หลังจากการต่อสู้คดีอันยาวนานหลายปีของ “ครูจอมทรัพย์” หรือ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.สกลนคร วัย 54 ปี ผู้รับราชการครูมา 31 ปี ในคดีขับรถโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2548 ทั้งๆ ที่วันเกิดเหตุ เจ้าตัวกำลังพักผ่อนนอนดูทีวีอยู่กับครอบครัว และรถจอดอยู่ที่บ้าน ก่อนที่ในเวลาต่อมาเธอจะถูกศาลชั้นต้นตัดสินถูกจำคุก 3 ปี 2 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับยกฟ้อง และศาลฎีกาพิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ทำให้เธอต้องจำคุกตั้งแต่ปี 2556 และได้รับอภัยโทษออกมาเมื่อปี 2558 รวมเวลาอยู่ในคุก 1 ปี 6 เดือน
ศาลจังหวัดนครพนม แถลงปิดขั้นตอนการสืบพยานคดีครูจอมทรัพย์ ผู้ร้อง กับ อัยการจังหวัดนครพนม ฝ่ายคัดค้าน ด้านนางจอมทรัพย์ แถลงร้องขอหน่วยงานคุ้มครอง
การสืบพยานในขั้นรื้อฟื้นคดี 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 8-10 กุมภาพันธ์ ของนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร เสร็จสิ้นกระบวนการสืบพยานตั้งแต่เวลาประมาณ 22 นาฬิกา 20 นาที ที่ผ่านมานางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร เปิดเผยความรู้สึกว่าดีใจที่ได้ต่อสู้คดี แต่ไม่ขอพูดเรื่องการต่อสู้ เพราะได้พูดในชั้นศาลหมดแล้ว แต่ระหว่างรอคำพิพากษาศาลฎีกา ยังมีความกังวลเรื่องความปลอดภัย จึงให้ศาลบันทึกไว้นายพงศา ราตรี ทนายความจากศูนย์ลูกหนี้ฯ กระทรวงยุติธรรม ระบุว่า จะนำเรื่องไปประสานกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอความคุ้มครองครูจอมทรัพย์
ด้าน ศาลจังหวัดนครพนม สรุปว่าให้คู่ความทั้ง 2 ฝ่าย ยื่นคำแถลงการณ์ปิดคดี ภายใน 30 วัน คือ สรุปการเบิกความฝ่ายตัวเองภายใน30วัน ตามที่คำขอของผู้ร้อง คือนางจอมทรัพย์ ที่ได้ร้องขอศาลให้ ยื่นต่อศาลจังหวัดนครพนม หลังจากนั้นศาลจะทำความเห็น ส่งไปให้สำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาศาลภาค4ตรวจสอบ แล้วส่งต่อไปยังศาลฎีกาเพื่อให้พิพากษาว่าจะยืนตามคำพิพากษาเดิม หรือกลับคำพิพากษาใหม่ เมื่อศาลฏีกาพิพากษาแล้ว จะส่งคำพิพากษากลับมายังศาลจังหวัดนครพนม และจะนัดคู่ความทั้ง2มาฟังคำพิพากษา ซึ่งผู้พิพากษาระบุว่า คดีนี้อยู่ในความสนใจของสังคม อาจจะใช้เวลาไม่นานในกระบวนการพิจารณาชั้นศาลฎีกา
ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (7 มี.ค.60) นายพงศา ราตรี ทนายความครูจอมทรัพย์ ยื่นคำแถลงปิดคดี นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร ผู้ขอรื้อฟื้นคดี ต่อศาลจังหวัดนครพนม เพื่อให้ศาลจังหวัดนครพนมจะทำความเห็น ส่งไปให้สำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาศาลภาค 4 ให้ตรวจสอบ แล้วส่งต่อไปยังศาลฎีกา เพื่อให้พิพากษาว่าจะยืนตามคำพิพากษาเดิม หรือกลับคำพิพากษาใหม่ หลังจากเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ศาลให้คู่ความทั้งฝ่ายอัยการและครูจอมทรัพย์ สรุปการเบิกความของฝั่งตัวเองภายใน 30 วัน
ทั้งนี้ เมื่อศาลฏีกาพิพากษาแล้ว จะส่งคำพิพากษากลับมายังศาลจังหวัดนครพนม และจะนัดคู่ความทั้ง2มาฟังคำพิพากษา ซึ่งผู้พิพากษาระบุว่า คดีนี้อยู่ในความสนใจของสังคม อาจจะใช้เวลาไม่นานในกระบวนการพิจารณาชั้นศาลฎีกา
www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx