ReadyPlanet.com
dot dot
dot

dot
ตราครุฑ




อายัด15ล.คดีปล้นบ้านปลัดพร้อมตั้งอนุฯสอบประพันธ์ไม่มอบตัวประสานลาวล่า 'โก้'

อายัด15ล.คดีปล้นบ้านปลัดพร้อมตั้งอนุฯสอบประพันธ์ไม่มอบตัวประสานลาวล่า 'โก้'

ป.ป.ช.มีมติอายัดเงิน 15 ล้าน "สุพจน์ ทรัพย์ล้อม" อดีตปลัดฯคมนาคม ที่ตำรวจยึดได้จากการโจรกรรมภายในบ้านพัก พร้อมตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน เค้นความผิด 3 กรณีแจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จ-ร่ำรวยผิดปกติ-ทุจริตต่อหน้าที่ พร้อมบี้สอบหาที่มาของเงิน อ่วมเจอสองเด้ง! “สุกำพล” ตั้งคณะกรรมการสอบซ้ำ-ฐานรวยผิดปกติ ย้ำถือว่าขณะนี้ปลัดฯคมนาคมยังไม่มีความผิด ยันไม่กระทบการทำงานของกระทรวง หลังแต่งตั้ง “ศิลปชัย” รักษาการฯ ด้านนครบาลพลิกแผ่นดินล่า “โก้” หัวหน้าแก๊ง เชื่อเป็นกุญแจสำคัญไขคดี ประสาน สปป.ลาวช่วยไล่ล่า ส่วน “ประพันธ์” หนึ่งในทีมปล้นเบี้ยวนัดมอบตัว คุม “เอก” ฝากขัง แม่หอบเงินล้านขอประกันตัว แต่ศาลไม่อนุญาต-กลัวหลบหนี
   
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 22 พ.ย.ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายอภินันท์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการ ป.ป.ช. แถลงผลการประชุม ป.ป.ช.ว่า ที่ประชุม ป.ป.ช.ได้รับรายงานข้อมูลกรณีที่คนร้ายบุกปล้นบ้านพัก นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และพบว่ามีเงินสดถูกโจรกรรมมากกว่า 200 ล้านบาท ตามที่ได้ให้สำนักงานฝ่ายข่าวไปรวบรวมข้อมูลมา และเมื่อกรรมการทั้งหมดได้พิจารณาข้อมูลดังกล่าวแล้ว มีมติว่าให้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน โดยมอบให้นายใจเด็ด พรไชยา กรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน และให้นายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการ ป.ป.ช. ร่วมดำเนินการด้วย
    
นายอภินันท์ กล่าวอีกว่า สำหรับข้อมูลเบื้องต้นพบว่าจำนวนเงินที่ถูกโจรกรรมไปนั้น ตำรวจสอบได้ว่าเบื้องต้นมี 15 ล้านบาท แต่บัญชีทรัพย์สินที่นายสุพจน์ได้แจ้งไว้ต่อ ป.ป.ช.ก็ไม่มีเงินจำนวนดังกล่าว ดังนั้นที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช.จึงเห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัยและรับเรื่องไว้ดำเนินการต่อไป โดยแยกพิจารณาเป็น 3 ประเด็น คือ 1. การยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินหนี้สินอันเป็นเท็จ 2. การร่ำรวยผิดปกติ เพื่อหาที่มาของเงินว่าเป็นเงินที่ได้มาอย่างสุจริตหรือไม่ 3. การทุจริตต่อหน้าที่ โดยจะมีการสอบย้อนหลังไปถึงการดำรงตำแหน่งที่ผ่านมาด้วย โดยกรรมการ ป.ป.ช.จะดำเนินการไต่สวนทั้ง 3 ประเด็นไปพร้อม ๆ กัน และถ้าในการไต่สวนโยงไปถึงที่มาของเงินว่ามาจากโครงการใด ในการดำเนินการเกี่ยวกับกระทรวงคมนาคมก็จะต้องตรวจสอบโดยละเอียดต่อไป
    
เมื่อถามว่า คาดว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวโยงใยไปถึงนักการเมืองหรือไม่ เลขาฯ ป.ป.ช. กล่าวว่า ก็ต้องขึ้นอยู่กับข้อมูลพยานหลักฐานที่จะได้รับ ตอบขณะนี้คงไม่ได้ แต่ในชั้นนี้คือนายสุพจน์คนเดียว อย่างไรก็ตามเบื้องต้นที่ประชุมมีมติให้อายัดเงินจำนวน 15 ล้านบาทที่ตำรวจยึดคืนมาจากคนร้ายเอาไว้ก่อน และให้คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาว่าจะดำเนินการอายัดทรัพย์สินอื่น ๆ อีกหรือไม่ เมื่อถามว่านายสุพจน์ได้ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินในขณะดำรงตำแหน่งไว้จำนวนเท่าใด นายอภินันท์ กล่าวว่า ตามกฎหมายไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นแล้วพบว่าเงินที่ถูกโจรกรรมนั้นไม่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินที่ยื่นมา จึงมีเหตุให้สงสัย
   
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากคดีการปล้นที่เกิดขึ้นคิดว่าจะเป็นประเด็นเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่ นายอภินันท์ กล่าวว่า ทางกรรมการ ป.ป.ช. ต้องพิจารณาจากหลักฐานเป็นหลักว่าพาดพิงไปถึงใคร แต่จะไม่พูดถึงล่วงหน้า ทั้งนี้ เบื้องต้นเราต้องตรวจสอบจากที่ตั้งประเด็นไว้ว่า ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินฯ เป็นเท็จ จึงต้องดูว่าบัญชีที่นายสุพจน์ยื่นแสดงมานั้นไม่เคยแสดงเงินจำนวนนี้เอาไว้ ดังนั้นเขาได้มาเมื่อไรก็ขึ้นอยู่กับคำชี้แจงของนายสุพจน์เอง แต่หากเขาชี้แจงว่าเพิ่งได้มา ก็มาพิจารณาว่าเป็นเท็จหรือไม่เป็นเท็จ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการวางกรอบเวลาในการไต่สวน แต่จะดำเนินการให้รวดเร็วที่สุด
    
ในการตรวจสอบเงินสดที่ไม่มีสายรัดเงินจากธนาคารจะหาที่มาที่ไปได้หรือไม่นั้น นายอภินันท์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับอนุกรรมการไต่สวนว่าจะมีข้อมูลมากน้อยเพียงไร และหากมีผู้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าได้จากเงินในโครงการไหนอย่างไร ก็ต้องสอบตามไปเรื่อย ๆ ซึ่งก็มีคนเริ่มที่จะร้องเรียนเข้ามาบ้างแล้ว แต่ผู้ร้องเรียนเป็นบุคคลใดไม่สามารถเปิดเผยได้ เมื่อถามย้ำว่าเกี่ยวข้องกับโครงการในกระทรวงคมนาคมหรือไม่ เลขาฯ ป.ป.ช. กล่าวว่า “ก็มีการพูดลอย ๆ ถึงเรื่องเงิน 15 ล้านบาท ว่าเอามาจากไหน เป็นข้าราชการระดับนี้” เมื่อถามว่าการกันคนร้ายไว้เป็นพยานสามารถดำเนินการได้หรือไม่ นายอภินันท์ กล่าวว่า กฎหมาย ป.ป.ช. ได้ให้อำนาจดังกล่าวไว้ ดังนั้นหากเขาให้ความร่วมมือ ป.ป.ช.ก็สามารถกันตัวไว้เป็นพยานได้ 
    
รายงานข่าวแจ้งว่า ข้อมูลที่ตำรวจได้ทำสำนวนแจ้งมายัง ป.ป.ช. ว่าตัวเลขเงินสดที่ถูกขโมยไปน่าจะมีประมาณ 50 ล้านบาท ไม่ถึง 200 ล้านบาทตามที่เป็นข่าว เบื้องต้นใช้อำนาจตามกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 78 ขออายัดเงินดังกล่าวไว้ อำนาจดังกล่าวกำหนดระยะเวลาอายัดได้เพียง 1 ปี ดังนั้น ป.ป.ช.จะทำเรื่องขอไปยังศาล เพื่อขอหมายในการอายัดทรัพย์ตามกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 37/2 ซึ่งจะทำให้สามารถอายัดทรัพย์ไว้จนกว่าคดีจะสิ้นสุด ทั้งนี้ข้อมูลยังโยงไปไม่ถึงฝ่ายการเมือง เนื่องจากข้อมูลที่ ป.ป.ช.มีอยู่ขณะนี้มาจากตำรวจ และนำมาเปรียบเทียบกับการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่นายสุพจน์ยื่นต่อ ป.ป.ช.
   
ด้านนายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการป.ป.ช.ในฐานะอนุกรรมการไต่สวนกรณีนายสุพจน์ กล่าวว่า หลังจากนี้จะเร่งประชุมทีมงานเพื่อวางกรอบการพิจารณาไต่สวนโดยเร็ว แต่ยังกำหนดไม่ได้ว่าจะเสร็จเมื่อใด โดยวางแนวทางการสอบไว้ 3 แนวทางคือ 1. การยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ เบื้องต้นพบว่านายสุพจน์ไม่ได้แจ้งทรัพย์สินเงินสดที่ถูกโจรกรรมไปต่อป.ป.ช. คงต้องเรียกนายสุพจน์มาชี้แจงว่า เป็นเงินที่ได้มาในช่วงเวลาใด เพื่อให้ความเป็นธรรม 2. การร่ำรวยผิดปกติ ซึ่ง ป.ป.ช.จะนำที่มาของรายได้เช่น เงินเดือน ค่าตอบแทน สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่นายสุพจน์ได้รับ มาดูว่า เพิ่มขึ้นสมเหตุสมผลกับการมีเงินสดจำนวนมาก ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะเป็น 15 ล้านบาท หรือ 200 ล้านบาท โดยนายสุพจน์ต้องชี้แจงถึงที่มาเงินดังกล่าวให้ได้ และ 3. การทุจริตต่อหน้าที่ ซึ่งป.ป.ช.ต้องไปพิสูจน์รายการจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่าง ๆ มีความผิดปกติหรือไม่ เชื่อว่าคดีนี้ไม่ใช่เรื่องยากในการไต่สวน ทั้งนี้อาจจะต้องเข้าไปสอบปากคำผู้ต้องหาในเรือนจำ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนด้วย
   
ที่กระทรวงคมนาคม เมื่อเวลา 14.00 น. พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ถูกกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติ โดยจะให้ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ส่วนกรรม การประกอบด้วย ผู้แทนสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้แทนกระทรวงคมนาคม คาดว่าจะสามารถลงนามแต่งตั้งได้ภายในสัปดาห์นี้ โดยยังไม่กำหนดกรอบระยะเวลาการตรวจสอบ และคณะกรรมการชุดนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาบทลงโทษ
    
“ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ต้องใหญ่กว่าปลัดกระทรวงคมนาคมหรือมีตำแหน่งเท่ากัน หากคณะกรรมการชุดนี้พบมูลความผิดจริง ก็จะรายงานตนเพื่อที่จะดำเนินการต่อไป ซึ่งการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะไม่ซ้ำซ้อนกับการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และย้ำว่าขณะนี้นายสุพจน์ ยังดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคม และยังไม่มีความผิด” พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว
    
ส่วนกรณีที่ ป.ป.ช.อายัดเงิน 15 ล้านบาทนั้น เป็นไปตามหน้าที่ของป.ป.ช. ไม่มีผลกระทบต่อการทำงานของนายสุพจน์ ส่วนการย้ายนายสุพจน์ไปช่วยราชการประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น จะไม่กระทบต่อการทำงานของกระทรวงคมนาคม โดยตนได้แต่งตั้งนายศิลปชัย จารุเกษมรัตนะ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นรักษาการปลัดกระทรวงคมนาคม เนื่องจากเป็นรองปลัดกระทรวงที่อาวุโสสูงสุด
    
“ผมไม่คิด ไม่ก้าวก่ายกรณี นายสุพจน์ ให้เป็นไปตามข้อเท็จจริง ส่วนงานภายในกระทรวงคมนาคมนั้น มีการแบ่งงานชัดเจนอยู่แล้วสำหรับรองปลัด 3 ท่าน ซึ่งแบ่งหน้าที่รับผิดชอบงานราชการชัดเจนอยู่แล้ว ไม่มีปัญหา การทำงานมีตัวตายตัวแทน ส่วนตำแหน่งประธานกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และกรรมการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) นั้น นายสุพจน์ยังคงดำรงตำแหน่งอยู่” รมว.คมนาคม กล่าว.
   
ขณะที่ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น กล่าวถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมว่า จับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 7 คน เหลืออีก 4 คนที่ยังหลบหนี ส่วนนายวีระศักดิ์ หรือโก้ เชื่อลี อายุ 36 ปีหัวหน้าแก๊ง ที่ถือเป็นกุญแจสำคัญที่ชักชวนผู้ต้องหาเข้าปล้น ยังหลบหนีในประเทศลาว อยู่ระหว่างประสานเจ้าหน้าที่ลาวในการติดตามตัวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว พร้อมทั้งได้ส่งทีมลงพื้นที่ไปทุกจุดที่คาดว่านายโก้จะไปหลบซ่อนตัว หลังสืบทราบว่าสาเหตุที่นายโก้เลือกหลบหนีไปที่ลาวนั้น เนื่องจากเคยทำธุรกิจค้าไม้เถื่อนกับนักธุรกิจชาวลาวมาก่อน ซึ่งเชื่อว่าจะติดตามตัวได้ไม่ยาก ส่วนผู้ต้องหาอีก 3 ราย ที่ร่วมก่อเหตุคาดว่ายังกบดานอยู่ในประเทศไทย
   
ทั้งนี้จากคำให้การของผู้ต้องหาที่เชื่อว่าน่าจะได้เงิน 200 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่เชื่อทั้งหมด สรุปเงินของกลางที่ยึดมาได้ทั้งหมด 16 ล้านบาท และอีกส่วนที่อยู่กับนายประพันธ์ เรืองเครือ อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอีกประมาณ 9-10 ล้านบาท รวมเงินที่ปล้นทั้งหมด 25-26 กว่าล้านบาท ดังนั้นคงต้องสอบสวนปลัดกระทรวงคมนาคมเพิ่มเติมว่า ในข้อเท็จจริงแล้วเงินที่หายไปมีจำนวนเท่าใดกันแน่                                    
ผบช.น. กล่าวต่อว่า ได้รับรายงานจากศูนย์สืบสวน บช.น.ว่า นายประพันธ์ได้ติดต่อขอเข้ามามอบตัวแล้ว และยอมรับว่ามีเงินที่ได้จากการปล้นบ้านนายสุพจน์ไปจำนวน 9 ล้านบาท แต่อยู่ระหว่างรวบรวมเงินของกลางที่ได้จากการปล้นก่อน เพราะได้นำไปปล่อยกู้แล้ว กระทั่งวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดต่อผู้ต้องหากลับไปอีกครั้ง แต่ไม่สามารถติดต่อได้อีกคงต้องรอดูท่าทีไปก่อน ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือ รวมทั้งนายโก้ หัวหน้าทีม ยังไม่ได้ติดต่อเพื่อขอมอบตัว ในส่วนของทางนาย
สุพจน์ ขณะนี้ไม่ได้ขอกำลังตำรวจเข้าไปดูแลหรือเฝ้าระวังแต่อย่างใด แต่ตำรวจก็ส่งสายตรวจไปตามปกติ ตามแผนรักษาความปลอดภัย
   
ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ สน. วังทองหลาง ร.ต.ท.ชาติชาย เขจรชัย ร้อยเวร สน.วังทองหลาง นำตัวนายชยธัช จันทร์ผ่อง หรือเอก ไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดา โดยระหว่างที่เดินออกมาจากห้องคุมขัง นายเอกมีสีหน้าค่อนข้างเครียด ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายเอกได้กล่าวว่า ตนยังคงยืนยันคำตอบเดิม คือไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล้นบ้านนายสุพจน์ เพียงแค่เคยพูดถึงเรื่องจำนวนเงินในบ้านของนายสุพจน์เท่านั้น
   
ในเวลาต่อมานางชุติมา จันทร์ผ่อง มารดา ของนายชยธัช ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสี่แยกศรีวรา จำนวน 1 ล้านบาท ขอปล่อยชั่วคราว อย่างไรก็ตามศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี และความหนักเบาของข้อหา เห็นว่าคดีนี้มีผู้ร่วมกระทำผิดหลายคน แม้ผู้ต้องหาจะเข้ามอบตัวก็ตามก็อาจหลบหนีได้ จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวนายชยธัชไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป
   
พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส. บช.น. เปิดเผยว่า ในส่วนของความคืบหน้าของผลการตรวจดีเอ็นเอในที่เกิดเหตุ พบว่าผลการตรวจดีเอ็นเอจากมีดคัตเตอร์ หมวกไหมพรหม และถุงมือ นั้นไปตรงกับดีเอ็นเอ ของนายสมบูรณ์ ริยะเทน อายุ 40 ปี ซึ่งถูกจับไปก่อนหน้านี้ และเมื่อช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ ทางญาติของ นายสิงห์ทอง หรือไก่ ใจชื่นชม อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาอีกคนที่ถูกจับก่อนหน้านี้ ได้ติดต่อประสานนำเงินสดจำนวน 1 ล้านบาทที่นายไก่ฝากไว้ มาส่งมอบคืนให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้กันตัวญาตินายไก่ไว้สอบสวนและกันไว้เป็นพยาน ส่วนเงินดังกล่าวนั้นทางญาติของนายไก่ได้ให้การว่า หลังจากเกิดเหตุนายไก่ได้นำเงินมาฝากไว้ และเกรงว่าจะมีความผิดจึงนำเงินมาส่งคืน ซึ่งขณะนี้ได้ติดต่อให้ทางพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง มารับไปรวมกับเงินก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามตนอยากจะขอฝากข่าวผ่านสื่อมวลชนว่าหากใครที่รับฝากเงินของผู้ต้องหาให้รีบนำเงินมาคืนแล้วจะไม่มีความผิด แต่ถ้าหากเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตรวจค้นเจอจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย.







เว็บไซต์ www.legendnews.net ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการคัดลอกหรือเปลี่ยนเป็นชื่อเว็บของท่าน