ReadyPlanet.com
dot dot
dot

dot
ตราครุฑ




เปิดโปงขบวนการค้ากาม"ไทย-กัมพูชา" article

เปิดโปงขบวนการค้ากาม"ไทย-กัมพูชา" (1) "ขยับจากแค่เลี้ยงปากท้อง-ขยายเป็นเครือข่ายค้ามนุษย์" (สกู๊ปแนวหน้า)
 

ข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง (www.tcijthai.com) เปิดโปงเบื้องหลังขบวนการค้ากาม "ไทย-กัมพูชา" แนวชายแดนตลาดโรงเกลือ-อรัญประเทศ โดยมีแม่เล้า-นายหน้ารับงาน ส่งลูกค้าตามโรงแรมชายแดน ก่อนขยายวงไปตามเมือง ท่องเที่ยวดังของไทย ขณะที่ตัวเลขสลดคนไทยตายเพราะติดเชื้อเอดส์แล้วเพียบ

ฟื้นชายแดนเขมรหลังสงคราม

หลังจากชาวกัมพูชา ตกอยู่ในสภาวะบอบช้ำจากสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ระหว่าง พ.ศ. 2518-2541 ชาวกัมพูชานับล้านคนได้อพยพหนีภัยสงครามเข้ามาพักพิงชั่วคราวตามแนวชายแดนไทยด้านจ.สระแก้ว เป็นระยะเวลาติดต่อกันไม่ต่ำกว่า 30 ปี

ภาวะสงครามทำให้ชาวกัมพูชาเกิดความอดอยากอย่างแสนสาหัส เมื่อสงครามสงบ ชาวกัมพูชาส่วนหนึ่งกลับภูมิลำเนาเดิม ส่วนหนึ่งปักหลักอยู่ที่พักพิงชั่วคราว ส่วนหนึ่งหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และส่วนหนึ่งได้อพยพไปอยู่ในประเทศที่ 3

ราวปี 2533 สถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนเริ่มลดลง แต่ยังมีการสู้รบประปราย รัฐบาลไทย โดย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น มีนโยบาย เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า และกองกำลังบูรพา มีความเห็นสอดคล้องที่จะปิดจุดลักลอบการค้าต่างๆ หรือตลาดมืดที่มีอยู่ตามแนวชายแดนจำนวนมาก และพิจารณาจัดหาบริเวณที่เหมาะสม เปิดจุดผ่านแดนชั่วคราว เพื่อความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย ป้องกันอาชญากรรมต่างๆ รักษาความปลอดภัยในชีวิตและ ทรัพย์สินของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ

และเพื่อให้เป็นไปตามนโยบาย จึงมีการประชุมปรึกษาหารือกับหน่วยงานราชการในระดับท้องถิ่นเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2533 เพื่อพิจารณาเปิดจุดผ่อนปรนตามแนวชายแดน กองกำลังบูรพาจึงเสนอขอเปิดจุดผ่อนปรนชายแดนไทย-กัมพูชาครั้งแรก ที่บ้าน หนองเสม็ด อ.ตาพระยา (ปัจจุบันอยู่ในเขตอ.โคกสูง) โดยให้เหตุผลว่า พื้นที่ฝั่งตรงข้ามอยู่ในความยึดครองของกองกำลังรักชาติ กลุ่มที่ฝ่ายไทยสามารถควบคุมได้ จะทำให้เกิดความปลอดภัยแก่คนไทย ที่ค้าขายกับชาวกัมพูชา มากกว่าในเขตพื้นที่อื่น

ก่อนมีการเปิดจุดผ่อนปรน ชาวบ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา มีการค้าขาย แลกเปลี่ยนสินค้ากัน มีทั้งสินค้าถูกกฎหมายและสินค้าผิดกฎหมาย เช่น อาวุธสงคราม ยาเสพติด รถยนต์ รถจักรยานยนต์ วัตถุโบราณ สัตว์ป่า และสินค้าบริโภค เป็นต้น

เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า

การค้าดังกล่าวเป็นตลาดมืด ตามจุดต่างๆ ประกอบกับ เส้นแบ่งเขตแดน ไม่มีสิ่งกีดขวางทางธรรมชาติ บางจุดมีเพียงคลองเล็กๆ ไม่เป็นอุปสรรคในการลักลอบค้าขาย ทำให้ยากในการป้องกันและรักษาความสงบเรียบร้อย ต่อมามีการเปิดจุดผ่อนปรนอีกแห่ง ที่บ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.ปราจีนบุรี (ปัจจุบันขึ้นกับ จ.สระแก้ว) และเปิดค้าขายที่ตลาดโรงเกลือเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2534

การสร้างตลาดโรงเกลือ ด้วยวัตถุประสงค์ปิดจุดลักลอบค้าขายตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาทั้งหมด สะดวกในการควบคุม การค้าตามแนวชายแดน ป้องกันการลักลอบค้าขายสินค้าผิดกฎหมาย และยุทธปัจจัย และส่งเสริมสนับสนุนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ให้มีที่ประกอบการค้า เป็นการเพิ่มพูนรายได้ให้กับท้องถิ่น รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยว ของท้องถิ่น เปิดประตูสู่อินโดจีน และเป็นประโยชน์ในการจัดเก็บ ภาษีอากรเข้ารัฐด้วย

ต่อมาปี 2541 เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยเห็นพ้องกันว่า การค้าที่ตลาดโรงเกลือไม่คึกคักเท่าที่ควร นักท่องเที่ยวจะข้ามไปเที่ยวที่ตลาดปอยเปต อ.โอโจรว จ.บันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา ตรงข้ามตลาดโรงเกลือมากกว่า ส่วนราชการระดับท้องถิ่น จึงมี นโยบายให้ชาวกัมพูชาเข้ามาค้าขายที่ตลาดโรงเกลือได้

เริ่มต้นที่ตลาดโรงเกลือ

หลังจากนั้นตลาดโรงเกลือจึงคลาคล่ำไปด้วยชาวกัมพูชา นับหมื่นนับแสนคน นำสินค้าอุปโภค บริโภคที่ได้รับจากการบริจาคจากนานาชาติ และมีจำนวนมากใช้ไม่หมด หากเก็บไว้ก็จะชำรุดเสียหายหรือเสื่อมสภาพนำมาขายกับคนไทยในลักษณะ ชั่งกิโลขาย มีราคาที่ถูกมาก เช่น เสื้อผ้า อาหารกระป๋อง เป็นต้น ตลาดโรงเกลือ จึงเป็นตลาดสินค้ามือสองที่มีราคาถูกที่สุด มีชื่อเสียงจนถึงปัจจุบัน

ขณะที่รัฐบาลไทยและกัมพูชาเปิดจุดผ่อนปรน เพื่อให้คนทั้งสองประเทศได้ค้าขายและไปมาหาสู่กัน ขณะเดียวกันมีกลุ่มอาชีพหลากหลายเข้ามาหากินในตลาดโรงเกลือ อาทิ กลุ่มหญิงขาย บริการทางเพศ ค้าหญิงข้ามชาติ ค้ายาบ้า การหลบหนีเข้าเมือง ขอทาน กรรมกรรับจ้างทั่วไป และรับจ้างขนสินค้าหนีภาษีแบบกองทัพมด ปัญหาเหล่านี้เจ้าหน้าที่ของรัฐพยายามแก้ แต่ทำไม่ได้ทั้งหมด

ค้าประเวณีเพื่อเลี้ยงปากท้อง

หลังจากมีการเปิดจุดผ่อนปรนตามแนวชายแดน คน ในท้องถิ่น ไปมาหาสู่กันได้มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ากัน ชาวกัมพูชาที่เข้ามา พักพิงชั่วคราวตามชายแดน หรือในศูนย์อพยพ ส่วนใหญ่เป็นเด็ก เพศหญิง และผู้สูงอายุ ส่วนชายวัยหนุ่มจะมีน้อย เพศหญิงที่เคยแต่งงานส่วนใหญ่จะเป็นม่าย เพราะสามีที่เป็นทหารมักจะเสียชีวิตในสนามรบ ประกอบกับหญิงชาวกัมพูชาขาดความอบอุ่น ขาดผู้นำครอบครัว ส่วนหนึ่งจึงต้องการมีสามีเป็นคนไทย และส่วนหนึ่ง สมัครใจค้าประเวณี เพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว และผู้ใช้บริการมักจะเป็นชายไทยที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดน และชายไทยไม่น้อยที่ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ที่เป็นโรคเอดส์ในระยะแรกๆ เป็นที่รังเกียจของคนทั่วไปอย่างยิ่ง

หลายรายที่รู้ตัวว่าตนเองติดเชื้อเอชไอวี พยายามฆ่าตัวตาย และชายไทยที่เป็นโรคเอดส์ มักไม่ไปพบแพทย์และเสียชีวิตที่บ้าน ดังนั้นสถิติชายไทยที่ติดเชื้อเอชไอวีจึงไม่ชัดเจน แต่จากการสอบถามคนตามหมู่บ้านที่อยู่ติดชายแดนพบว่า ชายไทยที่เสียชีวิตจากโรคเอดส์ มีอยู่เกือบทุกหมู่บ้าน อายุระหว่าง 20-60 ปี

จากการสอบถามกลุ่มชายที่เดินทางไปฝั่งกัมพูชาเพื่อใช้บริการ เช่น ที่บ้านบึงตากวน ติดกับ อ.ตาพระยา บ้านโจกเจีย หรือชมรมหนองจาน ติดกับ อ.โคกสูง บ้านปอยเปต ติดกับตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จะเสียค่าบริการ 500-1,500 บาท ส่วนสถานที่ มีทั้งที่บ้านของ ฝ่ายหญิง โรงแรมม่านรูด และโรงแรมขนาดเล็กราคาถูก

สำหรับหญิงกัมพูชาที่เข้ามาค้าบริการทางเพศ ที่ตลาดโรงเกลือ สังเกตจากหญิงชาวกัมพูชา จะยืนจับกลุ่มกัน 2-3 คน ตามจุดต่าง ๆ เช่น มุมทางโค้ง ศาลาพักร้อน ตามเกาะกลางถนน โดยนายหน้าเข้ามาสอบถามนักท่องเที่ยว ว่าสนใจหรือไม่ หากสนใจจะพาไปแนะนำตัว หรือนัดพบตามจุดต่างๆ อาจเป็นบังกะโลหรือโรงแรมม่านรูด ที่มีอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับตลาดโรงเกลือ ซึ่งเป็นที่รู้กันในกลุ่มนายหน้า แม่เล้าและผู้ค้าประเวณี

ลามเข้ามาถึงอรัญประเทศ

การค้าประเวณีมิได้เกิดขึ้นเฉพาะในตลาดโรงเกลือเท่านั้น แต่เข้าไปถึงตลาดเทศบาลเมืองอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ตามหัวเมือง ต่างๆ จนถึงเมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยว จะพบว่า มีความต้องการแรงงานชายหญิงกัมพูชาจำนวนมาก โดยเฉพาะขบวนการค้าหญิงข้ามชาติ จะแอบแฝงในรูปของแรงงานเถื่อนด้วย

น.ส.เอือน กาว (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี หญิงบริการ ชาวเวียดนาม ในตลาดโรงเกลือ เปิดเผยว่า ที่เข้ามาขายบริการ เพราะไม่มีงานทำ ไม่มีที่ทำกิน ไม่มีที่นา เห็นชาวกัมพูชาหลายคนเดินทางเข้ามาในตลาดโรงเกลือแล้วมีเงินทองใช้ จึงเข้ามาเสี่ยงดวง โดยไม่มีจุดหมายอะไร ต่อมามีผู้หญิงวัยกลางคนชาวกัมพูชาด้วยกัน เข้ามาตีสนิทและชักชวนหาเงิน พร้อมแนะนำให้ขายบริการทางเพศ พร้อมเสนอรายได้ จึงตัดสินใจขายบริการทางเพศ บางวันก็มีชายไทย มาใช้บริการ 2-3 คน บางวันไม่มีเลย ถ้าวันเสาร์-อาทิตย์ จะมากกว่า วันอื่นๆ ชายไทยที่เข้าซื้อบริการ ส่วนใหญ่อายุตั้งแต่ 30-70 ปี

"จะได้ค่าตอบแทนครั้งละ 500 บาท หลังจากรับเงินจาก ผู้ใช้บริการแล้ว แม่เล้าหรือนายหน้าจะขอส่วนแบ่ง 200 บาท ก็เหลือ 300 บาท แต่ถ้าเป็นขาประจำ เขาจะมาติดต่อเราโดยตรง ก็จะได้เต็ม 500 บาท"

น.ส.เอือน กาว กล่าวต่อว่า หญิงที่เข้ามาขายตัวมีทั้งหญิงชาวกัมพูชา และชาวเวียดนาม สำหรับหญิงชาวเวียดนาม จะมี นักท่องเที่ยวติดต่อผ่านแม่เล้าหรือติดต่อโดยตรงจากฝั่งปอยเปต และพามาเช่าโรงแรมที่ตลาดโรงเกลือ พอตกเย็นก็จะกลับเข้าไปฝั่งกัมพูชา บางคนที่มีบัตรผ่านแดน ก็อยู่ตามโรงแรมในตลาดอรัญประเทศ 7 วัน บางคนคนไทยชวนไปทำงานที่กรุงเทพฯ ก็มี (อ่านต่อฉบับพรุ่งนี้)

SCOOP@NAEWNA.COM
 
แนวหน้า วันที่ 26/12/2011







เว็บไซต์ www.legendnews.net ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการคัดลอกหรือเปลี่ยนเป็นชื่อเว็บของท่าน