กรุงเทพ จับแก๊งค่าไถ่-4โจรอุ้มฆ่านิสิตเกษตร
รวบแก๊งสถาปนิกอุ้มฆ่านิสิตม. เกษตรศาสตร์ ปี 1 วางแผนจ้างเพื่อนอุ้มไปรีดเงิน 2 ล้าน ก่อนจับใส่กุญแจมือไพล่หลังใช้ถุงพลาสติกคลุมหัว จนเหยื่อจะขาดใจตายแล้วยัดศพใส่กระสอบทรายโยนทิ้งถ่วงน้ำ สารภาพรู้จักกันในร้านเกมคนตายชอบคุยอวดบ้านมีฐานะร่ำรวย ทำไปเพื่อต้องการเงินเพราะเศรษฐกิจไม่ดี ขณะที่ตร.มีหลักฐานวงจรปิดบันทึกไว้ชัด
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 3 ม.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหม เจริญ รองผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประ ไพ รรท.รองผบช.น. พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รรท.ผบก.น.4 และพ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน ผกก.สส.น.4 แถลงข่าวจับกุมแก๊งฆ่าถ่วงน้ำนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ประกอบด้วยนายอภิรพัฒน์ หรือหวี สุขะอาคม อายุ 27 ปี นายปภาวิน หรือต้า หมายประทุม อายุ 28 ปี นายณัฐพล หรือเตย อินทร์เงิน อายุ 22 ปี และนายภาณุพงศ์ หรือโบ๊ต ศิรพันธุ์พาณิชย์ อายุ 26 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ในข้อหาร่วมกันเอาตัวบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีไปเรียกค่าไถ่ โดยใช้กำลังประทุษร้ายเป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปถึงแก่ความตาย พร้อมของกลางกระสอบทราย เชือกไนลอน และถุงพลาส ติกสีดำ
พล.ต.ท.วินัยกล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 08.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.อุดมสุข รับแจ้งเหตุพบศพชายนิรนามถูกฆ่าถ่วงน้ำสภาพศพถูกใส่กุญแจมือไพล่หลังมัดด้วยเชือกไนลอน แล้วถ่วงด้วยกระสอบทราย 3 ใบ ซึ่งผลการชันสูตรศพระบุว่าผู้ตายถูกจับถ่วงน้ำขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกก.สส.น. 4 สืบสวนจนทราบว่าผู้ตายคือนายปิยพันธ์ หรือโป้ย หรืออาร์ม ฐิติอักษรศิลปะ อายุ 19 ปี นิสิตชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เนื่องจากญาติของ ผู้ตายได้แจ้งความเอาไว้ท้องที่สภ.คลอง หลวง จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.วินัยกล่าวต่อว่า ต่อมาชุดจับกุมได้แกะรอยจนทราบว่าคนร้ายรายนี้คือนายอภิรพัฒน์กับพวก โดยนายอภิรพัฒน์มีความสนิทสนมกับผู้ตายเป็นอย่างดี ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยครั้ง เนื่องจากเล่นเกมในร้านอินเตอร์เน็ตเดียวกันเป็นประจำ อีกทั้ง ผู้ตายชอบพูดโอ้อวดว่าสามารถขอเงินจากพ่อแม่โอนเงินได้ทันทีครั้งละ 1-2 ล้านบาท เมื่อผู้ต้องหาเห็นว่าผู้ตายเป็นคนมีฐานะจึงเกิดความโลภอยากได้เงินได้วางแผนจับตัวไปเรียกค่าไถ่ พร้อมกับโทรศัพท์ไปหาคนที่รู้จักเพื่อหาทีมงานมาอีก 3 คน
พล.ต.ท.วินัยกล่าวอีกว่า จนกระทั่งวันเกิดเหตุนายอภิรพัฒน์ชักชวนให้ผู้ตายออกมาเล่นเกมโดยนัดให้ไปพบที่ห้างอิมพีเรียลลาดพร้าว จากนั้นจึงพาขึ้นรถเก๋งนิสสัน ซันนี่ นีโอ หมายเลขทะเบียน วว 1102 กรุงเทพมหานคร ขับออกไป ก่อนจะนำรถไปจอดไว้ในซอยนวมินทร์ 111 แยก 42 แล้วให้นายปภาวิน นายณัฐพล และนายภาณุพงศ์ ที่นั่งรถมาอีกคันจับคนตายใส่กุญแจมือปิดตา ก่อนจะเอาถุงพลาสติกคลุมหัวเพื่อไม่ให้จำหน้าได้ ก่อนจะขับรถไปที่ซอยลาดพร้าว 101 แล้วให้นายภาณุพงศ์โทรศัพท์ไปหามารดาของผู้ตายเพื่อเรียกค่าไถ่เป็นเงิน 2 ล้านบาทแต่มารดาของผู้ตายไม่เชื่อ
"นายภาณุพงศ์จึงใช้บัตรเอทีเอ็มของคนตายไปกดเงินถึง 2 ครั้ง แต่ก็ยังไม่มีการโอนเงินเข้ามา เมื่อเวลาผ่านไปนาน กระทั่งเหยื่ออ่อนแรงเนื่องจากขาดอากาศหายใจ กลุ่มผู้ต้องหาคิดว่าเสียชีวิตแล้วจึงนำร่างใส่กระสอบทรายแล้วใช้เชือกมัดโยนถ่วงน้ำจนเสียชีวิตภายในคลองปักหลัก 2 ถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษก แขวงและเขตประเวศ" ผบช.น. กล่าว
พล.ต.ท.วินัย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการ สอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าร่วมกันก่อเหตุฆ่าคนตายจริง โดยนายอภิรพัฒน์ทำงานเป็นสถาปนิกรับออกแบบและทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเป็นคนวาง แผนทั้งหมด โดยใช้เวลานานหลายสัปดาห์กว่าที่จะลงมือ ส่วนสาเหตุที่ทำเพราะต้องการเงินเนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี จึงว่าจ้างนายปภาวินและนายณัฐพลในราคา 1 แสนบาทให้อุ้มคนตายไปเรียกค่าไถ่ และว่าจ้างนายภาณุพงศ์ 2 หมื่นบาทให้คอยกดเอทีเอ็มของเหยื่อ คดีนี้ชุดสืบสวนมีพยานและหลักฐานจากกล้องวงจรปิดได้บันทึกไว้อย่างชัด เจนทั้งหมด
ต่อมาเวลา 11.00 น. พ.ต.อ.กัญชล อินทราราม ผกก.สน.อุดมสุข พร้อมเจ้า หน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คนที่ก่อเหตุฆ่าถ่วงน้ำนิสิตม.เกษตรศาสตร์ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดเกิดเหตุ โดยจุดแรกบริเวณลานจอดรถชั้น 4 ห้างอิมพีเรียลลาดพร้าวเป็นจุดที่นายหวีและนายโบ๊ตพาคนตายขึ้นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส แล้วขับพาไปยังซอยนวมินทร์ 112
จุดที่สองภายในซอยนวมินทร์ 111 แยก 4-12 เป็นจุดที่นายหวีและนายโบ๊ตนัดเจอกับนายต้าและนายเตย หลังจากนำตัวเหยื่อมาจากลานจอดรถ แล้วลงมือทำร้ายแล้วเอาถุงพลาสติกคลุมหัวและเปลี่ยนไปขึ้นรถยนต์ยี่ห้อนิสสัน ก่อนจะพาขับตระเวนเพื่อไปกดเงินตามจุดต่างๆ หลังจากโทรศัพท์ไปเรียกค่าไถ่กับแม่คนตาย
จุดที่สามภายในซอยรามคำแหง 24/3 เป็นจุดกดเงินจากตู้เอทีเอ็มเพื่อตรวจสอบว่ามีการโอนเงินเข้าบัญชีตามที่ข่มขู่หรือไม่ แต่ปรากฏว่าไม่มีการโอนเงินให้ จึงโทรศัพท์ไปหาแม่เหยื่ออีกครั้ง จากนั้นเดินทางต่อไปยังซอยรามคำแหง 112 ที่ผู้ต้องหานำเทปสีดำไปปิดหน้ากล้องวงจรปิดเพื่อไม่ให้เห็นหน้าก่อนจะกดเงินในบัญชีว่ามีการโอนเข้าหรือไม่ และจุดสุดท้ายที่คลองปักหลัก 2 เป็นจุดนายโบ๊ตกับนายหวีช่วยกันจับเหยื่อถ่วงน้ำหลังตรวจสอบไม่พบมีการโอนเงินค่าไถ่ 2 ล้านบาทตามที่เรียกร้องไป โดยใช้เวลาทำแผนกว่า 3 ชั่วโมงจึงเสร็จสิ้น โดยแต่ละจุดจะมีญาติพี่น้อง เพื่อนๆ และชาวบ้านร่วมสังเกตการณ์ตลอดเวลา