ReadyPlanet.com
dot dot
dot

dot
ตราครุฑ




ป.ป.ช. วางมาตรการ เพื่อถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่น ที่มีพฤติกรรมในทางทุจริต

 

ป.ป.ช. วางมาตรการ เพื่อถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่น ที่มีพฤติกรรมในทางทุจริต


ป.ป.ช. วางมาตรการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่น ที่มีพฤติกรรมในทางทุจริต

นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ได้แถลงว่า สืบเนื่องจากหลายครั้งที่ประชาชนมักจะตั้งคำถามหรือมีข้อกังขาว่า เหตุใดผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่นที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดแล้ว ผู้นั้นยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่หรือบางรายหมดวาระหรือพ้นตำแหน่งไปแล้ว ยังกลับมาสมัครรับเลือกตั้งได้หรือได้รับเลือกอีก

ในกรณีนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการอำนวยการด้านมาตรการป้องกันการทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช. ศึกษาถึงข้อจำกัดในการดำเนินการตามบทบัญญัติของกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน และการขาด ความชัดเจนในการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่นที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด และได้แจ้งให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนดำเนินการตามอำนาจหน้าที่

แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนสามารถสั่งให้พ้นจากตำแหน่งหรือสิ้นสุดสมาชิกภาพได้ เฉพาะผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่นที่ยังคง ดำรงตำแหน่งอยู่ หากผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ไม่สามารถสั่งให้พ้นจากตำแหน่งได้ เมื่อมีการเลือกตั้งใหม่บุคคลนั้นสามารถลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อกลับเข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่นอีก และเมื่อถูกตรวจสอบว่า กระทำการทุจริตก็จะขอลาออกจากตำแหน่ง เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้มีการสอบสวนและวินิจฉัยสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง

ทั้งนี้ จากสถิติข้อมูล (พ.ศ. 2542 – กันยายน 2558) พบว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่นที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดทางอาญาหรือมีมูลความผิดตามกฎหมายที่ใช้บังคับกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น ๆ มีจำนวนทั้งสิ้น 409 ราย แบ่งตามประเภทองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนตำบล 262 ราย เทศบาล 114 ราย องค์การบริหารส่วนจังหวัด 27 ราย และกรุงเทพมหานคร 6 ราย แต่ในจำนวนดังกล่าว ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน ไม่สามารถสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง ด้วยเหตุเพราะผู้นั้นพ้นตำแหน่งไปแล้วหรือลาออกไปก่อนถึง 171 ราย ส่งผลให้ การบังคับใช้กฎหมายขาดประสิทธิภาพ

ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 252 วรรคสาม คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 19 (11) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เห็นชอบให้เสนอมาตรการการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อดำเนินการถอดถอน ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่น อันเนื่องจากมีพฤติกรรมในทางทุจริต ดังนี้

1. การดำเนินการในส่วนของสำนักงาน ป.ป.ช.

(1) กำหนดให้สำนักไต่สวนการทุจริต ถือเป็นแนวทางปฏิบัติ กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่น ให้ส่งรายงาน เอกสาร พร้อมทั้งความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประกอบบันทึกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและแนวคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดที่เกี่ยวข้อง และรายงานผลการสอบสวนหรือสำเนาคำสั่งลงโทษให้สำนักงาน ป.ป.ช. ทราบ
ทั้งนี้ ให้ใช้เฉพาะกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่นที่พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว แต่กลับเข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่นใหม่อีกครั้งหนึ่ง

(2) รวบรวมข้อมูลรายงาน เอกสาร พร้อมทั้งความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่มีมติชี้มูลความผิดผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่นทั้งหมด ส่งไปยังกระทรวงมหาดไทย เพื่อพิจารณามอบหมายนายอำเภอหรือผู้ว่าราชการจังหวัดให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ตลอดจนส่งข้อมูลดังกล่าวไปยังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อประกอบการพิจารณาคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้มีสิทธิลงรับสมัครเลือกตั้ง พร้อมกับให้มีการติดตามผลการดำเนินการดังกล่าว

(3) พิจารณาปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยมีบทบัญญัติในการดำเนินการต่อผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองซึ่งเดิมเป็นตำแหน่งที่ไม่มีโทษ ทางวินัย ให้เพิ่มเติมบทบัญญัติว่าเมื่อคณะกรรมการป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิด สามารถดำเนินการทางวินัยหรืออยู่ในบังคับมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 234 (1) และมาตรา 235 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 และมีผลทำให้บุคคลดังกล่าวไม่สามารถกลับมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้อีก

2. ข้อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี

(1) ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาข้อมูลรายงาน เอกสาร พร้อมทั้งความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่มีมติชี้มูลความผิดผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่น โดยมอบหมายนายอำเภอหรือผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ในการสอบสวนและวินิจฉัยสั่งให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่น พ้นจากตำแหน่งหรือสิ้นสุดสมาชิกภาพ หรือนำผลการสอบสวนดังกล่าวไปสู่การดำเนินคดีในทางอาญาหรือทางแพ่งต่อไป ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประกอบบันทึกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและแนวคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดที่เกี่ยวข้อง และให้รายงานผลการสอบสวนหรือสำเนาคำสั่งลงโทษให้สำนักงาน ป.ป.ช. และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบด้วย

(2) พิจารณาแก้ไขพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 พระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา พ.ศ. 2542 และพระราชบัญญัติว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 โดยเพิ่มบทบัญญัติ “การไม่เป็นผู้มีพฤติกรรมในทางทุจริต” กำหนดเป็นคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ในการเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งในทุกตำแหน่งเช่นเดียวกับการกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งต่าง ๆ ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537

3. ข้อเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง

ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง พิจารณาข้อมูลตามรายงาน เอกสาร พร้อมทั้งความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่มีมติชี้มูลความผิดผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่น นำมาประกอบการพิจารณาคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของการเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง




อำนาจรัฐ คือ ต้วแทนประชาชน องค์กรประชาชนไทย ต้องตรวจสอบอำนาจรัฐ ชาติจึงจะเจริญ

ศาลให้ประกันตัว 'บุญเกื้อหนุน' พร้อมกำหนดเงื่อนไข ด้าน 'สมยศ' วืดประกัน คดีพาพวกปักหมุดคณะราษฎร article
แฉคลิป!!! ซ้อนแผนจับรับสินบน รองนายกเทศมนตรีจนมุม รับสินบนโยกย้าย article
ผบ.ทบ.ยันโอกาส "ปฎิวัติ" เป็นศูนย์ แต่อย่าสร้างเงื่อนไขขึ้นมา article
น้ำท่วมหมู่บ้าน ชาวบ้านเดือนร้อนกว่า 30 ปี article
ชาวบ้านร้องประปาใช้การไม่ได้ article
ถึงที่หมาย แต่หาที่จอดรถไม่ได้ มีแต่รถ ทปษ article
ชาวบ้านสังขละบุรีอพยพหนีน้ำท่วมสูง article
โครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค article
เปิดสมอง 2 นายกฯ article
5 ปี จบไม่ลง! ป.ป.ช.จ่อแจ้งข้อหาเพิ่ม article
สนช. หลับคาวงถกงบ3ล้านล้าน article
ค้านรัฐบาลบิ๊กตู่ ซื้อดาวเทียม 9 หมื่นล้าน article
บิ๊กป้อม เชื่อ ‘คดียิ่งลักษณ์-จตุพร’ ไม่กระทบปรองดอง
“นพดล” ตั้งคำถามเกี่ยวกับกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ชี้แก้ไข ม.67 เหมาะสมหรือไม่
บอกแล้วว่าทำได้..เรื่องขี้ผง!!! ด่วน "บิ๊กตู่" สั่งเปรี้ยงเด้งฟ้าผ่า"รอง ผอ.พศ." แก๊งงาบเงินทอนวัดแล้ว ยันคดีเดินหน้าปกติ-ผิดจริงหวดหนัก
อธิบดีกสก.ย้ำโครงการ 9101 โปร่งใส เป็นธรรม ตรวจสอบได้
“ศรีวราห์”สั่งกองปราบฯ สืบคดีใหม่หลังสาวหนองคายโร่ร้องชื่อเหมือน 5 คนจู่ๆ ถูกตำรวจแจ้งข้อหาฆ่าคนตายใน กทม.ยันไม่เคยรู้จักผู้ตายและช่วงเกิดเหตุอยู่กับสามี
สมช. เผย ไม่คืบหน้าลาวส่งตัว “โกตี๋” กลับไทย ชี้ เป็นเรื่องของความร่วมมือ
สวนกันแบบจังจัง!! "วิทยา" สวน "สตช.ใช้นิสัยตร.ข่มขู่" หลังแฉซื้อขายเก้าอี้ จี้ใช้ ม.44 แช่แข็งอยากรู้ใครจะอดตาย ยันถูกจับให้"บิ๊กตู่" ประกัน
ชุดพญาเสือดำเนินคดีเจ้าของโรงแรมดังไทรโยค หลังตรวจสอบเอกสาร นส3 ที่นำมาแสดง
ตำรวจขอเวลาทำงาน สางปมซื้อขายตำแหน่งใน สตช.
DSI จ่อเรียก เสี่ยบุญชัย สอบ ปมบ้านหรูบนเขาที่พังงา
"บิ๊กป๊อก"เฉ่งยับหน่วยงานรัฐค้างจ่ายค่าสาธารณูปโภคเป็นสิบๆปียอดหนี้สะสมพุ่งหลายพันล้าน หมดช่องเคลียร์จบต้องทยอยจ่ายเป็นงวด
"วิษณุ"ปัดตอบปมปลาสองน้ำไม่อยากปะทะคารมเซ็ตซีโร่กกต.ไม่หนักใจจ่อสอบคุณสมบัติ 9 รมต. ไม่คิดว่าต้องการให้เป็นเงื่อนไข
ออกหมายจับ 7 ทหาร เอี่ยวลอบค้าอาวุธสงครามทางไปรษณีย์



เว็บไซต์ www.legendnews.net ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการคัดลอกหรือเปลี่ยนเป็นชื่อเว็บของท่าน