โรคกล้ามเนื้อกระตุกเกร็งเคลื่อนไหวเองมีทางหายได้
การเคลื่อนไหวผิดปกติของกล้ามเนื้อ (Dystonia) เป็นโรคทางระบบประสาทเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติโดยไม่ตั้งใจ เกิดขึ้นมาเอง กล้ามเนื้ออาจเกร็งเพียงกลุ่มเดียวหรือหลายกลุ่ม รวมตัวกันหดครั้งคราวหรือหดต่อเนื่อง ผลจะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงในตัวคนไข้ กระทบต่อชีวิตประจำวัน นับเป็นอาการที่ทำให้ทรมานต่อคนไข้อย่างมาก
อาการของโรคแบบนี้เราจะไม่ค่อยได้ยินบ่อยนัก เป็นแล้วอาจทำให้เดินไม่สะดวก เดินเปะปะ แขนคอยแกว่งไปมา มือคอยกำ เกร็งอยู่บ่อย จะควบคุมอย่างไรก็ไม่อยู่ ชีวิตของคนไข้แบบนี้มักจะหลบซ่อนตัวไม่ค่อยออกมาให้คนเห็น เป็นกับครอบครัวใดจะทุกข์อย่างมาก
ชื่อของโรคคือ ดิสโทเนีย (Dystonia) กล้ามเนื้อเกร็ง เคลื่อนไหวเอง บังคับให้หยุดไม่ได้
สาเหตุ อาจเกิดจากพันธุกรรม มีการติดเชื้อทำให้เชื้อเข้าสู่สมองหรือถูกสารพิษ ยาเสพติด สารพิษจากภายนอกเหล่านี้เข้าทำลายเซลล์สมองทำให้เสื่อมเสียหน้าที่ ศูนย์สมองที่สั่งงานพลอยเสียหน้าที่ไปด้วย สั่งควบคุมกล้ามเนื้อให้หยุดเกร็ง หยุดเคลื่อนไหวไม่ได้ เป็นเรื่องน่าศึกษาค้นคว้าอย่างมาก
ดิสโทเนีย ตามตำราว่าอาจพบเป็น อาการทั่ว ๆ ไป มีประวัติการคลอดผิดปกติ สมองถูกกระทบกระเทือน อาการเริ่มปรากฏแต่วัยเด็ก มีการเกร็งที่แขนขา กระจายทั่วไปตามร่างกาย อีกแบบหนึ่ง เป็นแบบเฉพาะที่ เป็นที่ส่วนใดส่วนหนึ่งแล้วทำให้มีอาการของส่วนอวัยวะนั้น ๆ เช่นที่ ทวารหนัก จะทำให้เวลาถ่ายอุจจาระกล้ามเนื้อเบ่งถ่ายเกร็งเจ็บปวดและท้องผูก บริเวณคอ กล้ามเนื้อบริเวณคอจะดึงให้หน้าหันไปด้านใดด้านหนึ่ง บริเวณตา ตาจะกะพริบบ่อย ขากรรไกร ลิ้น ปาก จะทำให้หน้า ปาก ลิ้น บิดไป กล่องเสียง ทำให้เสียงเบาลง มือ-นิ้ว ทำให้เขียนหนังสือผิดปกติ เล่นดนตรีผิดบ่อย
ไมค์ซินโดรม (Meige Syndrome) เป็นกลุ่มอาการที่เกิดบริเวณช่องปาก ใบหน้า และตา ทำให้เห็นปากบิดเบี้ยวและตากะพริบบ่อย ค้นพบโดยนักปราชญ์ฝรั่งเศสปี ค.ศ. 1910 มักพบในคนอายุ 30-70 ปี พบในหญิงมากกว่าชาย
การรักษา ทางยาเป็นหลัก ยาลดเครียด ระงับประสาท ผ่อนคลาย โบท็อกช์และฝังเข็ม
ที่ผมมาคุยเรื่องนี้ด้วย นพ.วิวัฒน์ จรัญเรืองธีรกุล ประสาทศัลยศาสตร์ รพ.ราชวิถี ได้มาเล่าให้ฟังว่า มีคนไข้หญิงรายหนึ่งอายุ 35 ปี มีอาการเกร็งที่มือคอยกำมืออยู่เรื่อยมาแต่เล็ก กล้ามเนื้อบริเวณหน้าและคอเกร็งทำให้ใบหน้าตึงเหมือนจะยิ้ม กะพริบตาบ่อย คอยยิงฟันส่ายหน้า กล้ามเนื้อคอเกร็งอยู่เรื่อย ทำให้คอต้องหันไปข้างหนึ่ง เดินไม่ค่อยตรงเพราะกล้ามเนื้อขาเกร็ง รักษาทางยามามากอาการไม่ดีขึ้น
คุณหมอได้ตรวจทางสมองสงสัยมีเซลล์ประสาทกลุ่มหนึ่งผิดปกติ ผิดปกติทางด้านกล้ามเนื้อและการสั่งงาน ส่วนความรู้สึกของสมองทั่วไปเป็นปกติดีพูดรู้เรื่อง สั่งให้ทำอะไรทำตามสั่งได้ จึงได้ผ่าตัดสมอง โดยเปิดเป็นแผล 2 แห่ง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราวแห่งละ 2 ซม. แล้วใช้เครื่องมือสอดใส่เข้าไป จากเครื่องมือที่ควบคุมอยู่ทำให้มองเห็นภาพสมองชัดเจน
จากประสบการณ์ที่ได้ไปศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่น 1 ปี เรื่องการเกร็งของกล้ามเนื้อหรือกระตุกสั่นเองโดยมิได้ตั้งใจ จึงได้นำความรู้กลับมาใช้ รู้ว่าบริเวณไหนของสมองที่ควบคุมการกระตุก, สั่น เมื่อรู้ตำแหน่งจึงทดสอบโดยใช้กระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ จี้เข้าไปก่อน พร้อมกับถามความรู้สึกของคนไข้ว่าเป็นอย่างไร เมื่อคนไข้บอกว่าจุดนี้ทำให้มือคลายตัว จุดนั้นทำให้แขนไม่เกร็ง หน้าและคอไม่เกร็ง เมื่อแน่ใจจึงใช้ความร้อนจากไฟฟ้าทำลายเซลล์สมองบริเวณนั้นทันที
คนไข้รายนี้มีการกระตุกเกร็งหลายจุด ค่อย ๆ จี้ไปจนครบ เห็นผลทันที หลังออกจากห้องผ่าตัด มือที่คอยกำเกร็งอยู่ตลอดก็คลายออก หน้าที่ตึง คอที่บิดก็คลายลง ที่สำคัญคือเรื่องปวดคอ ปวดหน้า จากกล้ามเนื้อคอยเกร็งตลอดหายไปทันที การรักษาที่ดำเนินการต่อไปคือเรื่องกายภาพบำบัด ต้องฝึกให้ลุกนั่ง เดินให้ตรงเข้าที่ต่อไป
ผลผ่าตัดพอใจ การผ่าตัดคนไข้รายนี้ถือเป็นรายแรกของคุณหมอ เกี่ยวกับเรื่องการกระตุกเกร็งของกล้ามเนื้อ ผลเป็นที่พอใจทั้งคนไข้ ญาติ และผู้รักษา ทำให้มองเห็นอนาคตว่าโรคที่คอยสั่นอยู่บ่อยจากโรคพาร์กินสันก็สามารถทำให้ทุเลาลงได้ ดังนั้น ครอบครัวใดที่มีโรคแบบนี้มักจะหลบซ่อนตัวไม่ค่อยอยากเข้าสังคม ขอได้พามารักษากับคุณหมอวิวัฒน์ จรัญเรืองธีรกุล จะออกตรวจโรคแผนกศัลยกรรมประสาท โรงพยาบาลราชวิถี ทุกเช้าวันอังคาร.