จ.ศรีสะเกษ สู่ขวัญสองประเทศไทย - กัมพูชา ที่ชายแดนช่องสะงำ

วันที่ 10 ธันวาคม 2554 ที่ ตลาดชายแดนช่องสะงำเมืองใหม่ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ชาวบ้านจากชุมชนช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ และผู้แทนทหารจากกองทัพภาคที่ 2 เข้าร่วมงานในงานเชื่อมสัมพันธ์ไทย - กัมพูชา โดยมี พล.ต.ฮวด ฮิม รองผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 จากกัมพูชา พร้อมด้วย พ.ต.เจียะ สุเพียะ ลูกชาย พล.โท เจีย มอล รองแม่ทัพภาค ของกัมพูชา เดินทางมาร่วมกิจกรรมพิธีบายศรีสู่ขวัญประชาชนสองประเทศ ซึ่งกิจกรรมมีประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ทั้งไทย และชาวกัมพูชากว่า 500 คน เข้าร่วมงานในพิธี เพื่อให้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศได้เกิดความรักใคร่ ปองดอง เพิ่มความสัมพันธ์ที่เคยมีเมื่อครั้งในอดีตให้กลับมาดีดั่งเดิม    

      อย่างไรก็ตาม พล.ต.ฮวด ฮิม รองผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 ตัวแทนฝ่ายทหารประเทศกัมพูชา ยื่นยันถึงความสัมพันธ์ที่ดีเพิ่มขึ้นมากในช่วงนี้ หลังจากเหตุการณ์ร้ายๆ ที่ผ่าน ในส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระดับประเทศที่เกิดกรณีพิพาทที่ผ่านมา พล.ต.ฮวด ฮิม รองผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 ไม่ขอกล่าวถึง โดยบอกแต่เพียงว่าการประชุมที่จะมีขึ้นในปลายเดือนธันวาคม นี้ ทหารในพื้นที่พร้อมปฏิบัติตามข้อตกลง และที่ประชุมของทั้ง 2 ประเทศที่จะตกลงกัน โดยความสัมพันธ์ของทหารและประชาชนในพื้นที่มีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นมากโดยมีการพบปะพูดคุยกันโดยตลอด

      ในขณะที่ ชาวบ้านตามแนวชายแดน ด้านปราสาทพระวิหาร อำเภอกันทรลักษ์ ในส่วนผู้นำชุมชน แสดงเจตนารมณ์ที่จะจัดทำโครงการประชาคม กรณีการถอนกำลังทหาร และย้ายชาวบ้านทั้งไทย และกัมพูชา ออกจากพื้นที่พิพาท ตลอดแนวชายแดนทั้งในส่วนวัดแก้วคีรีสุขสวาระ ด้วย โดย นายวีระยุทธิ์ ดวงแก้ว กำนันตำบลเสาธงชัย กล่าวว่า จากการสอบถามความรู้สึกของชาวบ้านในพื้นที่ พบว่า

      การมีกองกำลังทหารในพื้นที่นั้น เป็นความอบอุ่นใจของชาวบ้าน เพราะพื้นที่ ตรงนี้ เป็นพื้นที่ชายแดน ซึ่งหากมีการถอนกำลังทหารไปทั้งหมดจริงๆ จะทำให้พื้นที่เกิดภาวะวังเวง เพราะต้องมีการผลักดันชาวกัมพูชา ออกจากพื้นที่ด้วย และความอุ่นใจของชาวบ้าน ก็จะเพิ่มความวิตกกังวลมากขึ้นกว่าเดิม จึงได้มีแนวคิดที่จะทำประชาคมชาวบ้านขึ้น ในเรื่องการถอนกำลังทหาร รวมทั้งการรับสมัครอาสาสมัครชาวบ้านขึ้นไปรักษาการแทนทหารด้วยในพื้นที่พิพาท ซึ่งชาวบ้านหฃลายคนก็พร้อมที่จะอาสา