คลิปโหด6โจ๋รุมฆ่าที่กาญจน์ ‘คนแชร์’ ผิดหรือไม่
วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เรียบเรียงโดยทีมงาน www.legendnews.net
คลิปโหด6โจ๋‘คนแชร์’ผิดหรือไม่ : จากกรณีคลิปภาพวงจรปิดเหตุการณ์ “6 โจ๋เมืองกาญจน์” รุมทำร้าย “กฤษฎา อ่อนน้อม หรือเอิร์ธ” เหยื่อวัย 19 ปี เสียชีวิตต่อหน้าต่อตาหญิงสาวที่ยืนเคียงข้างอย่างเลือดเย็น กลายเป็นศพนอนจมกองเลือดบริเวณริมทางเท้าหน้าร้านเหล้า “อาราเบี่ยน” จ.กาญจนบุรี เหตุเกิดช่วงเช้ามืดเวลา 03.50 น. วันที่ 6 ธันวาคม ที่ผ่านมา
ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์โลกโซเชียลมีเดีย ว่าคลิปดังกล่าวมีเนื้อหาโหดร้ายทารุณ ไม่ควรนำไปแชร์ต่อเพราะอาจผิดกฎหมายคอมพิวเตอร์ได้ เนื่องจากแสดงภาพคนร้ายทำทีเข้าไปพูดคุยกับเหยื่อ ก่อนชกต่อยหน้าและลำตัวจนล้มลง มีภาพเพื่อนร่วมก๊วนเข้ามาสมทบ รุมกระทืบซ้ำฟาดแข้งอย่างโหดเหี้ยม และมีการใช้ไม้เบสบอลทุบตีใบหน้า-ศีรษะหลายครั้งก่อนใช้ก้อนอิฐปูนปั้นรูปตุ๊กตาทุ่มใส่ศีรษะอย่างรุนแรง...
ทั้งนี้คลิปภาพจากกล้องวงจรปิดถูกนำมาแชร์ผ่านยูทูบความยาว 1.15 นาที เผยแพร่เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2558 เวลา 14.15 น. มีผู้เปิดดูประมาณ 83,189 ครั้ง คลิปนี้ถูกส่งต่อว่อนเน็ตแพร่กระจายไปทั่วโลก สร้างความรู้สึกสะเทือนใจต่อผู้เปิดดูเป็นอย่างมาก
ขณะเดียวกัน ก็มีการโพสต์ข้อความวิจารณ์ถึงการกระทำของโจ๋กลุ่มนี้ด้วยถ้อยคำสาปแช่งหยาบคาย
“พฤติกรรมโคตรแมนเลยครับ คนเก่งแบบนี้ สื่อฯไม่น่าจะคาดหน้าตอนลงข่าว ต้องเปิดให้คนเห็น อยากถามคนเป็นพ่อแม่...กลุ่มนี้ว่า เหล่าทรชน ควรได้รับการพิจารณาโทษตามกฎหมายหรือกฎหมู่ แบบที่ทำกับคนอื่น แม้ว่าผู้เสียชีวิตจะเสียสิทธินั้นไปแล้วก็ตาม"
“สมควรต้องโดนประหารชีวิต โหดเหี้ยมโหดร้าย จะเอาไว้ให้เปลืองข้าวสารทำไม”
“โหดเหี้ยมผิดมนุษย์ ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต ต้องประหารชีวิตอย่างเดียว หากพ่อแม่พี่น้องให้ที่พักพิงช่วยเหลือด้วยต้องมีความผิด”
“นี่ขนาดเพียงคิดว่า เป็นแก๊งคู่อริยังทำได้ขนาดนี้ แต่ถ้าเป็นคู่อริตัวจริง ไม่ฆ่าล้างบาง ล้างโครตเลยหรือ เคยคิดไหมกว่าจะโตมาขนาดนี้ได้พ่อแม่เหนื่อยแค่ไหน กลับมาตอบแทนท่านแบบนี้ เขาคงมีความสุขกันตายหรอก”
“ผลสุดท้ายความคะนอง ก็พาชีวิตคนอื่นจบสิ้น พรากเขาไปจากพ่อแม่ ต่อให้ประหารคนทำ ผู้เป็นพ่อแม่ก็ไม่มีวันเลิกเสียใจ เพราะแผลฝังลึกในใจ การทำแบบนี้ไม่น่าอยู่เมืองพุทธ ต้องเนรเทศ ไม่ให้ใช้สัญชาติไทย ไม่ให้ใช้ศาสนาพุทธ ความดีไม่เคยสร้าง สร้างแต่ความ...”
ขณะเดียวกัน ก็มีผู้มาให้กำลังใจตำรวจและเตือนพ่อแม่ผู้ปกครองอย่าปล่อยลูกหลานออกนอกบ้านยามวิกาลว่า “เวลาตีสาม หน้าร้านเหล้า...สถานที่อโคจร...ยามวิกาล...สามารถเกิดเหตุร้ายได้ทั้งสิ้น ลูกหลานใครไปอยู่ในสถานที่แบบนั้นและเวลานั้นอันตรายมาก...ขอเอาใจช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้สำเร็จครับ”
ล่าสุด ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรีจับคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุได้แล้ว 2 คน คือ นายติณห์ เทวกุล และนายไพศาล จันทร์เมธากุลวัฒน์
และนายพงศ์วิทย์ เทพกาวีระ หรือวิท อายุ 22 ปี ถูกนำตัวมาสอบสวน แถลงข่าวและทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ทำให้ทราบว่าผู้กระทำผิดเป็นเยาวชน ต้องส่งศาลเยาวชน ทางผู้ปกครองจึงขออำนาจศาลยื่นเรื่องขอประกันตัวออกไป
ส่วนเพื่อนร่วมก๊วนที่เหลืออีก 3 คน คือ นายนิตินัย วัชรานุทัศน์ หรือมอส อายุ 25 ปี และชายวัยรุ่นไม่ทราบชื่อ 2 คน อยู่ระหว่างการสืบสวนไล่ล่ามาดำเนินคดีตามหมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี ข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่า ไม่เคยรู้จักผู้ตายมาก่อน แต่หนึ่งในคนร้ายที่หลบหนีเชื่อว่าเป็นคู่อริที่เคยมีเรื่องกันจึงเข้าไปเตะต่อยรุมทำร้าย
ขณะที่ พ.ต.อ.วิศุทธิ์ ศุกระศร ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี บอกถึงพ่อแม่ผู้ปกครองบุตรหลานที่ร่วมก่อเหตุว่า ให้พามามอบตัวแต่โดยดี เพื่อโทษหนักจะได้เป็นเบา อย่าได้คิดหลบหนีเจ้าหน้าที่รู้ตัวหมดแล้ว หากต่อสู้ขัดขืนการจับกุมตำรวจจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดทันที
ด้าน พ.ต.ท.ศุภกฤช เดือนแจ้งรัมย์ อดีตนายตำรวจผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ อธิบายว่าการนำภาพหลักฐานทางคดีเหตุ 6 โจ๋รุมยำหนุ่ม 19 ปี หน้าร้านเหล้าในพื้นที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต และมีคนแชร์ส่งต่อกันสามารถทำได้ ไม่ผิดกฎหมายคอมพิวเตอร์ เพราะไม่ได้เป็นภาพที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียเสียหาย ภาพเหล่านี้บางครั้งเป็นเบาะแสในการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้าย ทำให้ประชาชนรู้รูปพรรณสัณฐานคนร้ายช่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวได้เร็วขึ้น
คลิปนี้ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือเป็นภัยต่อความมั่นคง เพียงแต่เป็นภาพที่ดูแล้วเกิดความสะเทือนใจเท่านั้นเอง สำหรับคนที่แชร์ต่อ ไม่มีความผิดนะ เป็นลักษณะเดียวกันแต่อาจมีผลกดดันตำรวจในพื้นที่บ้าง เพราะต้องรีบจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว คนทั้งประเทศรู้ สังคมรู้ เห็นหน้าคนทำผิดคนก่อเหตุหมดแล้ว แต่ทำไมตำรวจยังจับไม่ได้หรือไม่ได้ไปจับ ทำให้เกิดความคาดหวังว่า เมื่อใดที่มีภาพแบบนี้ออกไป ตำรวจต้องจับกุมคนร้ายให้ได้ พวกหากไม่รีบทำงานจะถูกสังคมรุมด่าเอา
สำหรับผู้ที่เข้ามาแสดงความเห็นนั้น อดีตนายตำรวจข้างต้นอธิบายว่า การแสดงออกถึงความรู้สึกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่เข้าข่ายความผิด แต่หากเมื่อใดที่ใช้คำพูดด่าทอ หยาบคาย รุนแรง เข้าข่ายหมิ่นประมาท ดูถูก ดูแคลน ทำให้ผู้อื่นเกิดความเกลียดชัง ได้รับความเสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียง ผู้เสียหายก็มีสิทธิที่จะฟ้องร้องดำเนินคดีได้
“พ.ต.อ.วิเศษ เกตุพันธ์” รอง ผบก.ปอท. บอกว่า การโพสต์แชร์คลิปเหตุการณ์ที่เป็นเบาะแสทางคดีสู่สาธารณะ ไม่เข้าข่ายผิดกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพราะไม่ได้มีการละเมิดลิขสิทธิ์ แต่เป็นภาพที่นำไปสู่กระบวนการสืบสวนจับกุมของตำรวจ ต้องดูเจตนาของการโพสต์แชร์ภาพก่อนว่าต้องการอะไร ผู้ที่ปรากฏในภาพได้รับความเสียหายหรือไม่ ถ้าไม่เสียหายก็ไม่ถือว่ามีความผิด
“ส่วนกรณีของประชาชนที่เข้าไปแสดงความคิดเห็น ตรงนี้เป็นอีกประเด็นหนึ่ง หากแสดงความเห็นโดยใช้ถ้อยคำปกติ สุภาพไม่เป็นไร แต่หากใช้คำพูดด่าทอ รุนแรง หรือสาปแช่งต่างๆ นานา ก็ต้องดูในรายละเอียดเป็นกรณีไปว่า เข้าข่ายหมิ่นประมาทหรือไม่ เพราะเป็นการแสดงความเห็นในพื้นที่สาธารณะ ต้องระวังเป็นพิเศษด้วย อยากฝากเตือนเรื่องการใช้คำพูดแสดงความคิดเห็นในโซเชียลมีเดียด้วย” รอง ผบก.ปอท.กล่าวย้ำตอนท้าย
ที่มา คมชัดลึกออนไลน์ , ทีมข่าวรายงานพิเศษ