จ.อุตรดิตถ์ จับสมีโหดฆ่าเผาทั้งเป็นหนุ่มปมหักธุรกิจ

เหตุการณ์พระเหี้ยมฆ่าเผาทั้งเป็นหนุ่มรายนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.30 น. วันนี้ (3 ม.ค.) ขณะที่ พ.ต.ท.ขวัญ  เข็มมงคล สว.สส.สภ.วังกะพี้ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ กำลังปฎิบัติหน้าที่อยู่ ได้มี น.ส.สุพัทตรา ศรีวรรณ์  อายุ 23 ปี เข้ามาร้องขอให้รีบไปช่วย นายศักดากร สุริยเสวกุล อายุ 28 ปี แฟนหนุ่ม เนื่องจากถูกคนร้ายยิงได้รับบาดเจ็บบริเวณทางเข้าบ้านป่าถ่อน หมู่ 9 ต.วังกะพี้ อ.เมืองอุตรดิตถ์ จึงไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.กิตติพล  หลวงใหญ่ รอง ผกก.สส.พบเพียงกองเลือด และรอยล้อมรถ ส่วน นายศักดากร และคนร้ายไม่พบตัว

 จากการสอบสวน น.ส.สุพัทตรา ให้การว่า ก่อนจะเข้าขอความช่วยเหลือจากตำรวจ นายศักดากร ได้โทรศัพท์ให้ตนเดินทางไปพบบริเวณดังกล่าว เมื่อตนขี่รถจักรยานยนต์ไปถึงพบแฟนหนุ่มถูก พระบัณฑิต แผ้วเกษม อายุ 40 ปี  พระลูกวัดดอยท่าเสา อ.เมืองอุตรดิตถ์ ใช้อาวุธปืนยิงฟุบจมกองเลือดอยู่หน้ารถปิกอัพยี่ห้อโตโยต้า สีน้ำเงิน ทะเบียน บน 1137 อุตรดิตถ์ ตนจึงถามว่า”ยิงแฟนทำไม” พระบัณฑิตบอกว่า นายศักดากร ติดเงินจำนวนหนึ่งทวงถามก็ไม่ยอมคืนให้ พร้อมกับหันกระบอกปืนมาที่ตน ระหว่างนั้น นายศักดากร ตะโกนว่า”ผู้หญิงไม่เกี่ยว” ด้วยความกลัวตนจึงรีบหนีไปแจ้งตำรวจ ส่วนพระบัณฑิตขับรถหลบหนีพร้อมกับนำตัว นายศักดากร ไปด้วย
 

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิทยุแจ้งสายตรวจออกค้นหาจนพบพยานเห็นรถคันดังกล่าววิ่งเข้าไปในไร่ของพระบัณฑิตซึ่ง ตั้งอยู่ หมู่ 5 ต.นายาง อ.พิชัย ตำรวจจึงนำกำลังไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบกองไฟกำลังลุกไหม้อยู่ จึงรีบช่วยกันดับก่อนจะพบชิ้นส่วนกระดูก รวมทั้งเศษเนื้อมนุษย์อยู่ในกองเพลิง ต่อมาจึงประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบ และพบแหวน 1 วง พร้อมล็อตเก็ต และเมื่อน.ส.สุพัทตรา เดินทางมาถึงยืนยันว่าเป็นของนายศักดากรแฟนหนุ่ม

 จากนั้นตำรวจนำกำลังติดตามหารถปิกอัพยี่ห้อโตโยต้า สีน้ำเงิน ทะเบียน บน 1137 อุตรดิตถ์ ที่พระบัณฑิตใช้หลบหนี จนไปพบรถจอดอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก และสามารถจับกุมพระบัณฑิตไว้ได้ สอบสวนพระบัณฑิตรับสารภาพว่า เป็นคนใช้อาวุธปืนยิง นายศักดากร แล้วราดน้ำมันจุดไฟเผาทั้งเป็น เนื่องจากโกรธแค้นที่ผู้ตายติดเงิน 200,000 บาท  ตำรวจจึงนำตัวพระบัณฑิตไปสึกก่อนควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีต่อไป ส่วนสาเหตุคาดว่า สมีบัณฑิต และนายศักดากร น่าจะตกลงเรื่องธุรกิจบางอย่างไม่ลงตัวจึงก่อเหตุฆ่าแล้วเผาดังกล่าว