จ.แพร่ เจ้าหน้าที่รวบมือฆ่าเสี่ยรถมือสองอ้างทวงหนี้ 2 ล้าน

พ.ต.ท.บำรุง น้อมเศียร สารวัตรใหญ่ สภ.วังหงส์ นำกำลังจับกุม นายเจริญ วิชา ผู้ต้องหาคดีฆ่า นายพงษ์สุบรรณ เขียวนิล เจ้าของศูนย์รถบ้านเวียงโกศัย ก่อนนำมาสอบสวนทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยมีหลายจุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เริ่มตั้งแต่จุดแรกที่ ศูนย์รถบ้านเวียงโกศัย จนไปถึงบริเวณที่ลงมือฆ่าลงมือฆ่า และจุดที่ทิ้งรถไว้บริเวณถนนหลังศาลากลางจังหวัดแพร่ ก่อนพากันหลบหนีไป
การจับกุมนายวิชา ครั้งนี้เป็นการจับกุมตามหมายศาลจังหวัดแพร่ โดยคดีนี้ มีผู้ต้องหาสองราย คือ น.ส.วิรุณรัตน์ วงศ์แก้ว อายุ 26 ปี บ้านเลขที่ 58/1 หมู่ 2 ต.วังธง อ.เมือง จ.แพร่ และนายเจริญ วิชา อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 112 หมู่ 4 ต.ร่องฟอง อ.เมือง จ.แพร่ ที่ทั้งสองรายถูกชาวบ้านที่อยู่ในที่เกิดเหตุบอกว่า เป็นผู้ที่ขับขี่รถกระบะโตโยต้าวีโก้ สีบรอนส์ สี่ประตู หมายเลขทะเบียน กง 6504 แพร่ ของ นายพงษ์สุบรรณ เขียวนิล ออกไปจากจุดเกิดเหตุ
นายเจริญ กล่าวว่า เพิ่งปลดประจำการเป็นทหารเกณฑ์ เมื่อ 8 เดือนที่ผ่านมา และมาทำอาชีพตีเหล็กทำมีด ที่ต.ร่องฟอง อ.เมือง จ.แพร่ มีความคุ้นเคยกับ น.ส.วิรุณรัตน์ เพราะเป็นเพื่อนรุ่นพี่ร่วมเรียนโรงเรียนเดียวกัน และ ชอบชวนให้ไปทวงหนี้โดยให้ค่าจ้างมาหลายครั้ง และครั้งนี้เช่นกันได้ชักชวนตนโดยให้ค่าจ้าง 1,000 บาท เพื่อเป็นเพื่อนที่จะขู่ นายพงษ์สุบรรณ ที่เป็นหนี้ น.ส.วิรุณรัตน์ จำนวน 2 ล้านบาทจากธุรกิจที่ซื้อขายรถร่วมกัน และจะให้ตนจำนวน 1 ล้านบาทหากทวงได้ โดยหลังจากลวงนายพงษ์สุบรรณ ออกมาจากร้านพร้อมรถกระบะแล้วได้มารับตนขึ้นนั่งบริเวณด้านหลังของรถกระบะ จนกระทั่งเมื่อถึงที่เกิดเหตุทั้งสองได้พูดคุยถึงเรื่องขอเงินจำนวน 2 ล้านบาท
นายเจริญ กล่าวอีกว่า น.ส.วิรุณรัตน์ ได้ถามนายพงษ์สุบรรณ จะคืนให้หรือไม่ นายพงษ์สุบรรณ บอกไม่มีเงิน อยากจะเอาอะไรก็เอาไป ตนจึงเอื้อมมือไปกดไหล่ทั้งสองข้างของ นายพงษ์สุบรรณ ให้ติดกับเบาะนั่ง แล้ว น.ส.วิรุณรัตน์ ได้ใช้มีดที่พกมาด้วยแทงที่บริเวณไหล่และต้นคอ นายพงษ์สุบรรณ จึงเปิดประตูรถวิ่งหนีออกไป
หลังจากนั้น น.ส.วิรุณรัตน์ ได้เปิดประตูรถวิ่งตามไปและชี้มีดแทงบริเวณด้านหลัง นายพงษ์สุบรรณ หลายครั้งติดต่อกัน แล้วได้มีการกอดรัดต่อสู้กันจนตกลงไปบริเวณป่าละเมาะริมถนนทั้งคู่ แต่ น.ส.วิรุณรัตน์ สู้ไม่ได้จึงเรียกให้ช่วยตนเองจึงเข้าไปช่วยรัดแขน นายพงษ์สุบรรณ แล้ว น.ส.วิรุณรัตน์ จึงได้ใช้มีดแทง นายพงษ์สุบรรณ จนเสียชีวิต ต่อจากนั้นจึงพามาที่รถกระบะพบว่ารถไหลลงไปข้างทาง จึงได้ขอให้ชาวบ้านช่วยกันนำรถไถลากขึ้นมาบนถนน ก่อนจะขับขี่หลบหนีไป
ทั้งนี้จากการสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่เชื่อคำให้การของนายวิชา เนื่องจากเห็นว่าบาดแผลของนายพงษ์สุบรรณ มีเยอะไปทั่วร่างกาย โดยเฉพาะบาดแผลบริเวณท้ายทอยและบริเวณไหล่เป็นแผลฉกรรย์ ยังไม่อาจปักใจเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวจะเป็นเรื่องจริงทั้งหมด นอกจากจะต้องติดตามจับกุม น.ส.วิรุณรัตน์ มาให้ปากคำ และตรวจพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุทางวิทยาศาสตร์ ประกอบสำนวน เบื้องเจ้าหน้าที่ตรวจตั้งข้อหาผู้ก่อเหตุทั้งว่า ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน