ReadyPlanet.com
dot dot
dot

dot
ตราครุฑ




ศาลฎีกาฯ สั่งคุก 6 ปี “ชูชีพ-วิทยา” ฮั้วประมูลซื้อปุ๋ยอินทรีย์

 ศาลฎีกาฯ สั่งคุก 6 ปี ชูชีพ-วิทยาฮั้วประมูลซื้อปุ๋ยอินทรีย์

วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2559  เรียบเรียงโดยทีมงาน www.legendnews.net

   เมื่อวานนี้  (8 มิ.ย.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ เมื่อเวลา 15.15 น. ศาลฎีกาฯ นัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อม. 27/2558 ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายชูชีพ หาญสวัสดิ์ อายุ 72 ปี อดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์ และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และนายวิทยา เทียนทอง อายุ 75 ปี อดีตเลขานุการ รมว.เกษตรและสหกรณ์ และอดีต ส.ส.สระแก้ว พรรคไทยรักไทย เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ. 2542 มาตรา 17 กรณีเมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2544 - 20 ก.ย. 2545 พวกจำเลยได้ร่วมกันทุจริตจัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์ของกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วงเงิน 367 ล้านบาท โดยอัยการสูงสุด ยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2558 จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธต่อสู้คดีและได้ประกันตัวในชั้นไต่สวน

       โดยวันนี้จำเลยทั้งสองเดินทางมาศาล พร้อมญาติและผู้ติดตามส่วนหนึ่งที่มาให้กำลังใจ โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแต่อย่างใด ขณะที่องค์คณะผู้พิพากษา ประชุมหารือกันนานกว่า 5 ชั่วโมง ระหว่างนี้นายวิทยามีอาการปวดหัว ความดันกำเริบ ต้องวัดความดันถึง 2 ครั้ง ซึ่งความดันสูงเกือบ 200 มิลลิเมตรปรอท

       ต่อมาเวลา 15.15 น. องค์คณะได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา โดยศาลฎีกาฯ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานหลักฐานจากสำนวนการสอบสวนของกองปราบปรามที่มีผู้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ได้รวบรวมหลักฐานข้อเท็จแล้วสรุปส่งให้ป.ป.ช. ซึ่งป.ป.ช.ไต่สวนแล้วมีมติว่าเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตร และเอกชนร่วมกันในลักษณะสมยอมเสนอราคา ทำให้การประกวดราคาไม่เป็นธรรมตั้งแต่ขั้นตอนการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขคุณสมบัติของเอกชนที่เข้าร่วมประมูลว่าให้บริษัทที่จะยื่นซองประกวดราคาต้องมีปุ๋ยอินทรีย์ในสต๊อกชนิดเดียวกันกับที่ระบุในซองประกวดราคาไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ซึ่งกรณีไม่มีเอกชนรายใดมีเงื่อนไขตามที่กำหนด รวมทั้งขั้นตอนในการประกวดราคาและการเสนอเรื่องให้อนุมัติกระจำโดยเร่งรีบ แม้จะมีการยื่นหนังสือจากปลัดกระทรวงเกษตรฯ และประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ของสภาผู้แทนราษฎร์ในวันที่ 11 และ 16 ก.ย.2549 เพื่อจะให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจนเสียก่อนหลังจากที่ได้เรียกผู้แทนจากกรมส่งเสริมการเกษตรมาชี้แจง ซึ่งกรณีดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ยังไม่มีการยืนยันว่าหน่วยงานทั้งสองพอใจต่อคำชี้แจงของกรมส่งเสริมการเกษตรในเรื่องการจัดซื้อและเรื่องการรับราคาประมูลของชุมนุมสหกรณ์การเกษตรฯ แต่จำเลยที่ 1 ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบกลับไม่ตั้งคณะกรรมการดำเนินการ แต่ได้มีประวิงเวลากระทั่งกรมส่งเสริมการเกษตรได้ลงนามทำสัญญากับ ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทยจัดซื้อปุ๋ยมูลค่ากว่า 367 ล้านบาทเศษ

       พยานหลักฐานรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1-2 เร่งรีบในการพิจารณารับราคาในการประกวดราคาจัดซื้อปุ๋ย และไม่ดำเนินการตรวจสอบข้อพิรุธในการจัดซื้อปุ๋ยที่น่าจะทราบมาตั้งต้น ทั้งที่น่าจะมีข้อมูลว่าการประกวดราคามีข้อพิรุธหลายรายการทั้งเรื่องการกำหนดเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้เข้าประกวดราคาและการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติที่ระบุว่าจะนำไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติจากปุ๋ยเคมีเป็นปุ๋ยอินทรีย์ อีกทั้งการจัดซื้อเป็นลักษณะรวมความช่วยเหลือจากอุทกภัย ภัยแล้ง และภัยจากพายุดีเปรสชั่น เป็นการรวมจัดซื้อในคราวเดียว ทำให้ต้องมีการจัดซื้อเป็นจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งที่รัฐบาลขณะนั้นยังไม่มีการเสนอโครงการว่าจะมีการช่วยเหลือโดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ แต่กระทรวงเกษตรกลับอนุมัติให้จัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์

       นอกจากนี้ ยังมีการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจำเลยที่ 1 ในฐานะรัฐมนตรีต้องมีความใส่ใจในการตรวจสอบกรณีดังกล่าวที่มีข้อมูลว่าน่าจะทุจริต และเมื่อมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ส.ส. จ.อุดรธานีได้อภิปรายถึงจำเลยที่ 1 โดยขอให้จำเลยที่ 1 ตรวจโครงการจัดซื้อปุ๋ยที่มีข้อสังเกตหลายประการว่าส่อไปในทางทุจริต แต่จำเลยกลับเพิกเฉย ไม่สั่งการให้ตรวจสอบ ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดปกติวิสัยของรัฐมนตรีที่กำกับดูแลหน่วยงานนั้น พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 นับเป็นข้อพิรุธ ส่วนที่จำเลยอ้างว่ามอบหมายให้ที่ปรึกษาศึกษาวิเคราะห์ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ก็เป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ไม่มีน้ำหนัก และเมื่อมีหนังสือเสนอให้จำเลยระงับโครงการไว้ก่อน แต่จำเลยกลับเร่งรัดรับการอนุมัติราคากระทั่งมีการเซ็นสัญญา

              องค์คณะเสียงข้างมาก มีพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 10 และ 12 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 ส่วนจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานสนับสนุน ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 และ 10 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และ 157 ประกอบมาตรา 83 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 ซึ่งเป็นบทหนักสุด ให้จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 6 ปี 

       ภายหลังฟังคำพิพากษา นายชูชีพ มีสีหน้าตกใจจนต้องใช้ยาดมบรรเทาอาการ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะควบคุมตัวทั้งสองขึ้นรถตู้เพื่อไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี ดำเนินกระบวนพิจารณาคดี โดยอัยการสูงสุดยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาฯ วันที่ 31 มี.ค. 2558 ซึ่งศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้องเมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2558 โดยอัยการโจทก์ นำพยานเข้าไต่สวน รวม 8 ปาก จำเลยทั้งสองยื่นไต่สวนพยานรวม 15 ปาก

       สำหรับพฤติการณ์ตามคำฟ้อง ระบุว่า ระหว่างวันที่ 17 ก.พ. 2544 - 20 ก.ย. 2545 นายชูชีพ จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็น รมว.เกษตรฯ และ นายวิทยา จำเลยที่ 2 เป็นเลขานุการ รมว.เกษตรฯ ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีเสนอให้มีการจัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์ของกรมส่งเสริมการเกษตร โดยจำเลยทั้งสอง มีอำนาจหน้าที่ในการเสนอโครงการจัดซื้อปุ๋ยได้กระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 และกระทำการส่อไปในทางทุจริต ในการร่วมกันกำหนดคุณสมบัติของผู้เข้าประมูล ซึ่งเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย (ชสท.) เป็นผู้ประมูลได้เพียงรายเดียว โดย ป.ป.ช.เคยมีหนังสือท้วงติงจำเลยที่ 1 ถึงการกระทำดังกล่าว แต่จำเลยที่ 1 กลับเพิกเฉยไม่ตรวจสอบ และยังดำเนินโครงการดังกล่าวต่อไป หลังจากนั้น จำเลยที่ 2 ได้เขียนบันทึกท้ายโครงการดังกล่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงว่า ป.ป.ช.รับทราบเรียบร้อยแล้ว เห็นได้ว่าจำเลยที่ 1-2 ได้รับหนังสือทักท้วงจากหลายหน่วยงาน แต่กลับมีเจตนาประวิงเวลา ไม่ตรวจสอบ และภายหลังการทำสัญญา ชสท.นำปุ๋ยที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ และไม่ได้มาตรฐานไปแจกจ่ายให้กับเกษตรกร ทำให้เกิดการเสียหาย โดยนายชูชีพ อดีต รมว.เกษตรฯ จำเลยที่ 1 ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดิน ส่วนนายวิทยา อดีตเลขานุการ รมว.เกษตรฯ จำเลยที่ 2 ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นสมุดบัญชีเงินฝาก เพื่อขอปล่อยชั่วคราว ซึ่งองค์คณะฯ อนุญาตโดยตีราคาประกันคนละ 17 ล้านบาท และกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล

       คดีดังกล่าว ป.ป.ช.ได้มีมติเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2555 ชี้มูลความผิดนักการเมืองทั้ง 2 ราย และยังชี้มูลความผิดวินัยและอาญาข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ บริษัทเอกชน และผู้บริหาร ชสท.ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประมูลด้วย ทั้งนี้ โครงการจัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์ของกรมส่งเสริมการเกษตรดังกล่าวใช้งบประมาณ 367 ล้านบาท ปริมาณปุ๋ย 1.31 แสนตัน เพื่อนำไปช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยธรรมชาติปี 2545 แต่ปรากฏว่ามีการฮั้วประมูลและนำปุ๋ยปลอมมาผสมด้วย

 

ที่มา manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9590000057539




อำนาจรัฐ คือ ต้วแทนประชาชน องค์กรประชาชนไทย ต้องตรวจสอบอำนาจรัฐ ชาติจึงจะเจริญ

ศาลให้ประกันตัว 'บุญเกื้อหนุน' พร้อมกำหนดเงื่อนไข ด้าน 'สมยศ' วืดประกัน คดีพาพวกปักหมุดคณะราษฎร article
แฉคลิป!!! ซ้อนแผนจับรับสินบน รองนายกเทศมนตรีจนมุม รับสินบนโยกย้าย article
ผบ.ทบ.ยันโอกาส "ปฎิวัติ" เป็นศูนย์ แต่อย่าสร้างเงื่อนไขขึ้นมา article
น้ำท่วมหมู่บ้าน ชาวบ้านเดือนร้อนกว่า 30 ปี article
ชาวบ้านร้องประปาใช้การไม่ได้ article
ถึงที่หมาย แต่หาที่จอดรถไม่ได้ มีแต่รถ ทปษ article
ชาวบ้านสังขละบุรีอพยพหนีน้ำท่วมสูง article
โครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค article
เปิดสมอง 2 นายกฯ article
5 ปี จบไม่ลง! ป.ป.ช.จ่อแจ้งข้อหาเพิ่ม article
สนช. หลับคาวงถกงบ3ล้านล้าน article
ค้านรัฐบาลบิ๊กตู่ ซื้อดาวเทียม 9 หมื่นล้าน article
บิ๊กป้อม เชื่อ ‘คดียิ่งลักษณ์-จตุพร’ ไม่กระทบปรองดอง
“นพดล” ตั้งคำถามเกี่ยวกับกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ชี้แก้ไข ม.67 เหมาะสมหรือไม่
บอกแล้วว่าทำได้..เรื่องขี้ผง!!! ด่วน "บิ๊กตู่" สั่งเปรี้ยงเด้งฟ้าผ่า"รอง ผอ.พศ." แก๊งงาบเงินทอนวัดแล้ว ยันคดีเดินหน้าปกติ-ผิดจริงหวดหนัก
อธิบดีกสก.ย้ำโครงการ 9101 โปร่งใส เป็นธรรม ตรวจสอบได้
“ศรีวราห์”สั่งกองปราบฯ สืบคดีใหม่หลังสาวหนองคายโร่ร้องชื่อเหมือน 5 คนจู่ๆ ถูกตำรวจแจ้งข้อหาฆ่าคนตายใน กทม.ยันไม่เคยรู้จักผู้ตายและช่วงเกิดเหตุอยู่กับสามี
สมช. เผย ไม่คืบหน้าลาวส่งตัว “โกตี๋” กลับไทย ชี้ เป็นเรื่องของความร่วมมือ
ป.ป.ช. วางมาตรการ เพื่อถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่น ที่มีพฤติกรรมในทางทุจริต
สวนกันแบบจังจัง!! "วิทยา" สวน "สตช.ใช้นิสัยตร.ข่มขู่" หลังแฉซื้อขายเก้าอี้ จี้ใช้ ม.44 แช่แข็งอยากรู้ใครจะอดตาย ยันถูกจับให้"บิ๊กตู่" ประกัน
ชุดพญาเสือดำเนินคดีเจ้าของโรงแรมดังไทรโยค หลังตรวจสอบเอกสาร นส3 ที่นำมาแสดง
ตำรวจขอเวลาทำงาน สางปมซื้อขายตำแหน่งใน สตช.
DSI จ่อเรียก เสี่ยบุญชัย สอบ ปมบ้านหรูบนเขาที่พังงา
"บิ๊กป๊อก"เฉ่งยับหน่วยงานรัฐค้างจ่ายค่าสาธารณูปโภคเป็นสิบๆปียอดหนี้สะสมพุ่งหลายพันล้าน หมดช่องเคลียร์จบต้องทยอยจ่ายเป็นงวด
"วิษณุ"ปัดตอบปมปลาสองน้ำไม่อยากปะทะคารมเซ็ตซีโร่กกต.ไม่หนักใจจ่อสอบคุณสมบัติ 9 รมต. ไม่คิดว่าต้องการให้เป็นเงื่อนไข



เว็บไซต์ www.legendnews.net ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการคัดลอกหรือเปลี่ยนเป็นชื่อเว็บของท่าน