กรุงเทพฯ ม็อบสวนยางยุติชุมนุมหลัง"ธีระ"บินเคลียร์ลงนามเอ็มโอยู

กลุ่มเครือข่ายชาวสวนยาง14 จังหวัดภาคใต้ กว่า 2,000คน ได้นำรถบรรทุกน้ำยางสดกว่า 200 คันจากจ.สตูล ปัตตานี ยะลา นราธิวาสและสงขลา มารวมตัวกันที่บริเวณสี่แยกคูหา อ.รัตภูมิ จ.สงขลา เพื่อชุมนุมกดดันรัฐบาลกรณีการแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ปิดถนนเอเชีย ช่องทางหาดใหญ่-พัทลุง ส่งผลให้การจราจรติดขัด เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรได้เจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมจนยินยอมเปิดเส้นทาง พร้อมเปิดเวทีปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล
กระทั่งเวลา 15.00 น.นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางมาร่วมประชุมหารือร่วมกับกลุ่มแกนนำเกษตรกรชาวสวนยางที่ห้องประชุมสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางอำเภอรัตภูมิ จ.สงขลา โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมทั้งสองฝ่ายรวม 40 คน โดยใช้เวลาหารือร่วมกันนานกว่า 3 ชั่วโมง กระทั่งได้ข้อสรุปร่วมกันชัดเจนพร้อมได้ทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันในการแก้ไขปัญหายางพารา โดยมีข้อสรุปร่วมกัน 6 ข้อ ประกอบด้วย
1.รัฐบาลจะนำเสนอให้คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติพิจารณาจัดสรรวงเงินเพื่อซื้อยางพาราจำนวน 200,000 ตันในราคาที่ชี้นำตลาด โดยมีเป้าหมายจะทำให้ราคายางเพิ่มสูงขึ้นไปสู่เป้าหมาย120 บาทต่อกิโลกรัม 2.ให้เชิญตัวแทนเครือข่ายเกษตรกรฯเข้าร่วมการประชุมกับคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติเพื่อกำหนดรูปแบบและวิธีการแปรรูปยางในวันที่ 17 ม.ค.55
3.ให้นำมติที่ประชุมที่จะเข้าร่วมกับคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติในวันที่ 17 ม.ค.55 นำเสนอต่อที่ประชุมครม.เพื่อหารือและให้พิจารณาในวันที่ 24 ม.ค.55 4.ให้นายกฯพูดถึงเรื่องการแก้ไขปัญหายางพาราและข้อสรุปในวันนี้ในรายการ"นายกพบประชาชน"ในวันเสาร์ที่ 14 ม.ค.นี้ 5.ที่ประชุมต้องการให้ คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติมีมาตรการแก้ไขปัญหาราคายางอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน และ6.เครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางฯจะยุติการชุมนุมและเปิดช่องเส้นทางการจราจทันทีโดยไม่มีเงื่อนไขหากมีการดำเนินการตามข้อตกลงดังกล่าว
นายธีระ เปิดเผยภายหลังการทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันว่า จะได้นำข้อสรุปดังกล่าวเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติในวันที่ 17 ม.ค.55 อีกครั้ง หลังจากนี้ทั้งสองฝ่าย คือรัฐบาลและเครือข่ายชาวสวนฯจะใช้แนวทางการดำเนินการที่ตกลงกันไว้ โดยเฉพาะการซื้อยางให้หายไปจากตลาดประมาณ 200,000 ตัน ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยทำให้สถานการณ์ราคายางปรับตัวดีขึ้น แต่จะปรับขึ้นเท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆด้วย แต่เชื่อว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่จะเดินไปสู่เป้าหมายราคายางกิโลกรัมละ 120 บาทได้อย่างแน่นอน
"ยืนยันรัฐบาลให้ความสำคัญในความเดือดร้อนของเกษตรกร ทั้งนี้ที่ผ่านมาต้องขอโทษเกษตรกรด้วย ในฐานะที่ดูแลเรื่องยางแต่กลับมาดูแลเกษตรกรล่าช้า แม้จะมอบหมายให้ตัวแทนเข้ามาดูแลแล้วก็ตามแต่ก็ยังช้าไป ทั้งนี้ก่อนเดินทางมาประชุมได้หารือร่วมกับนายกฯและนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งยืนยันรัฐบาลไม่ทิ้งชาวสวนยางแน่นอน โดยหลังจากนี้จะได้นำข้อสรุปดังกล่าวนำเสนอพิจารณาช่วยเหลือต่อไป โดยขอให้เกษตรกรเชื่อมั่นว่ารัฐจะแก้ไขปัญหาราคายางให้ได้อย่างแน่นอน" นายธีระ กล่าว
จากนั้นเวลา 19.45 น.นายธีระ ได้เดินทางมาขึ้นเวทีปราศรัยชั่วคราวของกลุ่มแกนนำเกษตรกรฯที่บริเวณสี่แยกคูหา อ.รัตภูมิ จ.สงขลา โดยได้ประกาศต่อหน้าผู้ชุมนุมว่า ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหายางพาราแล้ว ซึ่งต้องขอบคุณแกนนำที่นำเสนอปัญหาและแนวทางต่างๆให้ทราบ และต้องขอโทษชาวสวนยางที่ต้องมาชุมนุมและรอฟังคำตอบ ซึ่งหลังจากนี้ไปจะเร่งแก้ไขปัญหาให้โดยเร็วซึ่งได้รับเสียงปรบมือจากกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างคึกคัก
นายธีระ ยังกล่าวบนเวทีปราศรัยอีกว่า อยากจะอ่านรายละเอียดและข้อสรุปต่างๆให้ฟัง แต่เนื่องจากต้องรีบกลับกรุงเทพฯเนื่องจากมีภารกิจงานที่ต้องทำเร่งด่วน จึงไม่สามารถอ่านรายละเอียดให้ฟังได้ แต่ยืนยันจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด
ด้านนายชยันต์ สังข์ไพฑูรย์ ประธานสภาเกษตรกรจ.สงขลา ในฐานะผู้ประสานงานเครือข่ายชาวสวนยางภาคใต้ กล่าวว่า ผลการประชุมเป็นที่น่าพอใจระดับหนึ่ง ส่วนวิธีการและรายละเอียดต่างๆจะต้องรอดูอีกครั้งในวันที่ 17 ม.ค.นี้อีกครั้ง ซึ่งจะมีตัวแทนแกนนำชาวสวนยางฯเข้าร่วมหารือด้วย ซึ่งเชื่อว่าน่าจะได้รับรายละเอียดที่ชัดเจนยิ่งขึ้น หลังจากที่ต้องแบกรับปัญหาราคายางตกต่ำมาตลอด 3เดือน
"การชุมนุมวันนี้เป็นไปตามสิทธิพื้นฐานที่ชุมนุมด้วยความสงบ กระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น กรณีที่มีการยิงตำรวจและชาวสวนยางได้รับบาดเจ็บ 3 ราย โดยเชื่อว่าน่าจะเป็นเรื่องของการไม่พอใจที่มีการชุมนุมทำให้ผู้ใช้รถสัญจรไปมาไม่พอใจ ซึ่งต้องแสดงความเสียใจกับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บด้วย " นายชยันต์ กล่าว
อย่างไรก็ตามภายหลังจากที่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้ว กลุ่มเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยาง 14 จังหวัดภาคใต้ได้ประกาศยุติการชุมนุมและสลายตัวแยกย้ายกันเดินทางกลับโดยไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น