อีดี้ อามิน หรือ อีดี้ อามิน ดาดา โอมี เกิดช่วงปี ค.ศ.1923 มีพี่น้อง 8 คน เขาเป็นเด็กมีปัญหาบ้านแตก
เรียนไม่เก่งและรักความรุนแรง ต่อมาได้เข้าเป็นทหารซึ่งขณะนั้นประเทศอูกันดายังอยู่ภายใต้อาณานิคมของอังกฤษ
เขาจึงอยู่ในสังกัดของทหารอังกฤษ และได้รับการสนับสนุนจากกองทัพจนกระทั่งได้เป็นแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวท
ในปี 1962 อังกฤษได้ถอนกำลังออกจากอูกานดา และได้ประกาศให้เป็นประเทศเอกราช
โดยมีนายกรัฐมนตรีคนแรกคือ นาย มิลตัน โอโบต โดยมีอามิน เป็นทหารอารักขา
แต่แล้ว เดือนมกราคม 1971 อีดี้ อามิน ก็ได้วางแผนสั่งปลดนายกรัฐมนตรีคนแรก ซึ่งเป็นนายเหนือหัวของเขาอย่างหน้าตาเฉย
หลังจากนั้น อามินก็ทำทุกวิถีทางที่จะปกป้องอำนาจของเขา ที่ดูน่าหัวเราะเยาะที่สุดคือ การปรับเปลี่ยนระบบกองทัพของอูกันดา
โดยสังหาร หมู่ผู้นำทหารระดับสูง แล้วสถาปนาคนเชื้อสายเดียวกันกับเขา
ไม่ว่าจะเป็นคนขับแท็กซี่ หรือคนล้างจาน ให้เป็นนายทหารระดับสูงเพื่อคุมกองทัพแทน
เนื่องจากการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยและโดนคว่ำบาตรจากมิตรประเทศ ทำให้อามิน ผลิตเงินขึ้นมาใช้เอง ก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ
ต่อมาเขาได้มีนโยบายขับไล่ชาวเอเชียซึ่งส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าออกจากประเทศภายใน 90 วัน
แล้วยึดเอาทรัพย์สินมาเสวยสุขสำราญได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
ที่น่าสมเพชที่สุดก็คือการตั้งองค์กรสังหารหมู่ (SRB) ขึ้นมา ภายใต้ชื่อองค์การสืบหาศพ โดยออกไปตระเวน แอบจับคนมาสังหาร
เมื่อญาติของผู้สูญหายจึงต้องว่าจ้างให้องค์กรออกตามหา จากนั้นองค์กรก็จะเอาศพมาให้ญาติแล้วคิดค่าตามหาศพละ 150 ปอนด์
หากไม่มีญาติติดต่อก็จะโยนศพลงแม่น้ำไนล์เป็นอาหารของจระเข้ แต่ศพก็เพิ่มขึ้นทุกวันจนจระเข้กินไม่ไหว
ผลสุดท้ายศพเหล่านี้ก็ลอยไปกองกันอยู่ที่เขื่อนสร้างกระแสไฟฟ้า กลายเป็นปัญหาเรื่องการจ่ายกระแสไฟ
อีดี้ อามิน นำอูกันดาดำดิ่งสู่ยุควิกฤติ สภาพเศรษฐกิจตกต่ำอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งยังโดนสหรัฐและอังกฤษตัดความสัมพันธ์
และก็กลายเป็นศัตรูกับอิสราเอล พันธมิตรใกล้ชิด เมื่อกลุ่มสลัดอากาศปาเลสไตน์จี้เครื่องบินของสายการบินแอร์ ฟรานซ์
ไปลงที่สนามบินเอนเท็บเบ้ของอูกันดา พร้อมจับผู้โดยสารชาวอิสราเอลเป็นตัวประกัน
อิสราเอลต้องส่งหน่วย คอมมานโดไปชิงตัวประกันได้สำเร็จ ซึ่งแม้อามินจะอ้างว่าได้พยายามแก้ไขวิกฤติให้จบลงด้วยดี
แต่มีหลักฐานมากมายบ่งชี้ว่าเขาเป็นพวกเดียวกับกลุ่มสลัดอากาศ
มีเรื่องที่เลวร้ายอีกมากอันเกิดจากการปกครองประเทศเพียง 8 ปี ของอีดี้ อามิน แม้กระทั่งการสั่งหั่นศพภรรยาตัวเอง
แล้วให้ลูกสาวเข้าไปดูศพแม่ เพื่อไม่ให้ใครกล้าหักหลังเขา หรือแม้แต่การแช่ศีรษะมนุษย์ไว้ในช่องฟรีซ (จ๊ากก!)
อำนาจของ อีดี้ อามิน ต้องสิ้นสุดลง เมื่อเขาส่งทหารไปบุกแทนซาเนีย แล้วโดนตีตอบกลับมา และรุกเข้าไปจนถึงกรุงกัมปาลา
เมืองหลวงของอูกันดา โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากประชาชนอูกันดา และการรบครั้งนี้ก็มิได้ยากเย็นใดเลย
เมื่อทหารของอีดี้ อามิน ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านที่ไม่ได้ถูกฝึกรบมาก่อน
อีดี้ อามิน ต้องลี้ภัยไปอยู่ที่ประเทศลิเบียโดยเครื่องบินส่วนตัว ก่อนที่จะอพยพต่อไปยังซาอุดิอาระเบีย สรุปแล้วภายใต้การปกครอง 8 ปี
ของ อีดี้ อามิน มีประชาชนเสียชีวิตไปจากเงื้อมมือของเขากว่า 5 แสนคน!!!
เรื่องที่น่าเศร้าก็คือ เขาจากโลกนี้ไปด้วยโรคความดันโลหิตสูงและไตวายในเดือนสิงหาคมปี 2003 ด้วยวัย 80 ปี
โดยไม่เคยได้รับโทษทัณฑ์ใดๆจากผลกรรมที่เขาก่อไว้เมื่อ 20 กว่าปีก่อน
แถมยังใช้ชีวิตอย่างหรูหราพร้อมกับภรรยาและลูกอีก 22 คนจนวาระสุดท้ายอย่างสงบ