ReadyPlanet.com
dot dot
dot

dot
ตราครุฑ




โทษของสุรา 6 ประการ, โดย พ.อ.ปิ่น มุทุกันต์

โทษของสุรา 6 ประการ, โดย พ.อ.ปิ่น มุทุกันต์

เรียบเรียงข้อมูลโดย www.legendnews.net   

ทำไม การดื่มสุรา จึงเป็นเรื่องที่ควรงดเว้น ท่าน พ.อ.ปิ่น มุทุกันต์ ท่านบอกว่า เพื่อให้เห็น

เหตุผลชัดเจน ควรจะได้ยกเอาพระพุทธวจนะ ในคัมภีร์พระไตรปิฎก มาพิจารณากัน เพราะ
ท่านได้แสดงไว้อย่างครบ ถ้วนพอเพียงที่ใครๆจะเห็นสมจริงว่า การดื่มสุราเป็นข้อควรงด
เว้นจริงๆ

ในพระไตรปิฎกดังกล่าว ท่านระบุโทษของสุราไว้ ๖ สถาน ซึ่งเราจะได้หยิบ

ขึ้นศึกษาเป็นข้อๆไป ดังต่อไปนี้

โทษข้อที่ ๑ เหล้าทำให้เสียทรัพย์
ข้อนี้เห็นจะไม่มีใครสงสัย เห็นกันตำตาอยู่แล้ว เพราะเหล้าเป็นสิ่งที่เราทำ กินเองไม่ได้
ไม่เหมือนข้าวปลาอาหารอย่างอื่น ถ้าใครขืนต้มเหล้าเองก็ผิด กฎหมาย เมื่อทำเองไม่ได้
ก็จำเป็นต้องซื้อเขากินนี่แหละทางเสียทรัพย์บาง คนอ้างว่า เรากินเหล้าที่คนอื่นเลี้ยง ก็ไม่
เห็นจะต้องเสียเงินเสียทอง ถูกแล้ว ที่เขาดื่มเหล้าส่วนมาก หรือแทบทุกคน ก็มักจะเริ่มต้น
ด้วยการ"กินเหล้าฟรี" ทั้งนั้น คือถูกคนอื่นเขายัดเยียดให้ดื่ม จึงดื่ม แต่ครั้นฟรีไปๆ ไม่เท่าไร
ตัว ก็ต้องซื้อดื่มเอง และนานเข้า ก็ต้องซื้อเลี้ยงคนอื่นด้วย เพื่อใช้หนี้เหล้าที่ เขาได้ซื้อเลี้ยง
เรามา และก็เป็นการลงทุนไว้สำหรับวันหน้าด้วย เขาจะได้ เลี้ยงเราบ้างนอกกจากนั้น บางคน
ยังอ้างว่า เราดื่มแต่น้อย พอเจริญอาหาร ไม่เห็นจะทำให้ล่มจมอะไร นี่ก็ถูกอีก แต่อย่าลืมว่า
มากย่อมจะมาจากน้อย ถ้าเราขุดหลุมฝังตัวเอง วันหนึ่งลึกคืบหนึ่ง ท่านก็บอกว่า ไม่เป็นไร....
ถูก พรุ่งนี้อีกคืบหนึ่ง ท่านก็บอกว่าไม่เป็นไรอีก... ถูกอีก
มะรืนนี้อีกคืบหหนึ่ง ท่านก็ว่าไม่เป็นไร.... ก็ถูกอีก

แต่ถ้าขุดลงวันละคืบไม่รู้จักหยุด ถึงท่านจะบอกว่า ไม่เป็นไรๆ ทุกวันก็ตาม นานเข้า หลุม
นั้นก็จะลึกลงๆ อาจถึง ๑๐๐ คืบ ๒,๐๐๐ คืบ และการขึ้นจาก หลุมนั้น ท่านอาจจะต้องใช้บันได
พาด ก้าวขึ้นเองไม่ได้ง่ายๆ เหมือนแต่ก่อน และถ้าขืนขุดลึกลงไปอีก เพียงวันละคืบๆเท่านั้น
ท่านก็จะไม่มีทางขึ้นจาก หลุมนั้นได้เลย แม้ปากท่านจะบอกว่า ไม่เป็นไรๆก็ตาม และก็ไม่แน่
นักว่าผู้อื่นจะะสามารถช่วยท่านได้ สิ่งที่แน่ที่สุด มีอยู่อย่างหนึ่ง คือหลุมนั้น จะกลายเป็นหลุม
ฝังศพของท่านเองเรื่องดื่มเหล้าก็เหมือนกันนั่นแหละ ท่าน เพราะคนหลงคารมของตัวเอง
ว่าไม่เป็นไรๆนั่นแหละ พินาศล่ม จมไปนับไม่ถ้วนแล้ว"

โทษข้อที่ ๒ เหล้าเป็นเหตุก่อวิวาท
ท่านคงจะเคยเห็นมาบ้าง คนที่ดื่มเหล้า แล้วชอบชวนทะเลาะไม่เลือกหน้า
เมาเหล้าแล้วตะโกนด่าใครๆ ตามตรอกตามซอย
เมาเหล้าแล้วเอานายมาด่าว่าสาดเสียเทเสีย
เมาเหล้าแล้วพูดลวนลามผู้หญิง ไม่ว่าลูกเขาเมียใคร
เมาเหล้าแล้วท้าชก ท้าต่อย แม้กับเด็กๆปูนลูกปูนหลาน
หรือเมาเหล้าอวดดี ท้าตีกับพระทั้งวัด
แล้วก็มีบางคน พลอยเห็นว่า เหล้าเป็นของวิเศษ ทำให้คนกล้า ที่ว่าเหล้าทำให้คนกล้านั้น
เป็นความจริง พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ตรัสว่า เหล้าทำให้คนขลาด แต่ตรัสว่า เหล้าเป็นเหตุก่อ
วิวาท

เราลองมาพิจารณากันดูอย่างเป็นกลางว่า ความกล้าที่เราได้รับจากเหล้านั้น ใช้ได้จริงหรือไม่
ความกล้าเป็นคุณสมบัติพิเศษอย่างหนึ่งของคน ใครมีไว้แล้ว ดีกว่าความขี้ขลาดตาขาว แต่ว่า
เมื่อเรามีความกล้าแล้ว จะต้องมีสิ่งหนึ่งคอยกำกับ หรือควบคุม เพื่อให้ความกล้านั้น แสดงออก
ในทางที่ไม่เป็นโทษ เหมือนดาบคมก็ต้องมีฝัก จึงจะไม่มีอันตราย สิ่งกำกับความกล้า ได้แก่
คุณธรรมที่เรียกว่า "สติ" ความระลึกได้
กล้า - มีสติ จึงเรียกว่า กล้าหาญ
ถ้ากล้า โดยไม่มีสติกำกับ เขาเรียกว่า ความบ้าบิ่น ไม่ใช่ความกล้า คนเรามักจะเข้าใจผิด เอา
ความบ้าบิ่นมาเป็นความกล้า คือเห็นใครทำอะไรได้ เกินกว่าคนสามัญ ก็ยกกันว่ากล้าความ
จริง การทำอะไร ผิดจากคนสามัญนี้ อาจทำไปโดยฤทธิ์อย่างอื่นก็ได้ คนที่ทำอะไรแผลงๆ
เลยขีด คนสามัญ เราก็เห็นกันทั่วไป และก็รู้จักกันอยู่แล้วว่า ไม่ใช่คนดี วิเศษเสมอไปทีนี้
เหล้าที่คนดื่ม เข้าไปนั้น เป็นเครื่องทำลายสติ คือทำให้สติฟั่นเฟือน ลืมตัว และหมดสภาพ
ที่เป็นตัวของตัวเอง คนเราพอสติพิกลพิการไปแล้ว ก็ทำอะไรแผลงๆได้ทุกคน ถ้าเราจะถือว่า
การทำเช่นนั้น เป็นความกล้าที่ดีแล้ว ก็นับว่าเป็นการเข้าใจผิด เพราะความกล้า เช่นนั้น ไม่มี
ประโยชน์อะไรเลยแก่ชีวิตของเราและแก่ใครๆ นอกจากเป็นทางนำความร้าวรานมา สู่สังคม
เท่านั้น รวมความแล้ว เหล้าแทนที่จะทำให้ผู้ดื่มเป็นคนกล้า ดังที่บางคนชอบอ้าง แต่กลับทำ
ให้ ผู้ดื่มจนเมาแล้ว ชอบพูดพล่ามกวนใจคนอื่น และเข้าใจผิดในตัวเองว่า เป็นผู้มีฤทธาศักดา
เดช เหนือมนุษย์ทั้งหลาย กลายเป็นคนชอบก่อการทะเลาะวิวาท หลักฐานพยาน มีอยู่ถมไป
หนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวให้อ่านอยู่ แทบมิเว้นแต่ละวัน ว่าเมาแล้วตีกัน เมาแล้วฆ่ากัน เมาแล้วชก
ต่อยกัน มีอยู่เสมอ


โทษข้อที่ ๓ เหล้านำโรคมาให้
หมายความว่า การดื่มเหล้าทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บหลายอย่างด้วยกัน ผมเองไม่ใช่หมอ พูด
ไป ประเดี๋ยวท่านก็จะว่า คิดเอาเอง พูดเอาเอง หันเข้าหาหมอดีกว่า ใครจะรู้เรื่องโรคดีกว่า
หมอ และก็ควรจะได้รับความคิดเห็นจากหมอ ที่เชี่ยวชาญในแขนงต่างๆ เพื่อประมวลความ
คิดเห็นดู หมอคนแรกที่ผมได้ติดต่อปรึกษาหารือ เป็นหมอแผนปัจจุบัน รักษาโรคภัยไข้เจ็บ
ธรรมดา ท่านเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุด
ของกองทัพบก คือพันเอกหลวงมงคลแพทยาคม ( ยศในสมัยนั้น ) ท่านชี้แจงว่าโรคที่เกิด
จากการดื่มสุรา มีอยู่เป็นอันมาก เท่าที่พอจะนึกตอบผมได้ทันที ก็มีดังต่อไปนี้

๑. ทางเดินอาหาร เหล้าทำให้กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ
๒. ทางระบบประสาท เหล้าทำให้มือสั่น ตามัว ทำให้เกิดวิกลจริต ที่เรียกว่า บ้าพิษสุรา
๓. ระบบทางเดินโลหิต เหล้าถ้าดื่มพอสมควร ทำให้ชีพจรเต้นเร็ว ถ้าดื่มมาก
ทำให้ชีพจรอ่อนลง เต้นระยะไม่เท่ากัน และสุดท้ายหมดสติ
๔. ต่อมไม่มีสาย เหล้าทำให้อักเสบเรื้อรัง ทำให้เกิดโรคเบาหวาน ปวดข้อ และเป็นโรคตับแข็ง
๕. ระบบการหายใจ เหล้าทำให้ผู้ดื่มหายใจช้าลง ระยะไม่เท่ากัน

รวมความแล้ว เหล้าให้โทษแก่ร่างกาย
เชิญท่านตามไปพบหมออีกท่านหนึ่ง คือนายแพทย์ประสบ รัตนากร ท่านผู้นี้เป็นนายแพทย์
ผู้เชี่ยวชาญทางจิตและประสาท ได้เคยไปศึกษาเรื่องเหล้าโดยตรง ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
ครั้นกลับมาเมืองไทยแล้ว ก็ได้พยายามหาทางชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดื่มเหล้า ให้
ประชาฃนทราบอย่างกว้างขวาง ในคราวเข้าประชุมร่วมกัน ที่กระทรวงมหาดไทย ในฐานะ
เป็นกรรมการลดการดื่มสุรา ผมได้รับมอบบันทึกเรื่องเหล้าไว้จากท่านชุดหนึ่ง ในบันทึกนั้น
ท่านกล่าวถึงเรื่องในอเมริกา เขามีสมาคมเลิกเหล้า ( Alcoholics anomymhus )
สมาคมได้พยายามค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องการดื่มสุรา ซึ่งเป็นปัญหาทางการแพทย์ทุกแง่ทุกมุม
จนสามารถสรุปลงได้ว่า

โรคติดสุรามีอยู่ ๖ ประเภท คือ
๗. Pathological คือโรคเมาเหล้า
๘. Pelirium Tremens คือโรคไข้เหล้า มีอาการลืมตัว ผวาง่าย มีไข้สูง ๓ - ๑๐ วัน ระแวง
มองเห็นภาพลวงตา แล้วหวาดกลัว รู้สึกแปลกๆ คล้ายแมลงตอมไต่ผิวหนัง อัตราการตาย
สูงถึง ๑๐ %
๓. Korsakoff's Syndrome คือโรคเหล้าละลายประสาท ไม่อยากกินอาหาร เหน็บชา
ลืมตัวง่ายพูดพล่อย
๔. Acutchallucinosis คือโรคเหล้าละลายจิต มีอาการเหมือนโรคจิต มีความระแวงและ
สำคัญผิด เห็นและได้ยินสิ่งลวงตา ลวงหู บางครั้งทนไม่ได้ ต้องด่า หรือออกท่าทางประกอบ

นอกจากนี้ ท่านได้กล่าวถึงสถิติในอเมริกา มีคนติดเหล้าประมาณ ๕ - ๗ ล้านคน คนเหล่านั้น
ทำให้เกิดผลเสียแก่ทางเศรษฐกิจของชาติ ๘,๐๐๐ ล้านเหรียญต่อปีในบูดาเปสต์ มีหลักฐาน
แน่นอนว่า คนที่ฆ่าตัวตายนั้น เป็นพวกติดเหล้าเสีย ๘๐ %ดร.ฟอเรล ได้ทำการสำรวจ ใน
ประเทศสวิส พบว่า ๓ ใน ๔ ของพวกอาชญากร ปรากฏว่าเป็นพวกติดเหล้า และ ๑ ใน ๓
ของคนที่ต้องไปรักษาตัวในโรงพยาบาลโรคจิตนั้น มีเหล้าเป็นต้นเหตุรวมอยู่ด้วยเสมอ ฟัง
หมอแผนปัจจุบันกี่คนๆ ก็ว่าเหล้าเป็นเครื่องนำโรคเหมือนกันลองหันไปหาหมอไทยๆ แผน
โบราณดูบ้าง จะว่าอย่างไร ?สำหรับหมอแผนโบราณ ผมจะไม่ไปรบกวนหมอตามบ้านล่ะ
เข้าเฝ้า "หมอเดิม" ทีเดียว คือ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ผู้ทรง
รอบรู้เรื่องเหล่านี้เป็นอย่างดี ได้ทรงอธิบายไว้ชัดเจน ว่าเหล้าทำให้เกิดโรคหลายอย่างเช่น

* โรคขัดตามข้อ
* โรคเมื่อยขบ
* โรคแน่น มีลมพิษในกระเพาะ
* โรคจุกเสียด
* โรคอ้วก
* โรคอ้วนฉุ อ่อนเพลีย
* โรคนอนไม่หลับ
* โรคเบื่ออาหาร ลิ้นเป็นฝ้า คอแห้ง


เท็จจริงประการใด หวังว่าทุกท่านพอจะพิสูจน์ได้ ลองนึกถึงคนที่ติดสุราดูก็ได้ เท่าที่
ท่านเคยพบ เห็นว่ามีโรคพวกนี้จริงหรือไม่ รวมความว่า หลักวิชาการอันหนึ่ง ที่พระพุทธเจ้า
ตรัสไว้เมื่อ กว่า ๒,๕๐๐ ปีก่อนโน้นว่า "เหล้านำโรคมาให้" ก็ยังถูกต้องจนทุกวันนี้ "หมอ"
ทั้งแผนเก่าแผนใหม่ ทั้งหมอไทย หมอฝรั่ง ต่าง รับรองกันทั้งสิ้น.

โทษข้อที่ ๔ เหล้าทำให้เสียชื่อเสียง
แน่นอนที่สุด ชื่อเสียงย่อมไม่มีแก่คนสติฟั่นเฟือน ซึ่งอาจทำความผิดได้ทุกประตู บางคน
อ้างว่า ดื่มเพื่อสังคม คล้ายๆกับว่า การสังคมคบหากัน จำเป็นต้องดื่มเหล้า ไม่ดื่มไม่ได้ ซึ่ง
เป็นความเข้าใจผิด หรือเป็นการแก้ตัว ผมเคยฟังท่านผู้ใหญ่บรรยายมารยาท ในสังคม และ
เคยศึกษาจากตำราสังคมหลายเล่ม ไม่เคยฟังหรือพบว่า การสังคมต้องดื่มเหล้า มีแต่สอน
ซ้ำๆซากๆว่า "จงอย่าดื่มสุรา ถ้าอดไม่ได้จริงๆ ก็จงดื่มให้น้อยที่สุด และเมื่อรู้สึกตัว ว่าเมา
ควรรีบปลีกออกจากสังคมเสีย"... มีแต่สอนกันอย่างนี้ เหล้าไม่ใช่แกนแห่งสังคมแน่ บางคน
อ้างความจำเป็นในการผูกมิตร จึงดื่มเหล้า อ้างว่าถ้าไม่ดื่มเหล้า เราจะนับถือ กันได้อย่างไร ?

นี่ก็อีกแหละ คนเลี้ยงเหล้ามีเพื่อนมากจริง เราอาจหาเพื่อนได้เป็นพันๆในชั่วโมงเดียว แต่
น่า เสียดายที่ว่า รุ่งเช้า เหล้าสร่างแล้ว มิตรภาพก็สร่างไปด้วย พอเมาแล้ว ก็มักจะปววารณา
"น้องชายมีอะไรใช้พี่นะ อย่าเกรงใจ"... แต่รุ่งเช้า พูดกันไม่รู้เรื่อง ดูซิ เพราะฉะนั้น เราตั้ง
สูตรได้ว่า มิตรที่ได้ด้วยเหล้า ก็เหมือนผ้าที่ย้อมด้วยขมิ้น สีตกเร็ว ต้องย้อมกันบ่อยๆ จึงจะได้
สีเดิม ผู้ที่ผูกมิตรด้วยเหล้า ถ้าตัวตกอับลง ไม่มีเหล้าให้เขากินเมื่อไร มิตรก็จะหายไปเมื่อนั้น
ผมเคยเห็นมาแล้ว เป็นเหตุการณ์ที่เกิดใกล้กับตัวข้าพเจ้ามาก คือท่านผู้ซึ่งเคยเป็นเจ้ามือเลี้ยง
เหล้า ขนาดหนักผู้หนึ่ง ซึ่งบรรดาคอสุราทั้งหลายยกเป็น "ตั้วเฮีย" ทีเดียว เกิดล้มป่วยลง
อย่างหนัก พอแสดงอาการหมดหวัง ที่จะเป็นเจ้ามือได้ต่อไปแล้ว บรรดาสุรามิตรทั้งหลาย
ซึ่งไม่เคยขาดบ้านแต่ก่อน หายหน้าไปหมด เหลือแต่ผู้นับถือกันด้วยใจแท้ๆ ไม่มีอะไรย้อม
คอยนั่งกรอก ข้าวกรอกน้ำให้ เป็นอย่างนี้แหละท่าน มิตรภาพใน ขวดเหล้า มันระเหยได้
เมื่อเหล้าหมด มิตรก็หมดด้วย

โทษที่ ๕ เหล้าเป็นเหตุให้ทำน่าอดสู
ข้อนี้ จริงที่สุดอีกเหมือนกัน ใครๆก็เคยพบเคยเห็น คนเราเวลาปกติก็เรียบร้อย จะออกจาก
บ้านแต่ละที ต้องกวดขันเสื้อกางเกง กลีบไม่กระดิก จะพูดจาก็รู้จักรักษาชั้นเชิง ไว้ศักดิ์รักศรี
ไม่ให้ใครดูถูก แต่ครั้นเมาแล้ว กลายเป็นคนละคน ความคิดที่จะถนอมเกียรติ และศักดิ์ศรี
ของตนเอง ไม่รู้หายไปไหน เลยทำอะไรได้ทุกอย่าง ที่คนไม่เมาทำไม่ได้ ที่ว่าทำน่าอดสู ก็คือ
ทำสิ่งน่าอับอาย เช่น นอนกลางถนน นั่งลงบนที่โสโครก ถ่ายอุจจาระปัสสาวะ และโก่งคอ
อาเจียน ในที่ทุกหนทุกแห่ง ปล่อยปละกับการแต่งเนื้อแต่งตัว รวมความว่า "หมดตัว" ก็แล้ว
กัน อย่าว่าแค่เสื้อผ้าเลย แม้แต่แข้งขาตีนมือของตัวเอง ก็ปล่อย ทิ้งหมด มันเป็นความจริง
ที่ไม่น่าจะเสียเวลาอธิบาย เพราะเห็นกันอยู่ทั่วไปแล้ว หัวคิดที่ออกมาในขณะมึนเมานั้นเป็น
หัวคิด ที่ใช้การไม่ได้ มีใครมาเล่าให้ฟัง จำไม่ได้เสียแล้ว

จำได้แต่ว่า ขณะนั้น ข้าพเจ้าประจำอยู่ที่กองพลที่ ๔ นครสวรรค์ และก็กำลังโดยสารรถ
ล่องลงมาจากเหนือ มีใครคนหนึ่ง สนทนามาในรถไฟ มาเล่าให้ฟังถึงหัวคิดของคนเมา
เท็จจริงให้เป็น ของคนเล่าก็แล้วกัน และถ้าพาดพิงถึงท่านผู้ใด ก็ขอโทษด้วย เล่าตามที่เขา
เล่า ครั้งหนึ่ง ทางจังหวัด มีการสร้างถนน จากตัวจังหวัด ไปถึงอำเภอแห่งหนึ่งครั้นทำถนน
เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็สั่งให้คน งานเอารถบรรทุกหลักกิโลเมตร ไปปักตามรายทาง วิธีทำ
ก็คือ คนพวกพวกนี้จะต้องวัดระยะทาง ๑ ก.ม. และขุดหลุมปักหลักกิโลไว้ แต่ครั้นพ้นสายตา
นายไปแล้ว คนงานทั้งหมดก็พากัน "ตกน้ำ" ล่อกันเสียเมาแอ๋ พอเมาแล้ว ก็เกิดความคิดขึ้นมา
แปลกๆ คนหนึ่ง เสนอความเห็นขึ้นว่า การที่นายสั่งให้ปักหลักกิโล รายกันออก ห่างกัน ๑ ก.ม.
นั้นไม่ถูก ผิดศีลธรรม เพราะเป็นการทรมานหลักกิโล ให้พลัด พรากกัน เขาจะคุยกันบ้างก็ไม่
ได้ เป็นบาปหนัก นายสั่งผิด คณะพรรคพวกเห็นจริงด้วย มีมติเป็นเอกฉันท์ ไชโย ปักหลักกิโล
รวม กันไว้ดีกว่า ที่สุด เมื่อเสร็จแล้ว หลักกิโลสายนี้ ก็เลยพิกล ไปหมด บางทีเดินตั้งครึ่งวัน ก็
ไม่เจอ หลักกิโล แต่พอเจอเข้า ก็เห็นปักรวมกันไว้ เป็นสิบๆหลัก ตั้งสลอนเหมือนป่าช้าฝรั่ง
ครั้นสอบสวนได้ความตามที่เล่ามาแล้ว คือคนงาน พากัน "ตกน้ำ" เสีย พอสมองพิกล งาน
ก็พิการไปด้วย... น่า อดสูนักแลพ่อตา ลดลง เรียก ลูกเขยว่าเพื่อน...ลูกเขยสถาปนาตัวเองขึ้น
เรียกพ่อตาว่า "ไอ้น้องชาย" มีอยู่ถมไปในวงสุรา"


โทษข้อที่ ๖ เหล้าบั่นทอนกำลังปัญญา
ยังมีผู้เข้าใจผิดอีกอย่างหนึ่งว่า เหล้าทำให้ปัญญาเปรื่องปราชญ์ หัวคิดแล่น บางคนอ้าง
ตัวอย่าง สุนทรภู่ กวีเอกของไทย ว่าแต่งกลอนได้ดี ก็เพราะเหล้า มีชื่อเสียงเพราะเหล้า ซึ่ง
เป็นความเข้าใจ และเป็การอ้างที่ผิดจากความจริง ความจริง สติปัญญาของคน ได้มาจาก
การศึกษา คนกินเหล้ามาก เหล้าทำให้ปัญญาทึบ ถ้าเขาไม่ได้กินเหล้า สมองจะมึนชา แต่ถ้า
กินเหล้า เหล้าจะเข้า ไปกระตุ้นเส้นประสาท ให้ความคิดแจ่มใสชั่วประเดี๋ยวหนึ่ง แล้วก็กลับ
ทรุดหนักลงไปอีก คนติดสุราแล้ว เลยคว้าเอาตรงที่เหล้ากระตุ้นประสาทนั้น ว่าเหล้าทำให้
ปัญญาเปรื่องปราชญ์ เป็นการคิดถึงผลได้เพียง หยิบมือเดียว แต่ที่เสีย ไปตั้งกอง ไม่พูดถึง
การที่อ้างสุนทรภู่เป็นตัวอย่างว่า แต่งกลอนได้ดีเพราะเหล้า และมีชื่อเสียงเพราะเหล้านั้นผิด
ถนัด
อ่านประวัติสุนทรภู่ดูเถอะ ฉบับของสภาวัฒนธรรมแห่งชาติ และฉบับของ กรมพระยา
ดำรงราชานุภาพ แสดงไว้ชัดเจนว่า สุนทรภู่เป็นนักแต่งกลอนก่อนกินเหล้า ไม่ใช่กินแล้วจึง
แต่งเป็นจะว่าสุนทรภู่ได้ปัญญามาจากเหล้าได้อย่างไร และเหล้าไม่ได้ทำให้ชื่อเสียงของ
สุนทรภู่ดีขึ้นเลย ตรงข้าม เหล้าทำให้สุนทรภู่ลำบากยากเข็ญมาก แล้วทำให้สุนทรภู่ต้องติด
คุกติดตะราง เหล้าทำให้สุนทรภู่ถูกเมียทิ้งและเหล้าทำให้สุนทรภู่ ถูกโหรเรียกว่า
"อาลักษณ์ขี้เมา"


รวมความว่า ถ้าเกียรติยศของสุนทรภู่จะแจ่มใสเหมือนดวงอาทิตย์ เหล้าก็เป็นผู้สร้างจุดดำ
ขึ้นในดวงอาทิตย์นั้น ข้อนี้ สุนทรภู่เองรู้ดี จึงแต่งกลอนสาปเหล้าว่า "น้ำนรก"
กลอนนั้นว่า
"ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา
โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย"


และเมื่อสำนึกตัวได้แล้ว สุนทรภู่ก็เลิกดื่มเหล้า แล้วเขียนกลอนไว้ว่า

"ถึงนครชัยศรีมีโรงเหล้า เป็นของเมาตัดขาดไม่ปรารถนา "ถ้าเหล้าเพิ่มสติปัญญาให้คนจริง
เราคิดง่ายๆก็แล้วกัน รัฐบาลคงเปิดให้คนต้มเหล้ากินอย่างเสรีมานานแล้ว พลเมืองจะได้ฉลาด
ไม่ต้องตั้งกระทรวงศึกษาธิการให้เสียเงินเปล่าๆ และพระพุทธเจ้าคงไม่ห้ามการกินเหล้าแน่
การหาเรื่องโฆษณา ว่าการกินเหล้า ดีอย่างนั้น อย่างนี้ เป็นเรื่องของคนดื่มเหล้าจนติด แล้ว
โฆษณาปลอบใจตัวเอง และในโอกาสเดียวกัน ก็หาเพื่อน หรือหาเจ้ามือไว้ ฝ่ายคนขายเหล้า
ก็กระพือใหญ่ เพื่อให้คนนิยมกินเหล้ามากๆ ตัวจะได้รวย"




พุทธองค์ แสดงธรรม 84000 ข้อ พระธรรม คือคำสั่งสอนพุทธองค์ พระสงค์นำหลักธรรม เผยแพร่ต่อมวลมนุษย์

รวมคติธรรมคำสอน ของพระพุทธเจ้า article
คน10ประเภทนี้เจอเมื่อไหร่หนีให้ไกล ไม่ควรแม้แต่จะรู้จัก article
อยากมีสุขภาพจิตที่ดี สร้างได้ง่าย ๆ ด้วยตนเอง.. article
เคยสงสัยไหมว่าเราเกิดมาทำไม...อยู่ไปเพื่ออะไร article
นั่งสมาธิเเล้วเกิดการเจ็บปวด มันมาจากไหนควรเเก้อย่างไร article
ปัญญาเกิดขึ้นเมื่อได มันจึงรู้เท่าสิ่งทั้งปวงในโลกอันนี้ article
ผู้ใดมีสัจมีศีล..ได้ชื่อว่าเป็นผู้หมดกรรมหมดเวร article
ให้เตือนสติถามตัวเราเองอยู่เสมอว่า วันเวลาล่วงไปผ่านไป ในบัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่ [ตอนที่2] article
ให้เตือนสติถามตัวเราเองอยู่เสมอว่า วันเวลาล่วงไปผ่านไป ในบัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่ [ตอนที่1] article
ข้อดีของความทุกข์..เวลามีเรื่องไม่ดี มักมีข้อดีซ่อนอยู่ article
ปาฏิหาริย์เกิดได้ทุกนาที สิ่งเดียวนั่น คือการตื่นรู้ทุกลมหายใจเข้าออก ยืน เดิน นั่ง นอนให้ปกติ article
ความโลภไม่อาจนำพามนุษย์ ไปสู่ความสำเร็จ article
คนมีสติ เหมือนมีสิ่งนำโชค ให้พบเจอแต่สิ่งดีๆในชีวิต article
ถ้าเราทุกข์เพราะความรักก็ต้องมาแก้ที่เหตุแห่งทุกข์ หรือตัวปัญหานั้น คือฉัน หรือ เรา article
ธรรมโอวาท ของ พระญาณสิทธาจารย์ หลวงปู่สิม พุทธาจาโร article
การทำจิตให้สงบ โดย หลวงปู่ชา สุภัทโท article
สัจธรรมของความจริง article
ขันธ์ทั้ง 5 คือ ธรรมที่ควรกำหนดรู้ เพื่อความรู้แจ้ง และความสิ้นไปของกิเลสทั้งปวง article
ผู้ใดเห็นปฏิจจสมุปบาท ผู้นั้นชื่อว่าเห็นธรรม (แก่นธรรม) article
นิพพานของพระพุทธเจ้า article
ทางพ้นทุกข์ จิตเห็นผิดเป็นถูกไปเพราะกรรมบังจิต จิตเห็นผิดเป็นถูกก็จะทำความดีได้ยาก article
มีรักและมีชังมันจึงทุกข์ article
ขันธ์ห้าเป็นทุกข์ ใครยึดใครถือไว้ก็หนัก article
การบวชที่ทดแทนคุณบุพการีได้จริง article
เผลอทำผิดศีลเข้า ถ้าไม่ตั้งใจจะผิดศีลไหม article
ทางโลก กับ ทางธรรม นำชีวิตเราไปคนละทางจริงหรือ? article
สละกายบูชาพระพุทธ สละวาจาบูชาพระธรรม สละใจบูชาพระสงฆ์ เรียกว่า “ปฏิบัติบูชา” article
อะไรคือบุญ การละบาปได้นั่นแหละเป็นบุญ article
ทำบุญไม่ละบาป บุญที่ทำจะถึงเรามั้ย ตอนที่ 1 article
ทำบุญไม่ละบาป บุญที่ทำจะถึงเรามั้ย ตอนที่ 2 article
เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม article
ให้แสงแห่งธรรมนำทางชีวิต สู่ความสงบสุข article
ศีลบารมี พระธรรมเทศนา หลวงปู่ฝั้น อาจาโร article
ธรรมลิขิต ๑๒ ฉบับ โดย หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร article
ละความเห็นแก่ตัว article
ความสวยงามที่ไม่สวยงาม ไม่มีอะไรคงอยู่ไปตลอด article
ความสงบมีคุณมาก โดย หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี article
ปัญญา ไม่ใช่ความรู้ แต่เป็นการตกผลึกของความรู้ และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดนั้น"หยุดกรรม"ได้จริง article
ธรรมะ คำคม จรรโลงใจ ธรรมะสอนตัวเองระวังตัวเอง ธรรมะไม่ใช่ของขลัง แต่เป็นแนวทางที่ช่วยให้เราพ้นทุกข์ article
คนเราทำบุญเพื่ออะไร ทำไมต้องมีการสะสมแต้มบุญ วิธีสะสมบุญเพื่อนำไปสู่หนทางแห่งการดับทุกข์ที่แท้จริง article
สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์สิ่งนั้นไม่ใช่ตนไม่ใช่ตัว ตอนที่ 1 article
สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์สิ่งนั้นไม่ใช่ตนไม่ใช่ตัว ตอนที่ 2 article
มนุษย์เรามันก็รักสุขเกลียดทุกข์กันทั้งนั้น article
ชีวิตที่มีธรรมเป็นพื้นฐาน ตอน1 article
ชีวิตที่มีธรรมเป็นพื้นฐาน ตอน2 article
เตือนสติได้ดีแท้ ข้อคิดเรื่องความโกรธ จากพระพุทธเจ้า article
ใจนั้นสำคัญไฉน ทำไมพระธรรมทุกบททุกบาทจึงชี้มาที่ใจ article
เเก้ความทุกข์ที่ปลายเหตุ แก้เท่าไรก็ไม่มีที่สิ้นสุด article
การสอนคนให้เป็นคนดี (ตามแบบฉบับของพระพุทธเจ้า) article
ความสุขที่แท้จริงนั้น อยู่ที่ใจที่เกิดจากความพอต่างหาก article



เว็บไซต์ www.legendnews.net ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการคัดลอกหรือเปลี่ยนเป็นชื่อเว็บของท่าน