ภายหลังจากที่นายกรัฐตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เชิญชวนพี่น้องประชาชนส่งความคิดเห็นจากคำถาม 4 ข้อไปยังศูนย์ดำรงธรรมทุกจังหวัดเพื่อนำมาพิจารณาแนวทางการทำงานต่อไป   ทำให้เกิดกระแสการโจมตีรัฐบาลจากบรรดานักการเมืองทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นเป็นเพื่อไทย หรือประชาธิปัตย์ ซึ่งหลายฝ่ายหยิบยกประเด็นขยายเวลาต่ออายุรัฐบาลคสช. เป็นข้ออ้างอยู่ในอำนาจต่อไปหรือไม่

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ เองก็ได้ออกมาชี้แจงเรียบร้อยแล้ว โดยระบุว่า.. ที่ต้องตั้งคำถามเพราะยังมีกลุ่มที่ยังเดินสายเคลื่อนไหวในท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการให้ข้อมูลที่บิดเบือน ดิสเครดิตรัฐบาล เพราะไม่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น จึงสอบถามประชาชนว่ารู้เท่าทันข้อมูลต่างๆ หรือไม่ อีกทั้งจะนำคำถามที่ได้มาประมวลผล เร่งเดินหน้าปฏิรูปประเทศ และ ยืนยันว่า การตั้งคำถาม 4 ข้อไม่มีเจตนาสืบทอดอำนาจหรือทำผลประโยชน์เพื่อตนเอง เพราะการเลือกตั้งยังเกิดขึ้นตามโรดแมปที่กำหนดไว้ 

แถมยังกล่าวอีกด้วยว่า "ตนเองไม่ได้ถามนักการเมือง แต่ถามประชาชน เพราะไม่ใช่นักการเมืองจึงไม่ต้องฟังนักการเมือง ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรและไม่ได้สนใจ   พร้อมขอให้นักข่าวกลับไปถามนักการเมืองว่าวันหน้ากลับมาแล้วจะทำอย่างไร  ไม่ใช่ถามโจมตีตนเองทุกวัน "

โดยโรดแมปการเลือกตั้งกำลังเดินหน้าอยู่ ณ. ขณะนี้ ซึ่งคาดว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม 2561หรืออาจมีการขยายเวลาไปนิดหน่อย ซึ่งการทำงานของ กรธ. ต่อการจัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ล่าสุดจะเข้าสู่การพิจารณาร่างกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ หลังจากที่ กรธ.พิจารณาร่างกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เสร็จแล้วเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา

และเมื่อหันไปดูท่าทีของบรรดาพรรค-นักการเมืองต่างๆ เรียกได้ว่าออกอาการเนื้อเต้นกันเลยทีเดียว

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ ภายหลังนำทัพ แกนนำ กปปส. กลับสู่พรรคประชาธิปัตย์อีกครั้ง ในรอบ 4 ปี หลังจากได้ลาออกจากพรรคไปเมื่อช่วงปลายปี 2556 ว่า" ซึ่งวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ก็ยึดถือแนวทางของการปฏิรูปประเทศอยู่แล้ว และพร้อมที่จะเดินหน้าในการปฏิรูปประเทศ อะไรที่รัฐบาลปัจจุบัน คสช. ทำได้ก็อยากให้ทำเสีย  หากทำไม่ได้ประชาธิปัตย์ก็พร้อมที่จะเดินหน้าทำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปฏิรูปตำรวจ ปฏิรูปสื่อ และเรื่องต่างๆ แต่ว่าสำคัญที่สุดก็คือพรรคประชาธิปัตย์ ก็เป็ฯพรรคการเมืองในวิถีทางประชาธิปไตย ตามโณดแมปอีกไม่นานก็จะต้องมีการเลือกตั้ง เราก็ต้องมีความพร้อมในการเสนอตัว เสนอแนวคิด เสนอแนวทางให้กับประชาชน.."

 

อย่างไรก็ตามต้องขอถามพี่น้องประชาชนคนไทย สำหรับคำถามข้อ 5  ต่อจากคำถามนายกฯ ซึ่งท่าทีของเหล่าบรรดานักการเมืองไทยทั้งหลาย พร้อมจะลงสนามเลือกตั้งกันแล้ว และสำหรับพี่น้องประชาชน พร้อมที่จะเข้าคูหา ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งกันหรือยัง??

 

ทั้งนี้จากผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนโดยทาง "กรุงเทพโพลล์" เมื่อวันที่29พ.ค. ที่ผ่านมา  เรื่อง “คะแนนนิยมพรรคการเมืองไทย หลังผ่าน 3 ปี คสช.” พบว่า

ความรู้สึกต่อการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 50.6 รู้สึกตื่นตัวอยากให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด ขณะที่ร้อยละ 24.6 รู้สึกเฉยๆ เลือกก็ได้ไม่เลือกได้ ส่วนร้อยละ 21.8 รู้สึกอยากอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ ประเทศสงบดี มีเพียงร้อยละ 3.0 ไม่แน่ใจ

ด้านคะแนนนิยมต่อพรรคการเมืองพบว่า พรรคเพื่อไทยอยู่ที่ร้อยละ 17.8  รองลงมาคือพรรคประชาธิปัตย์ที่มีคะแนนนิยมอยู่ที่ร้อยละ 15.6 

สุดท้ายเมื่อถามว่า “หากวันนี้ มีสิทธิออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี ท่านจะออกเสียงสนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่” พบว่า

ส่วนใหญ่ร้อยละ 52.8 ระบุว่าจะ “สนับสนุน"  ขณะที่ร้อยละ 25.6 ระบุว่าจะ “ไม่สนับสนุน”  ส่วนที่เหลือร้อยละ 21.6 งดออกเสียง