ReadyPlanet.com
dot dot
dot

dot
ตราครุฑ




กทม.แม่เลี้ยงใจร้ายใช้แป๊บตีลูกตาย

กทม.แม่เลี้ยงใจร้ายใช้แป๊บตีลูกตาย

วันนี้ (26ม.ค.)  ที่ห้องพิจารณา 715 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก   ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีความผิดต่อชีวิต อ.3498/53 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.จุฑารัตน์ ทุมสุวรรณ์  อายุ 31 ปี  เป็นจำเลยในความผิดฐาน ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย อัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 22 ต.ค. 53  ระบุความผิดสรุปว่า
 

เมื่อระหว่างวันที่ 18  มิ.ย.- 31 ก.ค.  2553  ต่อเนื่องกัน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด  จำเลยบังอาจใช้แป๊บเหล็กยาวประมาณ 20 นิ้ว และเข็มขัดหนังสีดำ  เป็นอาวุธตีทำร้าย ด.ช.กฤตกวี หรือน้องบีม   แสงสว่าง  อายุ 3 ปี  6 เดือน ที่บริเวณศีรษะ ใบหน้า ลำตัว แขนขา หลายครั้ง ทำให้น้องบีม  ได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายแก่กาย  และจำเลยยังใช้น้ำร้อนเทไปที่บริเวณลำตัวของน้องบีม ได้รับอันตรายบาดเจ็บสาหัส  และถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา ภายในบ้านพักย่านบึงกุ่ม กทม.  โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตาม  ประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา 290
 

จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดีว่า  เคยอยู่กินกับพ่อน้องบีมมาก่อน แต่เลิกรากันไปโดยฝ่ายชายไปแต่งงานใหม่ มีลูกชายด้วยกัน 1 คนคือน้องบีม  ต่อมาพ่อแม่น้องบีมเสียชีวิตไปทั้งคู่ โดยพ่อน้องบีมเป็นโรคปอด ส่วนแม่ผูกคอตาย  งานศพพ่อน้องบีมตนได้ไปร่วมงาน และเห็นว่า น้องบีมหน้าตาน่ารัก  ตนกับสามีไม่มีลูกด้วยกัน ทั้งย่าน้องบีม ต้องรับภาระเลี้ยงน้องบีมเพียงคนเดียว จึงไปขอน้องบีมมาเลี้ยง ส่วนสาเหตุที่น้องบีมเสียชีวิต เพราะดื่มน้ำอัดลมจนเกิดแน่นหน้าอก เมื่อตนเห็นจึงรีบไปบอกสามี  ให้เข้ามาช่วยกันปฐมพยาบาล แต่น้องบีมหมดสติก่อนเสียชีวิตในที่สุด น้องบีมเป็นเด็กดื้อ ซนมาก ก็ตีบ้างเป็นการสั่งสอน ส่วนบาดแผลน้ำร้อนลวกเกิดจากน้องบีมวิ่งซนจนชนชามโจ๊กหกรดใส่ ซึ่งตนก็ซื้อยาทาให้ 


 
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างกันแล้ว เห็นว่า พยานแวดล้อมคือนายนิกร จันทำ เพื่อนบ้าน เบิกความว่า ก่อนเสียชีวิต พยานเคยเห็นจำเลยทำร้ายใช้เท้าถีบ และใช้เท้าล็อกผู้ตายได้รับความเจ็บปวด  นอกจากนี้แพทย์ผู้ตรวจพิสูจน์ของกลางหลายรายการเบิกความว่า  ทั้งแป๊บเหล็ก เข็มขัดหนัง พบคราบเลือด และสารพันธุกรรม(ดีเอ็นเอ.)ของผู้ติดอยู่ ทั้งนี้พยานโจทก์ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองมาก่อน จึงไม่มีเหตุระแวงสงสัย จะเบิกความปรักปรำใส่ร้ายจำเลยให้ต้องรับโทษ คดีนี้แม้ไม่มีประจักษ์พยานมาเบิกความยืนยันว่า จำเลยเป็นผู้ทำร้ายผู้ตาย แต่เมื่อพิเคราะห์สภาพศพผู้ตายแล้ว และช่วงเกิดเหตุจำเลยกับผู้ตายอยู่ด้วยกัน ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยเป็นคนทำร้ายผู้ตาย จริง ส่วนข้อต่อสู้ของจำเลยเป็นเพียงข้ออ้างลอย ๆ  ไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง

พิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคแรก  ให้จำคุก 15 ปี ริบของกลาง .







เว็บไซต์ www.legendnews.net ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการคัดลอกหรือเปลี่ยนเป็นชื่อเว็บของท่าน