ReadyPlanet.com
dot dot
dot

dot
ตราครุฑ




ศาลฎีกาพิพากษายืนจำคุก "สนธิ" ผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์

 ศาลฎีกาพิพากษายืนจำคุก "สนธิ" ผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์

วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2559  เรียบเรียงโดยทีมงาน www.legendnews.net

เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (6 ก.ย.)2559 ที่ห้องพิจารณา 912 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.1036/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ในเครือผู้จัดการ และอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) , นายสุรเดช มุขยางกูร อดีตกรรมการบริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ,น.ส.เสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ อดีตผู้บริหารแผนฟื้นฟู บมจ. แมเนเจอร์ฯ และ น.ส.ยุพิน จันทนา อดีตกรรมการ บมจ. แมเนเจอร์ฯ เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานกระทำผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มาตรา 307, 311, 312 (1) (2) (3) , 313

       ตามฟ้องโจทก์บรรยายความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 29 เม.ย.2539 - 31 มี.ค.2540 จำเลยทั้งสี่ เป็นกรรมการ บมจ. แมเนเจอร์ ฯ ได้ร่วมทำสำเนา รายงานการประชุมของกรรมการบริษัท ที่เป็นเท็จว่ามีมติให้ บริษัทเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้กับบริษัท เดอะ เอ็ม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งนายสนธิ จำเลยที่ 1 ถือหุ้นอยู่ รวม 6 ครั้ง จำนวน 1,078 ล้านบาท โดยนายสนธิ จำเลยที่ 1 และ น.ส.เสาวลักษณ์ จำเลยที่ 3 ไม่ได้ขออนุมัติจากมติที่ประชุมกรรมการบริษัท

              ต่อมาวันที่ 30 เม.ย.2539 - 18 พ.ย.2541 จำเลยทั้งสี่ ยังร่วมกันยอมให้มีการเปลี่ยนแปลง ตัดทอนทำบัญชีไม่ตรงกับความเป็นจริง และจำเลยทั้งสี่ ไม่ได้นำภาระการค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าว ที่เป็นรายการที่ทำให้รายได้ของ บมจ.แมเนเจอร์ฯ เปลี่ยนแปลงผิดปกติ ซึ่งต้องแสดงรายการไว้ในงบการเงินประจำปี 2539-2541 และจะต้องนำส่งให้ตลาดหลักทรัพย์ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อลวงให้ผู้ถือหุ้น บมจ.แมเนเจอร์ฯ ขาดประโยชน์ที่ควรจะได้รับ รวมทั้งเป็นการลวงให้นักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ได้รับรู้ถึงการค้ำประกันหนี้ดังกล่าว เหตุเกิดที่แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา และแขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม. เกี่ยวพันกัน จำเลยทั้งสี่ ให้การรับสารภาพในชั้นพิจารณา

       ขณะที่ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 ก.พ.2555 ว่า นายสนธิ จำเลยที่ 1 และ น.ส.เสาวลักษณ์ จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานร่วมกันกระทำผิดต่อหน้าที่โดยทุจริตเป็นเหตุให้บริษัทเสียหาย โดยร่วมกันกระทำการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้ , ร่วมกันไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชีหรือเอกสารของบริษัท และร่วมกันทำบัญชีไม่ครบถ้วนไม่เป็นปัจจุบัน ไม่ตรงต่อความเป็นจริงเพื่อลวงให้บริษัท และผู้ถือหุ้นขาดประโยชน์ ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ฯ มาตรา 307,311,312,313 ให้จำคุกจำเลยที่ 1 และ 3 คนละ 17 กระทงๆ ละ 5 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 1 และ 3 ทั้งสิ้น 85 ปี

       ขณะที่นายสุรเดช จำเลยที่ 2 จำคุก 5 ปี ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ฯ มาตรา 313 และจำคุก น.ส.ยุพิน จำเลยที่ 4 รวม 13 กระทงๆ ละ 5 ปี ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ฯ มาตรา 307,311,312,313 รวมจำคุกจำเลยที่ 4 ทั้งสิ้น 65 ปี จำเลยทั้งหมดให้การรับสารภาพ ศาลลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จำคุกจำเลยที่ 1 และ 3 รวม 42 ปี 6 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 จำคุก 2 ปี 6 เดือน และจำเลยที่ 4 จำคุก 32 ปี 6 เดือน แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงผิดแล้ว ให้จำคุกจำเลยที่ 1,3,4 สูงสุดตามกฎหมายมาตรา 91(2) คนละ 20 ปี

              นายสนธิ , น.ส.เสาวลักษณ์ และ น.ส.ยุพิน จำเลยที่ 1, 3 และ 4 ยื่นอุทธรณ์ว่าไม่มีเจตนากระทำผิด และไม่ได้รับผลประโยชน์ในทรัพย์สินแต่อย่างใด จึงขอให้ศาลลงโทษสถานเบา และรอการลงโทษ ส่วนนายสุรดช จำเลยที่ 2 ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์คดีจึงถือที่สุดตามกฎหมายรับโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน

       ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่า แม้ทางนำสืบโจทก์ ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1,3 และ 4 ได้รับผลประโยชน์ส่วนตัวในการค้ำประกันของบมจ. แมเนเจอร์ ฯ แต่การค้ำประกันเงินกู้ของ บมจ.แมเนอร์เจอร์ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ ธ.กรุงไทย อนุมัติเงินกู้ให้ การกระทำของจำเลยจึงถือว่าครบองค์ประกอบ ที่ทำให้ บมจ.เดอะ เอ็ม กรุ๊ป ได้รับผลประโยชน์ จึงเป็นความผิด ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ฯ ม. 307 และ 311

       ส่วนที่จำเลย อ้างว่ามีเจตนาเดียว คือ การค้ำประกันเงินกู้ต่อเนื่องเพียงโครงการเดียว จึงเป็นความผิดเพียงกระทงเดียวนั้นศาลเห็นว่า จำเลยไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าได้มีการประกันเงินกู้ในโครงการเดียวอย่างไร ดังนั้นการที่จำเลยค้ำประกันเงินกู้แต่ละครั้ง ย่อมเป็นการกระทำผิดแยกกรรมต่างกัน และที่จำเลยอุทธรณ์ว่า จำเลยไม่ได้นำภาระการค้ำประกันหนี้ ลงในรายการภาระหรือรายได้เพื่อจัดส่งให้ตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากภาระการค้ำประกันหนี้ ไม่ถือเป็นภาระผูกพันปัจจุบัน จึงไม่เป็นความผิดนั้น ศาลเห็นว่า บมจ.แมเนเจอร์ฯ เป็นบริษัท มหาชน จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และดำเนินงานอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ฯ และข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ เรื่องหลักเกณฑ์การจัดทำงบการเงิน โดยจะต้องรายงานผลการจดทะเบียนและจัดทำงบไตรมาส ทุก ๆ 6 เดือน หรือ 1 ปี โดยระบุในรายการหนี้สินหมุนเวียน ซึ่งโจทก์ มีเจ้าหน้าที่ผู้บริหารอาวุโสตลาดหลักทรัพย์ เบิกความยืนยันว่างบการเงินเป็นข้อมูลที่สำคัญ ทำให้ผู้ลงทุน สามารถตัดสินใจร่วมลงหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ และรู้ถึงสถานะทางการเงินของ บมจ.แมเนเจอร์ฯ ซึ่งบริษัท ต้องเปิดเผยฐานะทางการเงินที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน อุทธรณ์จำเลยจึงฟังไม่ขึ้น

       เมื่อจำเลยที่ 1,3 และ 4 ไม่มีพยานหลักฐานหักล้างพยานโจทก์ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยเป็นกรรมการ บมจ.แมเนเจอร์ฯ มีหน้าที่รับผิดชอบจัดทำงบไตรมาสและงบประมาณรายปี แต่จำเลยไม่ลงภาระการค้ำประกันหนี้จัดทำรายการงบไม่ถูกต้อง ไม่ตรงความจริง โดยไม่คำนึงว่าจะมีใครเสียหายหรือไม่

       ส่วนที่จำเลยขอให้ศาลลงโทษสถานเบา และรอการลงโทษเนื่องจากจำเลยไม่ได้มีเจตนาแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตัวเอง และบมจ.แมเนเจอร์ ไม่ได้ทำให้ผู้ถือหุ้นได้รับความเสียหายร้ายแรง ศาลเห็นว่า พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ฯ มีเจตนาคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้ลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้เป็นสากล เพื่อสร้างความเชื่อมั่ นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้เศรษฐกิจเกิดความเข้มแข็ง การฝ่าฝืนบทบัญญัติดังกล่าวของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมและเป็นพฤติการณ์ร้ายแรง ที่ศาลชั้นต้นลงโทษมานั้นเป็นโทษสถานต่ำสุดแล้ว ไม่อาจลดโทษให้เบาลงได้อีก ขณะที่พฤติการณ์ของจำเลยถือว่าร้ายแรงจึงไม่อาจรอการลงโทษได้

       ต่อมาจำเลยที่ 1, 3 และ 4 ยื่นฎีกา โดยวันนี้จำเลยทั้งสามมาศาล มีนายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล บุตรชายของนายสนธิ , นายไพศาล พืชมงคล, นายพิภพ ธงไชย , นายปานเทพ พัวพงษ์พัน , นายปราโมทย์ นาครทรรพ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ บรรณาธิการ นสพ.เอเอสทีวีผู้จัดการ ได้เดินทางมาให้กำลังใจด้วย

              ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า อัยการโจทก์มี รองผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ ธนาคารกรุงไทย และพนักงานเบิกความประกอบรับสารภาพจำเลย ถึงการนำสำเนาประชุมกรรมการบริษัทที่มีการลงข้อความไม่ถูกต้องมาแสดง เพื่อค้ำประกันเงินกู้ 1,078 ล้านบาท นอกจากนี้มีกรรมการที่ไม่ได้ร่วมประชุม แต่พบว่ามีรายชื่อในรายงานการประชุมมาเบิกความยืนยันด้วย จึงฟ้องได้ว่าการค้ำประกันเงินกู้ ไม่ได้รับความยินยอมจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทตามขั้นตอน การกระทำของจำเลยเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อบริษัทแมเนเจอร์ฯ ไม่สามารถชำระหนี้คืนได้ จนต้องเข้าแผนฟื้นฟูกิจการหนี้ ถือเป็นการกระทำที่ครบองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตามมาตรา 307 ,311 ส่วนที่จำเลยเป็นการกระทำผิดกรรมเดียวในมาตรา 312 นั้น เห็นว่า การยื่นสำเนารายงานประชุมเท็จเพื่อค้ำประกันเงินกู้ได้ดำเนินการถึง 6 ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งมีจำนวนเงินไม่เท่ากันและไม่ใช่โครงการเดียวกัน อีกทั้งช่วงระยะเวลานั้นก็แตกต่างกัน ซึ่งได้ดำเนินการมารวม 1 ปี

       ส่วนที่จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ไม่ได้นำสืบว่าพวกจำเลยทำบัญชีไม่ถูกต้อง จึงไม่ทำให้ผู้ถือหุ้นเสียหาย เห็นว่า บริษัทแมเนเจอร์ฯเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ การที่จำเลยไม่นำภาระค้ำประกันแสดงลงในบัญชีงบการเงินประจำปี2539-2541 ก็ทำให้ผู้ถือหุ้นไม่ทราบและอาจทำให้ผู้ถือหุ้นลงทุนผิดพลาดได้ ฎีกาข้อต่อสู้ทุกข้อของจำเลยนั้นฟังไม่ขึ้น

       ที่จำเลยฎีกาขอให้ศาลลงโทษสถานเบา และรอการลงโทษนั้นเห็นว่า บริษัทแมเนเจอร์ฯ เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีประชาชนซื้อหุ้นการดำเนินการต้องยึดหลักธรรมาภิบาลโปร่งใสตรวจสอบได้ แต่หากผู้บริหารไม่ประพฤติตามก็จะกระทบต่อบริษัท และระบบเศรษฐกิจในวงกว้าง คดีนี้การกระทำของพวกจำเลยเป็นสาเหตุให้บริษัทแมเนเจอร์ฯเข้าโครงการฟื้นฟูกิจการ ซึ่งบริษัทก็มีประชาชนเข้าร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดร้ายแรง ที่จำเลยอ้างคุณงามความดีมานั้นยังไม่เพียงพอให้รอการลงโทษ ที่ศาลล่างมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้นพิพากษายืน

       ภายหลังนายสนธิมีสีหน้าสงบนิ่งและโทรศัพท์ไปพูดคุยกับญาติและคนสนิท รวมทั้งปลอบคนที่มาให้กำลังใจว่า ไม่เป็นไรไม่ต้องเสียใจ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้พาตัวไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯทันที

       ด้านน.ส.อัจฉรา แสงขาว หนึ่งในทีมทนายความของนายสนธิ เปิดเผยว่า ปกติแล้วนายสนธิเป็นคนที่มีกำลังใจดี การอยู่ในเรือนจำจึงไม่น่าจะมีปัญหา อย่างไรก็ตามการดำเนินการหลังจากนี้คงต้องรอให้การคุมขังครบกำหนด ที่ต้องรับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ตามคำพิพากษาของศาล จึงจะดำเนินการยื่นเรื่องขอพักการลงโทษตามหลักเกณฑ์ระเบียบของกรมราชทัณฑ์ต่อไป คงใช้เวลาอีกนานสักระยะหนึ่ง ส่วนเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษเป็นรายบุคคลนั้นต้องขึ้นอยู่กับความประสงค์ของนายสนธิอีกครั้ง

 

ที่มา manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9590000089404




อำนาจรัฐ คือ ต้วแทนประชาชน องค์กรประชาชนไทย ต้องตรวจสอบอำนาจรัฐ ชาติจึงจะเจริญ

ศาลให้ประกันตัว 'บุญเกื้อหนุน' พร้อมกำหนดเงื่อนไข ด้าน 'สมยศ' วืดประกัน คดีพาพวกปักหมุดคณะราษฎร article
แฉคลิป!!! ซ้อนแผนจับรับสินบน รองนายกเทศมนตรีจนมุม รับสินบนโยกย้าย article
ผบ.ทบ.ยันโอกาส "ปฎิวัติ" เป็นศูนย์ แต่อย่าสร้างเงื่อนไขขึ้นมา article
น้ำท่วมหมู่บ้าน ชาวบ้านเดือนร้อนกว่า 30 ปี article
ชาวบ้านร้องประปาใช้การไม่ได้ article
ถึงที่หมาย แต่หาที่จอดรถไม่ได้ มีแต่รถ ทปษ article
ชาวบ้านสังขละบุรีอพยพหนีน้ำท่วมสูง article
โครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค article
เปิดสมอง 2 นายกฯ article
5 ปี จบไม่ลง! ป.ป.ช.จ่อแจ้งข้อหาเพิ่ม article
สนช. หลับคาวงถกงบ3ล้านล้าน article
ค้านรัฐบาลบิ๊กตู่ ซื้อดาวเทียม 9 หมื่นล้าน article
บิ๊กป้อม เชื่อ ‘คดียิ่งลักษณ์-จตุพร’ ไม่กระทบปรองดอง
“นพดล” ตั้งคำถามเกี่ยวกับกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ชี้แก้ไข ม.67 เหมาะสมหรือไม่
บอกแล้วว่าทำได้..เรื่องขี้ผง!!! ด่วน "บิ๊กตู่" สั่งเปรี้ยงเด้งฟ้าผ่า"รอง ผอ.พศ." แก๊งงาบเงินทอนวัดแล้ว ยันคดีเดินหน้าปกติ-ผิดจริงหวดหนัก
อธิบดีกสก.ย้ำโครงการ 9101 โปร่งใส เป็นธรรม ตรวจสอบได้
“ศรีวราห์”สั่งกองปราบฯ สืบคดีใหม่หลังสาวหนองคายโร่ร้องชื่อเหมือน 5 คนจู่ๆ ถูกตำรวจแจ้งข้อหาฆ่าคนตายใน กทม.ยันไม่เคยรู้จักผู้ตายและช่วงเกิดเหตุอยู่กับสามี
สมช. เผย ไม่คืบหน้าลาวส่งตัว “โกตี๋” กลับไทย ชี้ เป็นเรื่องของความร่วมมือ
ป.ป.ช. วางมาตรการ เพื่อถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่น ที่มีพฤติกรรมในทางทุจริต
สวนกันแบบจังจัง!! "วิทยา" สวน "สตช.ใช้นิสัยตร.ข่มขู่" หลังแฉซื้อขายเก้าอี้ จี้ใช้ ม.44 แช่แข็งอยากรู้ใครจะอดตาย ยันถูกจับให้"บิ๊กตู่" ประกัน
ชุดพญาเสือดำเนินคดีเจ้าของโรงแรมดังไทรโยค หลังตรวจสอบเอกสาร นส3 ที่นำมาแสดง
ตำรวจขอเวลาทำงาน สางปมซื้อขายตำแหน่งใน สตช.
DSI จ่อเรียก เสี่ยบุญชัย สอบ ปมบ้านหรูบนเขาที่พังงา
"บิ๊กป๊อก"เฉ่งยับหน่วยงานรัฐค้างจ่ายค่าสาธารณูปโภคเป็นสิบๆปียอดหนี้สะสมพุ่งหลายพันล้าน หมดช่องเคลียร์จบต้องทยอยจ่ายเป็นงวด
"วิษณุ"ปัดตอบปมปลาสองน้ำไม่อยากปะทะคารมเซ็ตซีโร่กกต.ไม่หนักใจจ่อสอบคุณสมบัติ 9 รมต. ไม่คิดว่าต้องการให้เป็นเงื่อนไข



เว็บไซต์ www.legendnews.net ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการคัดลอกหรือเปลี่ยนเป็นชื่อเว็บของท่าน