ศาลปกครองฯไต่สวนรัฐรุก“บึงกะโล่-อุตรดิตถ์”-ต้นเหตุน้ำท่วมใหญ่เมืองลับแล 54
ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ศาลปกครองไต่สวนคดีบึงทุ่งกะโล่ เมืองลับแล เผยชาวบ้านรุมฟ้องส่วนราชการบุกรุกบึง-พื้นที่ชุ่มน้ำ ทั้งถม-ทำคันดินกั้นเส้นทางน้ำ ต้นเหตุน้ำท่วมใหญ่อุตรดิตถ์ปี 54 พร้อมแฉบางหน่วยผลาญงบนับร้อยล้านสร้างตึก สุดท้ายปล่อยรกร้างให้ นก-หนู-งู-ตัวเงินตัวทองอยู่
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า ชาวบ้านรอบบึงทุ่งกะโล่ ต.ป่าเส้าและ ต.คุ้งตะเภา อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์กว่า 60 คน ได้เดินทางมาศาลปกครองกลาง เมื่อวานนี้(23 ธ.ค.54)ตามหมายเรียกของศาล เพื่อทำการไต่สวนคำขอการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา กรณีที่ชาวบ้านรอบบึงทุ่งกะโล่ได้ฟ้องปฏิรูปที่ดินจังหวัดอุตรดิตถ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เลขาธิการ สปก. และรมต.กระทรวงเกษตรฯ ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยไม่สุจริตต่อศาลปกครองกลาง
ในการไต่สวนนั้น ตัวแทนชาวนา ได้ระบุว่า ผู้ถูกฟ้องคดีได้ละเมิดสิทธิประชาชนและสิทธิสิ่งแวดล้อม โดยอนุญาตให้หน่วยงานราชการจำนวนมากในจังหวัดอุตรดิตถ์ เข้าไปใช้ประโยชน์และถมที่ดิน ทำคันดินกั้นน้ำในทุ่งบึงกะโล่ กว่า 2,000 ไร่ เพื่อสร้างตึก อาคาร สถานที่ จนทำให้สภาพบึง ซึ่งเป็นแหล่งรองรับน้ำตามธรรมชาติหรือแก้มลิง ที่มีพื้นที่กว่า 7,500 ไร่เปลี่ยนสภาพไป ได้รับผลกระทบตื้นเขิน และไม่สามารถรองรับน้ำที่ไหลบ่ามาจำนวนมากได้ ทำให้น้ำเอ่อล้นท่วมที่นาของชาวบ้าน ทำให้นาข้าวที่กำลังงอกงามถูกน้ำท่วมขังเสียหายไปนับพันไร่ โดยไม่มีหน่วยงานราชการใดออกมารับผิดชอบ
พวกเขายังระบุอีกว่า หน่วยงานราชการผู้ถูกฟ้องคดีได้ละเมิดกฎหมายหลายฉบับ อีกทั้งเป็นการฝ่าฝืนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2552 ห้ามหน่วยราชการใดเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ชุ่มน้ำโดยเด็ดขาด แต่หน่วยงานราชการในจังหวัดอุตรดิตถ์กลับฝ่าฝืน และไม่สนใจมติและข้อห้ามทางกฎหมายต่าง ๆ ยังคงเดินหน้าปล่อยให้หน่วยราชการต่าง ๆ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยราชภัฎอุตรดิตถ์ เข้าไปทำคันดิน ทำถนน และก่อสร้างอาคารในพื้นที่ชุ่มน้ำทุ่งบึงกะโล่ได้อีก
และการที่หน่วยงานราชการละเว้นเพิกเฉยต่อการปฏิบัติตามกฎหมาย ละเว้นเพิกเฉยเสียเองนั้น น่าที่จะเป็นต้นเหตุสำคัญของวิกฤตน้ำท่วม 2554 เพราะแหล่งรองรับน้ำตามธรรมชาติขนาดใหญ่ได้ถูกทับถมเป็นคันดิน ก่อสร้างตึกอาคารแทน ทำให้แก้มลิงตามธรรมชาติหายไป
ที่สำคัญบางหน่วยงานราชการได้นำงบประมาณแผ่นดินนับ 100 ล้าน ไปถมที่ดินและสร้างอาคารเสร็จแล้ว แต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ปล่อยให้เป็นที่อยู่อาศัยของนก หนู งู และตัวเงินตัวทอง โดยที่ ส.ป.ก.อ้างว่าไม่ทราบเรื่องมาก่อน
เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญที่สมาคมฯและชาวบ้านจะยอมไม่ได้ จะได้รวบรวมข้อมูลร้องต่อ ปปช.เพื่อสอบสวนลงโทษหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
