ReadyPlanet.com
dot dot
dot

dot
ตราครุฑ




จ.ชัยนาท นอนอยูข้างศพพ่อมากว่า25ปี

จ.ชัยนาท นอนอยูข้างศพพ่อมากว่า25ปี

ชาวบ้านใน ต.บางหลวง อ.สรรพยา จ.ชัยนาท พากันหวาดผวาไปตามๆ กัน

เมื่อ น.ส.ชาญ พรหมทอง หรือ "คุณยายชาญ" วัย 74 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 77 ม.2 ต.บางหลวง มีความผูกพันนำศพ นายหวล พรหมทอง ผู้เป็นพ่อใส่โลงเอามาตั้งไว้ในบ้าน ยาวนานถึง 25 ปี

เล่นเอาศพมาเก็บไว้ในบ้านแบบนี้

ชาวบ้านเลยพากันหวาดผวา

ทุกวัน "คุณยายชาญ" กับสามีจะอยู่กินกับศพผู้เป็นบิดาในบ้านหลังนี้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แตกต่างกับความรู้สึกของชาวบ้านที่พากันหวาดผวาไปทั่ว ยิ่งมีเสียงร่ำลือว่ามีคนเคยเห็นผู้เฒ่าแต่งชุดโจงกระเบนเดินอยู่ในบ้าน บางรายก็ว่าเห็นไฟเปิด-ปิดเอง จนกลายเป็นเรื่องเล่าต่อๆ กันมา

เท่านี้ก็แทบไม่มีใครกล้าเดินผ่านบ้านหลังนี้

การกระทำของคุณยายชาญถึงแม้จะไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร เพราะเก็บศพไว้ในบ้านของตนเอง แต่ก็สร้างความขนลุกขนพองให้กับชาวบ้านไปตามๆ กัน

ยังดีที่ในตอนหลังคุณยายชาญตัดสินใจเตรียมจัดงานเผาศพพ่อในวันที่ 29 ม.ค.ที่จะถึงนี้ ด้วยเหตุผลเรื่องสุขภาพและไม่มีเวลาดูแลศพผู้เป็นบิดา

จึงนับเป็นข่าวดีที่ชาวบ้านจะได้ไม่ต้องมานั่งหวาดผวา!!?

เรื่องราวของ "ยายชาญ" ถูกเปิดเผยวันที่ 15 ม.ค. เมื่อเสียงร่ำลือเรื่องการเก็บศพไว้ในบ้านของคุณยาย

ดังกระฉ่อนไปทั่ว ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปสำรวจที่บ้านหลังนั้นทันที

เมื่อไปถึงพบ คุณยายชาญ กับ นายประเทือง อ่ำจุ้ย อายุ 70 ปี ผู้เป็นสามี พักอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยบนบ้านพบโลงศพนายหวล บิดาของคุณยายตั้งตระหง่านอยู่ เป็นโลงสีขาวตั้งติดฝาผนัง มีผ้าขาวลายเทพพนมประดับด้านหลัง ด้านหน้ามีดอกไม้ธูปเทียนและภาพถ่ายผู้ตายตั้งอยู่

คุณยายให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเอง พาดูศพพ่อที่ตั้งอยู่กลางบ้าน พร้อมเล่าว่า ผูกพันกับผู้ตายเป็นอย่างมาก พ่อเสียชีวิตตั้งแต่ปี 2530 หลังตายก็เก็บศพไว้ในบ้าน

เป็นแบบนี้มา 25 ปีแล้ว
คุณยายย้อนอดีตให้ฟังว่า สมัยที่บิดายังไม่เสียชีวิต ตนพักอาศัยอยู่กับบิดาเพียง 2 คน บิดาเป็นไวยาวัจกรอยู่ที่วัดสวนลำไย เคยได้รางวัลไวยาวัจกรดีเด่น เพราะคอยช่วยบอกบุญชาวบ้านร่วมบริจาคจนสร้างโบสถ์ทั้งหลังสำเร็จ

"แต่แล้วพ่อก็มาจากไปด้วยโรคชรา เมื่อเดือนธันวาคม 2530 ด้วยอายุ 86 ปี ก่อนตายพ่อพูดคุยกับยายและตกลงกันว่าหากเสียชีวิตจะไม่นำศพไปไว้ที่วัด แต่จะเก็บไว้ที่บ้าน เพื่อจะได้อยู่ด้วยกัน ยายจึงเก็บศพพ่อบรรจุโลงไว้ในบ้านจนถึงปัจจุบัน

"หากพูดถึงความรู้สึกของชาวบ้านข้างเคียงที่รู้ว่าเก็บศพพ่อไว้ในบ้าน ส่วนใหญ่จะกลัวและไม่มีใครกล้าเข้ามาในบ้าน โดยบางครั้งมีชาวบ้านบอกว่าเห็นพ่อแต่งกายด้วยชุดโจงกระเบนสีเปลือกมังคุด ใส่เสื้อสีขาว ร่างกายอ้วนท้วนเดินอยู่บริเวณบ้าน บางคนเห็นไฟหน้าบ้านเปิดและปิดเองช่วงที่ยายไม่อยู่ แต่ยายไม่กลัว เพราะชินแล้ว" ยายชาญกล่าว

ยายชาญเล่าอีกว่า ทุกวันนี้อาศัยอยู่ที่บ้านตามลำพัง โดยจะนอนข้างโลงศพบิดาทุกวัน ปฏิบัติดูแลด้วยการนำ ข้าวปลาอาหารมาวางไว้ข้างโลงศพทุกสิ้นเดือน ใช้ชีวิตอยู่กับคุณตาประเทืองในบ้านหลังนี้

"ก่อนที่ยายจะแต่งงานยายถามตาว่าจะอยู่ด้วยกันหรือไม่ กลัวหรือเปล่า ตาบอกว่าอยู่ได้ จึงตกลงอยู่ด้วยกันจนถึงปัจจุบัน นานกว่า 13 ปีแล้ว แต่ตอนนี้ตาร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ป่วยเป็นโรคเบาหวานและขาพิการ ยายจึงปรึกษากับพระพี่ชายที่บวชอยู่ เพื่อกำหนดวันเผาศพพ่อ ที่วัดสวนลำไย วันที่ 29 มกราคมนี้ ที่ตัดสินใจเผาก็เพราะกลัวว่าหากป่วยหนักจะดูแลศพพ่อไม่ได้ ถึงเผาก็ยังรำลึกถึงพ่อเสมอ"

หลังข่าวคุณยายเตรียมเผาศพพ่อแพร่สะพัดออกไป ชาวบ้านต่างพากันเป่าปากโล่งอกไปตามๆ กัน

จะได้ไม่ต้องลุ้นระทึกให้เสียวสันหลัง

กล่าวถึงกรณีการเก็บศพไว้ในบ้านของคุณยายชาญ น.พ.ทวี ตั้งเสรี รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต ออกมาแสดงทัศนะเรื่องนี้ว่า เป็นลักษณะของความผูกพันที่มีต่อผู้เป็นพ่อมากกว่า หากการกระทำในลักษณะนี้ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นก็ไม่น่าจะเป็นอะไร เบื้องต้นอนุมานไว้ว่าเกิดจากความผูกพัน

ขณะที่ น.พ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล จิตแพทย์ มองว่า เป็นเรื่องปกติเมื่อคนที่เรารักหรือเทิดทูนบูชาเสียชีวิตไป ซึ่งคุณยายอาจมีความผูกพันกับคุณพ่อค่อนข้างยาวนาน และยังทำใจไม่ได้ กรณีเช่นนี้ถือเป็นปฏิกิริยา "Grief Reaction" คือ ความรู้สึกสูญเสียคนที่ผูกพัน ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ในระยะเวลา 3 เดือน แล้วความรู้สึกจะค่อยๆ จางไป แต่มีคนไข้บางรายที่มีปฏิกิริยาแบบนี้ แต่ไม่หายจนเป็นเรื้อรังไปเรื่อยๆ จนทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า เมื่อเห็นรูปหรือสิ่งของก็จะเกิดความรู้สึกเสียใจ ทำใจไม่ได้ จึงต้องนำมาบำบัดรักษา หากคุณยายยังสามารถดำเนินชีวิตอย่างปกติ ไม่เกิดภาวะดังกล่าว จึงไม่ถือว่าเป็นการผิดปกติแต่อย่างใด ส่วนเรื่องศพที่อยู่มา 25 ปี ก้อนเนื้อคงจะแห้งหมดแล้ว ยิ่งถ้าอยู่ในสภาวะที่อากาศระบายได้สะดวก จะทำให้ศพไม่เน่าเปื่อย แต่คาดว่าอาจมีเชื้อราอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงกับมีเชื้อแบคทีเรียที่เป็นพาหะนำโรคได้

อันตรายอาจจะไม่มี







เว็บไซต์ www.legendnews.net ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการคัดลอกหรือเปลี่ยนเป็นชื่อเว็บของท่าน