โครงการเกี่ยวก้อยปี 2 โดยมูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดน จัดงานการมีส่วนร่วมการอบรมเชิงปฏิบัติการ “ลบเส้นพรมแดนด้วยสื่อภาพยนตร์” รวมถึงลบอคติระหว่างกลุ่มชน และความตระหนักต่อความยุติธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 8-14 ส.ค.54 ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมของธารทอง รีสอร์ท อ.แม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ มีการจัดงานอบรมเชิงปฏิบัติการ “ลบเส้นพรมแดนด้วยสื่อภาพยนตร์” โครงการเกี่ยวก้อย ปี 2 ร่วมเกี่ยวก้อย โดย มูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดน คณะอนุกรรมการสิทธิพลเมืองและสิทธิการเมือง สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย มูลนิธิหนังไทย หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ไทยพีบีเอส คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ สนับสนุนโดยโครงการสะพานและ USAID
โครงการ “เกี่ยวก้อย” เป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการ ส่งเสริม และสนับสนุนทั้งด้านข้อมูลและเทคนิค ให้เยาวชนและนักพัฒนาผู้มีความสนใจในการผลิตภาพยนตร์ และคนทำภาพยนตร์อิสระรุ่นใหม่ในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ ทำสื่อในประเด็นหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วในสังคมไทยอาจจะหลงลืมว่า ผู้ที่แตกต่างด้วยเพศ วัย สภาพร่างกาย ฐานะ สถานะทางกฎหมาย เชื้อชาติ สัญชาติ และความคิดเห็น ก็ล้วนแล้วแต่เป็นมนุษย์ที่ย่อมมีสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพาะว่าสื่อนั้นมีบทบาททั้งทางตรงและอ้อมในการสร้าง "พรมแดน" หรือลด "พรมแดน" อคติระหว่างกลุ่มชน รวมถึงมีอิทธิพลต่อความตระหนักต่อความยุติธรรมในสังคม
โดยเฉพาะสื่อภาพยนตร์และวิดีโอ ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสื่ออันทรงประสิทธิภาพในการสร้างความตระหนัก และทรงอิทธิพลต่อทัศนคติของผู้ชมต่อประเด็นใดหรือกลุ่มชนใดเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น การใช้สื่อภาพยนตร์เพื่อสร้างความเข้าใจในเรื่องสิทธิมนุษยชนถือว่ามีพลังอย่างยิ่ง
ทั้งนี้มูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดนจึงได้ริเริ่ม "โครงการเกี่ยวก้อย" ขึ้นในปี 2553 โดยในปีแรกดำเนินการร่วมกับสาขาวิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่และโครงการปิ๊งส์ (สสส.) และในปี 2554 มูลนิธิฯได้ขยายความร่วมมือไปยังคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ (เชียงใหม่) สื่อมวลชน ศิลปิน และนักสิทธิมนุษยชน เพื่อส่งเสริมบทบาทของคนทำภาพยนตร์รุ่นใหม่ ด้วยการจัดเวทีเรียนรู้ ผลิต และเผยแพร่ผลงานสู่สังคมไทย
อนึ่งการเข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการ ว่าด้วยเรื่องสิทธิมนุษยชน เป็นแนวคิดการพัฒนาโครงการภาพยนตร์ และการเขียนบทภาพยนตร์เบื้องต้น ซึ่งประเด็นสิทธิมนุษย์ชน สำหรับผู้เข้าร่วมอบรมให้เข้าใจใส่ในการเขียนบทภาพยนตร์ ในเรื่องสิทธิมนุษยชน คือ ศักดิ์ศรีของคน เป็นสิทธิ และหน้าที่ของคน ที่ต้องได้รับสิทธิ ที่มีตั้งแต่เกิด ไม่มีใครเอาไปได้ รวมทั้งสิทธิมนุษยชน เป็นเสรีภาพของมนุษย์ตามหลักปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน จากหลักปฏิญญาสากลว่าด้วยด้วยสิทธิมนุษยชน 1948 ซึ่งอธิบายความว่ามนุษย์ทุกคนเกิดมามีเสรีและเท่าเทียมกัน เราเท่าเทียมกันในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ นั่นคือ เราล้วนเป็นมนุษย์ที่สามารถคิดผิดชอบชั่วดีและตัดสินใจได้ เราจึงต้องปฏิบัติต่อกันฉันพี่น้อง และเราทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพเท่าเทียมกัน ไม่ว่าเราจะเพศอะไร เผ่าพันธุ์ใด สีผิวใด เกิดที่ไหน ถือสัญชาติใด พูดภาษาอะไร ฐานะทางเศรษฐกิจเป็นอย่างไร สถานะทางกฎหมายเป็นอย่างไร และมีความคิดเห็นทางการเมืองอย่างไร และเราทุกคนมีสิทธิที่จะมีชีวิตและอยู่อย่างปลอดภัย เป็นต้น