐ ต้องเสียค่ารักษาจากงบประมาณรัฐ เพิ่มภาระงาน ซ้ำร้ายเป็นโรคที่มีกลไกเข้าใจยาก ผู้ที่สูญเสียมิได้เตรียมใจย่อมเป็นทุกข์
ระดับที่สาม...ความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยที่ไม่เข้าใจกัน ความผิดหวัง รับไม่ได้กับการเสียชีวิตของบุตรหลานอย่างไม่คาดฝัน อาจเกิดการฟ้องร้องกันได้...ขณะที่ “ยุงที่เป็นฆาตกรหลักยังลอยนวล”
“ยุงลาย” พาหะนำโรคไข้เลือดออก ในประเทศไทยมียุงลายมากกว่า 100 ชนิด แต่ที่เป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออกมี 2 ชนิด “ยุงลายบ้าน” กับ “ยุงลายสวน” โดยยุงลายบ้านจะเป็นพาหะหลัก
ยุงลายมีระยะการเจริญเติบโต 4 ระยะ...จากไข่ เป็นลูกน้ำ ดักแด้ แล้วก็โตเป็นตัวเต็มวัย มีวงจรชีวิตอยู่ในช่วง 8-16 วัน คู่มือวิชาการโรคติดเชื้อเดงกีและโรคไข้เลือดออกเดงกี ด้านการแพทย์และสาธารณสุข จัดทำโดย สำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข 2558 ระบุว่า ยุงลายบ้านใกล้ชิดกับคนมากกว่ายุงลายสวน ยุงที่มีเชื้อหากมีพฤติกรรมออกหากิน...กินเลือดสัมพันธ์สอดคล้องกับกิจกรรมของคนก็เสี่ยงสูง
โดยทั่วไปยุงลายออกหากินกลางวัน แต่ถ้ากินเลือดไม่อิ่มหรือไม่ได้กินก็อาจออกหากินในเวลาพลบค่ำหรือกลางคืนได้ หากในห้องหรือบริเวณนั้นมีแสงสว่างเพียงพอ ช่วงเวลาที่พบได้มากที่สุดมี 2 ช่วง...“เช้า” กับ “บ่ายถึงเย็น” บางรายงานก็ว่าช่วงเวลาที่ยุงลายออกหากินมากที่สุดคือ 09.00-11.00 น. และ 13.00-14.30 น. บางรายงานก็ว่า 06.00-07.00 น. และ 17.00-18.00 น. ทั้งนี้ขึ้นกับว่าทำการศึกษาในฤดูกาลใด
การศึกษาการกัดของยุงลายบ้านที่กรุงเทพฯ พบว่าจะกัดในเวลากลางวัน ช่วงที่กัดมากคือ 09.00-10.00 น. และ 16.00-17.00 น. นอกจากนี้ผลการศึกษาพฤติกรรมการกัดของยุงลายสวนก็อยู่ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน
ข้อมูลอื่นที่อาจจะมีประโยชน์ในการป้องกัน ยุงลายไม่ชอบแสงแดดและลมแรง จึงออกหากินไม่ไกลจากแหล่งเพาะพันธุ์ มักบินไปครั้งละไม่เกิน 50 เมตร ชุกชุมมากในฤดูฝน...หลังฝนตกชุกเพราะอุณหภูมิ ความชื้นเหมาะแก่การแพร่พันธุ์
ในบ้านเรือนพบด้วยว่ายุงเพศเมียร้อยละ 90 ชอบเกาะพักตามสิ่งห้อยแขวนต่างๆในบ้าน มีเพียงร้อยละ 10 เท่านั้นที่เกาะพักตามข้างฝาบ้าน ส่วนยุงลายสวนเกาะพักตามพุ่มไม้เตี้ย ต้นหญ้า ที่ซึ่งไม่มีแดด...มีความชื้น
หัวใจสำคัญของการป้องกัน ควบคุมยุงพาหะนำโรค คือ มาตรการป้องกันคนไข้และคนปกติไม่ให้ถูกยุงกัด กำจัดยุงและลูกน้ำ...ลดแหล่งเพาะพันธุ์ไม่ให้ยุงสามารถแพร่พันธุ์เพิ่มความหนาแน่นได้
ในรัศมีไม่เกิน 500 เมตร แหล่งหากินเลือดของยุงลาย...ต้องไม่ให้มีน้ำขังในภาชนะ เศษวัสดุ เศษขยะ ฯลฯ เพื่อตัดวงจรชีวิต ลดแหล่งเพาะพันธุ์ควบคุมลูกน้ำยุง ย้ำว่า...ต้องทำทุกระยะทั้งก่อนระบาดระหว่างระบาด และหลังระบาด...หากมีข้อจำกัดก็ต้องควบคุมตัวยุง
“ยุง” เป็นพาหะนำโรคร้ายภัยใกล้ตัวที่มองข้ามไม่ได้ ข้อมูลใหม่ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ นพ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ บอกว่า ในช่วงฤดูหนาวจะมีการอพยพของนกจากต่างประเทศเข้ามาในบ้านเราเป็นจำนวนมาก นกเหล่านี้นำเชื้อโรคได้หลายชนิด ทำให้มีการระบาดของโรคในพื้นที่ต่างๆ โดยที่เชื้อไม่ทำให้นกป่วย เช่น โรคไข้สมองอักเสบเจอี (Japanese encephalitis) ไข้สมองอักเสบเวสต์ไนล์ (West Nile encephalitis)
น่าสนใจว่า...โรคที่ว่านี้มี “ยุง” หลายชนิดเป็นพาหะ โดยเฉพาะ “ยุงรำคาญ” และ “ยุงลาย”
“ยุงลายนอกจากนำไข้เลือดออก...ไข้ปวดข้อแล้ว ยังนำโรคไข้สมองอักเสบเวสต์ไนล์ได้ด้วย วิธีป้องกันคือ การจัดการแหล่งเพาะพันธุ์ยุงพาหะ... ไม่ควรไปอยู่ใกล้พื้นที่ซึ่งมีนกอพยพอาศัยอยู่ เพราะอาจถูกยุงที่กัดสัตว์นำเชื้อมาสู่เราได้ ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ป้องกันตนเองโดยใช้สารทาป้องกันยุง... ผลิตภัณฑ์ไล่ยุง ป้องกันยุงไม่ให้มารบกวน และควรแนะนำผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงไปฉีดวัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี หากพบว่ามีอาการไข้ผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ทันที”
เมื่อ “ยุง” คือพาหะตัวร้าย เป็นฆาตกรตัวจริง พล.อ.ต.นพ.อิทธพร คณะเจริญ รองเลขาธิการแพทยสภา ย้ำว่า การแก้ไขต้องย้อนกลับไปดูกระแสพระราชดำรัสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทาน ณ วังไกลกังวล วันที่ 24 สิงหาคม 2542 ที่แสดงความห่วงใยในสถานการณ์และแสดงแนวทางการแก้ไขชัดเจน...
“โครงการปราบยุงลายคั่งค้างมานานแล้วและอันตรายยังมีอยู่มาก อยากให้ปราบปรามอย่างจริงจัง อันตรายจากโรคไข้เลือดออกจะได้ทุเลาลง”
ขอขอบคุณข้อมูลwww.thairath.co.th