จ.ศรีสะเกษ จับลูกชายผู้คุมเรือนจำค้ายาบ้า

เจ้าหน้าที่สกัดจับกุมลูกชายผู้คุมเรือนจำจังหวัดศรีสะเกษ ซิ่งรถจักรยานยนต์ชนรถเจ้าหน้าที่ ผ่าวงล้อมหลบหนี แต่ไม่รอด รวมยาบ้าของกลาง 37 เม็ด

       วันที่ 16 ธันวาคม 2554 เจ้า หน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติดจังหวัดหวัดศรีสะเกษ นำโดย ร้อยตำรวจโทสุทธิพงษ์ ห่มเมือง รองสารวัตร กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเฉพาะกิจตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการด้านการข่าว จากศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดศรีสะเกษ เข้าทำการสกัด เพื่อจับกุมตัว นายพิภัช หรือ ภูมิ คำผง อายุ 18 ปี และ นายสุปรีดี หรือ นนท์ งอยหล้า อายุ 20 ปี หลังจากที่เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวส่งสายเข้าทำการล่อซื้อยาบ้าจากวัยรุ่นทั้ง 2 คน จำนวน 20 เม็ด ในราคา 5,800 บาท ซึ่ง ปรากฏว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ ให้สัญญาณจอดรถ แต่ ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน กลับ เร่งเครื่องรถจักรยานยนต์ฝ่าวงล้อมการจับกุมทำให้ชนกับรถของเจ้าหน้าที่ และวิ่งหลบหนีลงไปในทุ่งนา แต่ไปไม่รอดถูกจับกุมตัวได้ในที่สุด ที่บริเวณถนนบ้านหัวช้าง –บ้านค้อ ตำบลหัวช้าง เขตพื้นที่ อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งจากการตรวจค้นตัว ของนายพิภัช พบยาบ้า จำนวน 7 เม็ดซุกซ่อนในกระเป๋ากางเกง และ พบยาบ้าอีกจำนวน 10 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกงของ นายสุปรีดี รวมยาบ้าของกลางที่จับกุมได้ในครั้งนี้ จำนวน 37 เม็ด

       ทั้งนี้ การจับกุมดังกล่าว สืบเนื่องจาก ร้อยตำรวจโทสุทธิพงษ์ สืบทราบว่า นาย พิภัช หรือ ภูมิ ซึ่งเป็นลูกชายของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ เรือนจำจังหวัดศรีสะเกษ และ นายสุปรีดี หรือ นนท์ ได้ร่วมกับแอบลักลอบขายยาบ้าให้กับวัยรุ่นในเขตพื้นที่อำเภออุทุมพรพิสัย อำเภอราษีไศล และบึงบูรฬ์ มานานแล้ว จึงวางแผนส่งสายติดต่อซื้อยาบ้าจาก ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน จนกระทั่งมีการจับกุมตัวได้ในเวลาต่อมา โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมลงขันกัน ไป ซื้อยาบ้ามาจากเอเยนต์ขายยาบ้ารายใหญ่รายหนึ่งในเขตพื้นที่อำเภอราษีไศล ครั้งละ 50-100 เม็ด จากนั้นนำมาขายให้กับลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น และกลุ่มนักเรียนนักศึกษา เป็นหลัก จนกระทั่งถูกจับกุม

       เบื้อง ต้น ร้อยตำรวจโทสุทธิพงษ์ ได้แจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันจำหน่ายละมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้าไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย จากนั้นนำตัว ทั้ง 2 คน พร้อมยาบ้าของกลาง ส่งมอบพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอุทุมพรพิสัยดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

‏