การประชุมสมาชิกวุฒิอาสาธนาคารสมอง จังหวัดกาญจนบุรี ครั้งที่ 3/2559
ณ ห้องเอราวัณ ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน 2559
วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เรียบเรียงโดยทีมงาน www.legendnews.net
สืบเนื่องจากพระราชดำรัสในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติพระบรมราชินีนาถ ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานในที่ประชุมมหาสมาคม ณ ศาลาดุสิดาลัย พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2543 เนื่องในมงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา ซึ่งมีประเด็นรับสั่งเกี่ยวกับเรื่องธนาคารสมอง โดยการนำผู้ที่เกษียณอายุแล้ว แต่ยังมีความรู้ความสามารถมาช่วยงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อประเทศชาติและพสกนิกรชาวไทยเป็นอย่างยิ่งที่ให้นำผู้ที่เกษียณอายุแล้วแต่ยังมีความรู้ความสามารถมาร่วมเป็นพลังในการพัฒนาประเทศ
คณะรัฐมนตรีได้ดำเนินการเพื่อสนองพระราชดำรัสในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในการจัดตั้งธนาคารสมอง โดยมีมติเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2543 มอบหมายให้ทุกกระทรวง/ทบวงสำรวจทรัพยากรบุคคลที่พ้นจากตำแหน่งไปแล้วด้วยการลาออกหรือเกษียณอายุ แต่ยังมีสุขภาพดี มีความรู้ความสามารถในการประดิษฐ์ คิดค้น การวิจัย หรือการพัฒนาประเทศ มีความพร้อมและสมัครใจเป็นวุฒิอาสาธนาคารสมอง แล้วแจ้งข้อมูลดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ทราบ และให้ สศช. มีฐานะเป็นหน่วยทะเบียนกลางธนาคารสมอง มีหน้าที่รวบรวมข้อมูล จัดทำบัญชีหรือทำเนียบผู้ทรงคุณวุฒิ จำแนกเป็นรายสาขาให้ตรงตามความต้องการในการพัฒนาประเทศ และเป็นตัวกลางประสานเชื่อมโยงเครือข่ายต่าง ๆ เพื่อให้วุฒิอาสาได้นำความรู้ ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญมาช่วยงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมในการพัฒนาประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนเสนอแนะมาตรการต่อคณะรัฐมนตรีในอันที่จะนำวุฒิอาสาเหล่านี้มาร่วมทำงานเพื่อพัฒนาประเทศต่อไป
จะเห็นได้ว่าแนวคิดเรื่องธนาคารสมองมีความสอดคล้องกับสังคมและวัฒนธรรมไทยที่ให้ความเคารพนับถือต่อผู้อาวุโส ผู้เกษียณอายุแล้วที่มีความรู้ ทักษะ ความเชี่ยวชาญ ผ่านประสบการณ์ต่าง ๆ มาแล้วมากมาย สามารถถ่ายทอดภูมิความรู้และประสบการณ์อันดีงามจากผู้อาวุโสสู่คนรุ่นใหม่ เพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามเป็นประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติในช่วงชีวิตหลังเกษียณอายุได้เป็นอย่างดี
ธนาคารสมองจึงได้กำหนดบทบาทและภารกิจการดำเนินงาน โดยมุ่งเน้นใน 4 ประการ คือ
1.การให้ความช่วยเหลือทั้งในลักษณะเชิงรับและเชิงรุก
การให้ความช่วยเหลือในลักษณะเชิงรับเป็นการให้ความช่วยเหลือตามคำขอของหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ทั้งจากภาครัฐและเอกชน ส่วนการให้ความช่วยเหลือในลักษณะเชิงรุก เป็นการให้ความช่วยเหลือเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ โดยการริเริ่มจากกลุ่มวุฒิอาสา ซึ่งเป็นการผนึกกำลังร่วมกันของวุฒิอาสา หน่วยงาน และองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
2.การนำปัญญาความรู้ของวุฒิอาสามาร่วมพัฒนาอย่างกว้างขวาง
ธนาคารสมองได้กำหนดกลยุทธ์การดำเนินงานเชิงรุก โดยการเจาะกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ โดยตรง เพื่อกระตุ้นความสนใจให้มาใช้บริการจากธนาคารสมองมากขึ้น โดยการประชุมชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับงานต่าง ๆ ของธนาคารสมอง ซึ่งกลุ่มเป้าหมายสำคัญ ได้แก่
กลุ่มหน่วยงานในระดับพื้นที่ อันประกอบด้วยหน่วยงาน องค์กรต่าง ๆ ทั้งในระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เนื่องจากธนาคารสมองมีวุฒิอาสากระจายอยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศและมีการสร้างเครือข่ายการทำงานของวุฒิอาสาทั่วทุกจังหวัด ดังนั้นวุฒิอาสาธนาคารสมองสามารถให้ความช่วยเหลือในการเป็นที่ปรึกษาเพื่อให้คำแนะนำต่าง ๆ ในการดำเนินกิจกรรมของกลุ่มหน่วยงานในระดับพื้นที่ได้เป็นอย่างดี โดยธนาคารสมองได้จัดส่งทำเนียบวุฒิอาสาธนาคารสมอง ซึ่งแยกตามประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และตามภูมิลำเนาของวุฒิอาสาให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ตลอดจนองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เพื่อให้ทราบถึงบริการของธนาคารสมอง
กลุ่มหน่วยงานระดับกระทรวง เนื่องจากธนาคารสมองมีผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาต่าง ๆ ที่มีประสบการณ์ในงานระดับชาติมากมาย ซึ่งสามารถจะช่วยสนับสนุนภารกิจที่หลากหลายของกระทรวงและกรมต่าง ๆ ได้อย่างกว้างขวาง ทั้งนี้ธนาคารสมองได้เชิญปลัดกระทรวงต่าง ๆ รวมทั้งปลัดกรุงเทพมหานครมาร่วมหารือ เพื่อกำหนดลักษณะงานที่แต่ละกระทรวงต้องการให้วุฒิอาสาเข้าไปให้ความช่วยเหลือ พร้อมทั้งได้จัดทำหนังสือถึงหน่วยงาน เพื่อกระตุ้นให้มีการนำวุฒิอาสาไปสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ของหน่วยงานเป็นประจำทุกปี
กลุ่มงานของ สศช. ภารกิจที่สำคัญของ สศช. คือ การผลักดันให้วาระแห่งชาติ อันได้แก่ การเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ทุนทางสังคม และการพัฒนาอย่างยั่งยืน เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ