ReadyPlanet.com
dot dot
dot

dot
ตราครุฑ




จ.ปัตตานี ทหารพรานยิงผิดตาย4ศพ

จ.ปัตตานี ทหารพรานยิงผิดตาย4ศพ

 

นายกฯสั่งผบ.ทบ.ชี้แจงเหตุการณ์ทหารยิง 4 ศพพร้อมเยียวยาเหยื่ออย่างเป็นธรรม ด้านบิ๊กตู่เสียใจเผยไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น สั่งสอบสวนถ้าพบว่าผิดก็จะต้องลงโทษไปตามที่ผิด เผยสั่งย้ายแล้วเจ้าหน้าที่ชุด ที่ก่อเหตุ ขณะที่แม่ทัพภาค 4 แถลงขอรับผิดชอบเองยันจะสอบสวนอย่างตรงไปตรงมา ด้าน"บิ๊กอ๊อด"รับผู้ตายทั้ง 4 ศพไม่ใช่แนวร่วมในพื้นที่ ด้านคอเต็บมัสยิดเจ้าของปิกอัพแฉนาที ถูกถล่ม ทหารเรียกให้หยุดจากนั้นก็ถูกยิงกราดไม่ยั้ง "อังคณา นีละไพจิตร"เรียกร้องบิ๊กอ๊อดแสดงความรับผิดชอบ ระบุจนท.ประวิงเวลาหวังปิดบังความผิด จยย.บอมบ์ทหารชุดคุ้มครองครูยะลา บาดเจ็บ 5 ราย

แม่ทัพ4แถลงรับผิดชอบยิง4ศพ

จากกรณีเหตุกลุ่มคนร้ายยิงกระสุนเอ็ม 79 จำนวน 3 ลูกใส่ฐานปฏิบัติการ ร้อย ทพ. 4302 บ้านน้ำดำ หมู่ 3 ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี จากนั้นก็เกิดการยิงต่อสู้พร้อมทั้งเกิดการไล่ล่ากับกลุ่มคนร้ายที่พยายามหลบหนี ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะพบรถยนต์กระบะต้องสงสัย แล้วได้เกิดการยิงต่อสู้กันขึ้น ทำให้มีผู้เสียชีวิตภายในรถยนต์คันดังกล่าว 4 ราย บาดเจ็บ 5 ราย เหตุเกิดเมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 29 ม.ค. ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 31 ม.ค. ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 แถลงว่า เรื่องดังกล่าวขอเรียนพี่น้องประชาชนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฐานะผู้รับผิดชอบไม่ต้องการให้เกิดขึ้น เพราะสูญเสียชีวิตของคนในชาติ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด นโยบายในการดำเนินการนั้น พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ได้เน้นย้ำการปฏิบัติเรื่อง ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของทุกฝ่าย

เรื่องที่เกิดขึ้นนี้มีประเด็นที่อยากจะชี้แจง 2 ประเด็น คือ ประเด็นที่ 1 คือ ในการปฏิบัติการของทหารพรานเป็นไปตามแผนเผชิญเหตุ ตนก็ต้องรับผิดชอบการปฏิบัติการนั้น เพราะได้สั่งการไว้ว่าจะต้องไม่มีการโจมตีฐาน หรือหากมีการโจมตีแล้วจะต้องตอบโต้ ซึ่งเป็นการปฏิบัติการตามที่ได้สั่งการไป

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ตนก็ต้องตามไปดูและรับผิดชอบสิ่งที่ทหารพรานปฏิบัติ ไม่ว่าจะถูกหรือเกินเลยไป และเมื่อเราปฏิบัติการตามแผนแล้วตนในฐานะผู้รับผิดชอบสูงสุดขอรับผิดชอบต่อการปฏิบัติ ทั้งผลสำเร็จและข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น

ประเด็นที่ 2 คือ ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รัฐได้ดำเนินการมาเสมอ คือการเยียวยา ให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ได้รับผลกระทบ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมีผู้ปฏิบัติการถูกหรือผิดอย่างไร หรือเหตุการณ์ที่แท้จริงเป็นเช่นไร ขณะนี้ได้สืบสวนสอบสวนตามกระบวน การ และขอยืนยันว่า กอ.รมน.ภาค 4 สน.ปฏิบัติการตามหลักกฎหมายและสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัดเสมอมา และจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และขอย้ำว่าพร้อมรับผิดชอบต่อเหตุ การณ์ที่เกิดขึ้น

พร้อมเยียวยา-ให้ความเป็นธรรม

แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวอีกว่า การสืบสวนสอบสวนกำลังดำเนินการหาข้อเท็จจริงทุกอย่าง จะไม่ใช้ความรู้สึก และไม่เข้าข้างฝ่ายใด ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยนัดหมายญาติพี่น้องของผู้เสียหาย รวมไปถึงผู้นำบางส่วน และผู้ที่ปฏิบัติการในพื้นที่คือทหารพราน เพื่อจะได้เล่าความจริงให้รับทราบว่าเหตุการณ์ที่แท้จริงเป็นอย่างไร และช่วยวิเคราะห์ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมีความเกี่ยวโยงอย่างไร และมีข้อผิดพลาดหรือข้อถูกต้องอย่างไร เพื่อให้ญาติพี่น้องของผู้เสียหายได้ตัดสินใจว่าจะให้ดำเนินการต่อไปอย่างไร และรัฐจะเยียวยาให้ทุกฝ่ายอย่างแน่นอน และยืนยันจะให้ความเป็นธรรม ปฏิบัติการภายใต้กฎหมายและสิทธิมนุษยชน และขอยืนยันกับพี่น้องประชาชนด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์ ตั้งแต่ได้รับหน้าที่มายังไม่เคยโดนร้องเรียนในเรื่องการละเมิดกฎหมาย

"ขอให้พี่น้องประชาชนได้ตระหนักว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นมีกลยุทธ์ที่จะสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นระหว่างรัฐกับประชาชนเสมอมา ขอยืนยันว่าทหารพรานคงไม่ไปเข่นฆ่าหรือไปยิงใครจนเสียชีวิตถ้าไม่ถูกกระทำก่อน เพราะไม่มีเหตุผลทั้งด้านหลักกฎหมายและด้านมนุษยธรรม ที่จะไปทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์" แม่ทัพภาค 4 กล่าวในตอนท้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันนี้ บรรดาญาติของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว และฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน จะเดินทางเข้าพบแม่ทัพภาค 4 เพื่อพูดคุยรับฟังถึงเหตุ การณ์ที่เกิดขึ้น

บิ๊กอ๊อดรับคนตายไม่ใช่แนวร่วม

วันเดียวกัน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้สั่งการให้แม่ทัพภาคที่ 4 และจังหวัดปัตตานี ตรวจสอบการดำเนินการของทหารทั้งในทางกฎหมายและข้อเท็จจริงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นไปตามกฎการใช้กำลังหรือไม่ โดยจะรีบทำให้เร็ว ให้ประชาชนทราบข้อเท็จจริงว่าในเรื่องของกฎหมายใครผิดใครถูก และในข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นใครผิดใครถูก ต้องพูดกันอย่างเปิดเผย เพราะทหารมีกฎและระเบียบการใช้กำลังต่อกลุ่มเป้าหมายอยู่ ทั้งนี้ต้องตรวจสอบสถานการณ์ในวันที่เกิดเหตุด้วยว่าในการติดตามกลุ่มผู้ต้องสงสัย ทหารก็ต้องระวังตัวเขาด้วย ไม่ใช่ทะเล่อทะล่าเข้าไปในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน ก็จะกลายเป็นศพ และญาติพี่น้องเขาก็เสียใจเหมือนกัน

"ถ้าทางราชการผิด เราก็ว่าไปตามข้อเท็จ จริง แต่ถ้าเรามีส่วนถูกด้วย ก็จะต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ ฉะนั้นในการตรวจอสบจะได้ข้อคิดในทางที่ถูกต้อง เราไม่เชื่อว่าเราจะกระทำถูกมาก เพราะหลังจากที่เราตรวจสอบทั้ง 4 ศพ แล้ว พบว่าไม่ใช่แนวร่วมในขณะนี้ เพราะฉะนั้นต้องตรวจสอบในรายละเอียด" พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวและว่า เรื่องนี้คงไม่กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ถ้าเราตรวจสอบแล้วเจ้าหน้าที่เราผิดเราก็ต้องยอมรับผิด ยอมชดใช้ ยอมทุกอย่าง และต้องยอมขอโทษด้วย

ระบุมีคนในรถกระโดดหนีด่าน

เมื่อถามว่าแสดงว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ราย ไม่ใช่แนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบนั้นหมดใช่หรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า อย่างที่โฆษกกองทัพภาคที่ 4 ชี้แจง ว่าคนที่เห็นอยู่ในรถกระบะมี 9 คน เพราะทหารเห็นว่ามี 1 คน ที่กระโดดจากรถจักรยานยนต์ขึ้นรถมากระบะ เพราะอาจจะใช้ภาพของคนบริสุทธิ์ในรถทั้ง 8 คน เป็นฉากกำบังในการป้องกันตัวเขาก็เป็นได้ เราจึงต้องตรวจสอบ

เมื่อถามย้ำว่า ในรถกระบะมีบุคคลที่เป็นแนวร่วมก่อความไม่สงบซึ่งเกี่ยวข้องอยู่ในการยิงถล่มฐานทหารด้วยหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ทหารสงสัยและติดตามอยู่เพราะเห็นว่ามีทั้งรถจักรยานยนต์ และรถกระบะ ที่ยิงเครื่องยิง 40 มิลลิเมตร จำนวน 3 นัดเข้าไปในฐาน ฉะนั้นเขาก็ต้องติดตาม และเขาได้รายงานว่ามี 1 คนที่อยู่ในรถจักรยานยนต์วิ่งขึ้นรถกระบะ จึงต้องติดตาม และขณะนี้ยังไม่ทราบว่าเป็นใครและอยู่ระหว่างตรวจสอบ แต่เมื่อมีการร้องเรียนก็ต้องให้ความยุติธรรมทุกฝ่าย ไม่ใช่เข้าข้างทหารอย่างเดียว ต้องให้ความยุติธรรมกับประชาชนด้วย เพื่อไม่ให้เป็นน้ำผึ้งหยดเดียวและไม่ใช่เกิดเหตุลุกลาม

ป้องทหารไม่ได้ทิ้งปืนไว้ในรถ

เมื่อถามว่าอาวุธที่พบในรถกระบะเป็นชนิดอะไรและของใคร พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเอชเคและปืนพก ซึ่งชาวบ้านระบุว่าอาจจะเอามาทิ้งไว้ในรถ แต่ทหารบอกว่าไม่ได้ทิ้งปืนเข้าไปในรถกระบะ ส่วนที่ชาวบ้านบอกว่าปืนที่พบมีไว้เพื่อป้องกันตัวเท่านั้น พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ปืนเอชเคและอาก้าไม่ได้มีไว้สำหรับป้องกันตัว

พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวต่อว่า ได้รับรายงานว่าเมื่อคืนเวลา 19.45 น. วันที่ 30 ม.ค. ที่ผ่านมา ก็เกิดเหตุการณ์ต่อเนื่องเมื่อมีรถจักรยานยนต์ ก่อเหตุใช้เครื่องยิง 40 มิลลิเมตร เข้าไปในฐานปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และกราดยิงบ้านของชาวบ้านเสียหาย 4-5 หลัง และขณะนี้ยังติดตามตัวคนร้ายไม่ได้ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นสถานการณ์ต่อเนื่องจากเหตุยิงถล่มฐานทหารพราน

เมื่อถามว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในภาคใต้ขณะนี้ ถือว่าเหมาะสมที่จะปรับลดกำลังหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ยังคงสถานภาพของกำลังไว้อย่างเดิม และจะบูรณาการมากขึ้นกว่าเดิม ขณะนี้กอ.รมน. และกอ.รมน. ภาค 4 อยู่ระหว่างทำแผนบูรณาการกำลังทุกฝ่าย ให้ใช้กำลังเต็มที่ไม่ใช่เฉพาะทหาร เสนอนายกรัฐมนตรีแล้ว

อังคณาชี้จงใจปกปิดความผิดจนท.

ด้านนางอังคณา นีละไพจิตร ประธานมูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้พล.อ.ยุทธศักดิ์ แสดงความรับผิดชอบต่อการให้ข้อมูลที่ผิดพลาดเกี่ยวกับประชาชนที่ถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิต 4 ศพ และบาดเจ็บ 4 คน ที่จ.ปัตตานี เพราะมีการระบุว่าประชาชนเหล่านั้นเป็นผู้ก่อความไม่สงบทั้งที่ความเป็นจริงคือ คนเหล่านี้เป็นชาวบ้านที่เพิ่งกลับจากการละหมาดและกำลังจะเดินทางไปละหมาดในงานศพ แต่มีเหตุการณ์ยิงกันเกิดขึ้นในเส้นทางที่ใช้เดินทาง ชาวบ้านที่รอดชีวิตให้ข้อมูลว่าเมื่อรถไปถึงบริเวณด่านตรวจ เจ้าหน้าที่ไม่ได้แสดงตัวขอตรวจค้น แต่ยิงใส่รถของชาวบ้านจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ชาวบ้านอยู่ในอารมณ์ที่โกรธแค้น และยิ่งตอกย้ำความไม่ไว้วางใจที่ชาวบ้านมีต่อเจ้าหน้าที่รัฐ

"หลังจากเกิดเหตุแม้แต่นายอำเภอก็ยังเข้าถึงที่เกิดเหตุยากลำบาก มีการจงใจปกปิดความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่รัฐอย่างชัดเจน และยังละเมิดข้อตกลงที่เคยมีร่วมกันว่า หากเกิดเหตุการณ์ที่ เกิดข้อสงสัยว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะเข้าไปเกี่ยวข้อง ต้องให้ผู้นำศาสนามีส่วนร่วมตรวจสอบเหตุการณ์ แต่กรณีนี้ไม่มี และยังปิดกั้นบริเวณ ห้ามเดินทางเข้าไปจนทำให้ผู้ได้รับบาดเจ็บไม่ได้รับการส่งตัวเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลอย่างทันท่วงที สิ่งที่ เกิดขึ้นจะยิ่งทำให้รัฐบาลไม่สามารถฟื้นฟูความไว้วางใจจากประชาชนได้ พล.อ.ยุทธศักดิ์และกอ.รมน.ภาค 4 ต้องยอมรับความผิดพลาดและประกาศให้ชัดในการนำคนผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่มุ่งเยียวยาเพียงอย่างเดียว" นางอังคณากล่าว

เรียกร้องปัญหาใต้เป็นวาระชาติ

นาวอังคณา กล่าวว่า รัฐบาลไม่มีบุคคลที่เข้าใจต่อปัญหาภาคใต้อย่างแท้จริง ทั้งตัวนายกฯ พล.อ.ยุทธศักดิ์ หรือนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ ที่ขาดความเข้าใจถึงสภาพปัญหา ขอวิงวอนให้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เห็นปัญหาภาคใต้เป็นวาระแห่งชาติที่คนเป็นผู้นำประเทศต้องดูแลด้วยตัวเอง นายกฯจะบอกว่าไม่รู้ไม่ได้ แต่ต้องลงพื้นที่สัมผัสกับชาวบ้านเพื่อรับรู้ปัญหาอย่างแท้จริง ทั้งนี้ขอเรียกร้องให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการที่มีองค์ประกอบจากทุกภาคส่วน รวมถึงตัวแทนของผู้ได้รับผลกระทบมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาอธิบาย ควรตรวจดีเอ็นเอให้ชัดเจนว่าผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บเกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธหรือไม่

ส่วนที่รัฐบาลมีนโยบายจะจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบภาคใต้ในหลักเกณฑ์เดียวกับกับผู้ชุมนุมทางการเมืองที่ได้ศพละ 7.75 ล้านบาทนั้น นางอังคณา กล่าวว่า ชาวบ้านไม่มั่นใจว่ารัฐบาลจะมีความจริงใจที่จะดำเนินการอย่างแท้จริง เพราะไม่ว่าจะใช้เงินจำนวนเท่าไหร่ก็ไม่ตอบโจทย์สร้างความสงบและความปรองดองได้ ตราบใดที่ความเป็นธรรมยังไม่เกิด และควรถามเจ้าของเงินที่เป็นผู้เสียภาษีด้วยว่า การใช้เงินของรัฐบาลเป็นไปอย่างถูกต้องชอบธรรมหรือไม่

ศอ.บต.พร้อมเยียวยาเหยื่อทั้ง4ศพ

วันเดียวกัน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กล่าวถึงการเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ทหารพรานยิงปะทะรถกระบะต้องสงสัย จนมีชาวบ้านบาดเจ็บและเสียชีวิต 4 ราย ที่ จ.ปัตตานี ว่า การเยียวยาผู้ที่ได้รับความเสียหายและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีหลักเกณฑ์บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 มาตรา 9 (7) ซึ่งศอ.บต.จะดำเนินการเยียวยาตามนั้น ซึ่งในวันที่ 3 ก.พ. นี้ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) จะประชุมหารือเรื่องนี้เพื่อความชัดเจนอกีครั้ง ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์แล้ว หากเป็นความเสียหายที่เกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐ ตัวเลขเยียวยาจะมากกว่า 100,000 บาท

ที่รัฐสภา นายชวลิต วิชยสุทธิ์ เลขานุการกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาสร้างความ ปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร(กมธ.ปรองดอง) แถลงภายหลังการประชุมว่า กรณีดังกล่าว กมธ.เห็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวอาจนำไปสู่ความขัดแย้งได้เช่นกัน จึงส่งเรื่องดังกล่าวไปยังคณะอนุกรรมาธิการภาคใต้ ที่มีพล.ต.อ.วิรุฬห์ พื้นแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการไปดูแลเรื่องดังกล่าวแล้ว ประชาชนจะได้มั่นใจว่ามีตัวแทนช่วยดูแลปัญหาเหล่านี้

ที่ จ.ปัตตานี นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่าขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ หลังจากเกิดเหตุตนพร้อมด้วยผู้ใหญ่ในพื้นที่ได้ไปเยี่ยมครอบครัวและทำความเข้าใจกับชาวบ้านแล้ว พร้อมกับมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตรายละ 100,000 บาท และมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้บาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ส่วนความคืบหน้าคดีนั้นได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 30 วันน่าจะทราบผล ส่วนผลจะออกมาอย่างไรให้ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม

เกิดเหตุต่อเนื่องหลังยิงถล่มฐาน

ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่ายังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง ที่อ.หนองจิก พ.ต.อ. ชนวีร์ ชมาฤกษ์ ผกก.สภ.หนองจิก รับแจ้งเหตุว่าเมื่อเวลา 19.45 น. มีเหตุคนร้าย 2 คน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ และใช้อาวุธสงคราม เอชเคกราดยิงใส่บ้านเรือนราษฎรริมถนนสายหลังวัง ม.1 ต.ตุยง ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่บ้านเรือนได้รับความเสียหาย จำนวน 3 หลัง คือ บ้านเลขที่ 56/6 เป็นบ้านของนายพิเชษฐ์ พงศ์มณี กระสุนถูกที่กำแพงบ้าน บ้านเลขที่ 56/3 บ้านของนายโสภณ โสติมานนท์ ถูกกระสุนปืนที่ศาลาที่นั่งภายในบ้าน และบ้านไม่มีเลขที่ ของนายอุดมศักดิ์ ศรีกัลยานิวาท ถูกกระสุนปืนที่ฝาผนังบ้าน ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนเอชเค จำนวน 4 ปลอก และกระสุนปืนจำนวน 1 นัด

ต่อมาเมื่อเวลา 19.47 น. เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนเอ็ม 79 ยิงใส่ฐานหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ภ.จว.ปัตตานี ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านท่าด่าน ม.2 ต.ดอนรัก จำนวน 1 นัด กระสุนปืนตกภายในฐาน เจ้าหน้าที่ได้ยิงตอบโต้จนคนร้ายหลบหนีไป แต่ไม่มีใครบาดเจ็บ สำหรับสาเหตุเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝืมือของฝ่ายตรงข้ามที่ตอบโต้ทางการหลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ยิงชาวบ้านเสียชีวิตและ บาดเจ็บ

พฐ.ลงพื้นที่ตรวจสอบวิถีกระสุน

วันเดียวกัน พ.ต.อ.พล วิทยนล รองผบก. ศพฐ 10 จังหวัดยะลา พ.ต.อ.จันที แจ่มจันทร์ ผกก.หัวหน้างานตรวจสถานที่เกิดเหตุพร้อมด้วยพิสูจน์หลักฐานปัตตานีลงพื้นที่อีกครั้ง เพื่อตรวจสอบวิถีกระสุนปืนบนรถยนต์กระบะ ที่มีร่องรอยของกระสุนเป็นรูพรุนนับร้อย โดยใช้เครื่องยิงเลเซอร์บอกทิศทางของวิถีกระสุน ทั้งนี้เพื่อรวบรวมหลักฐานข้อเท็จจริงว่าเป็นกระสุนปืนที่มาจากทิศทางใดบ้าง มีร่องรอยการยิงต่อสู้ของผู้ตายกับเจ้าหน้าที่หรือไม่ เพื่อนำเป็นข้อมูลให้กับคณะกรรมการสอบหาข้อเท็จจริงที่จังหวัดปัตตานีได้ตั้งขึ้นมาเพื่อให้ความเป็นธรรมให้กับทุกฝ่าย ซึ่งผลการพิสูจน์การยิงนั้นส่วนใหญ่แล้วมาจากด้านบน

ขณะเดียวกันในระหว่างที่ตรวจสอบด้วยแสงเลเซอร์ของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานนั้น พล.ท. อุดมชัย ก็ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพร้อมเข้าไปทักทายให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ โดยกล่าวว่ายินดีให้กำลังเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ปฏิบัติงานในพื้นที่

คอเต็บเจ้าของรถแฉนาทีถูกยิง

นายยา ดือราแม คอเต็บมัสยิดบ้านตันหยงบูโละ เจ้าของรถยนต์กระบะคันที่เกิดเหตุกล่าวว่าคืนนั้นตนเป็นคนขับรถคันดังกล่าวเพื่อไปละหมาดคนตายที่บ้านทุ่งโพธิ์ม.5 ต.ลิปะสาโง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ระหว่างกำลังขึ้นรถเพื่อออกไปยังถนนสาย 418 ก็มีทหารพรานแต่งชุดสีดำพร้อมอาวุธปืนครบมือ ไม่ต่ำกว่า 4-5 นายสั่งให้หยุดรถทันที ตนจึงได้ชะลอความเร็วแล้วเบรกทันที ขณะเดียวกันนายสาหะ สาแม ผู้ตายที่นั่งเบาะหน้าได้ตะโกนบอกว่าพวกเราเป็นคนดี เป็นคนในพื้นที่ พวกเรากำลังจะไปทำละหมาดคนตายที่บ้านโพธิ์

จากนั้นเพียง 2-3 นาที ทหารชุดดังกล่าวได้ยกกระบอกปืนยิงใส่รถทันที เป็นเหตุให้คนที่นั่งเบาะหน้าและในแค็บบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา จากนั้นตนจึงได้เปิดประตูรถยนต์ถึง 2 ครั้งจนสามารถลงจากรถได้แล้วจึงรีบวิ่งหลบหนีคมของกระสุนที่ยิงมาอย่างกระชั้นชิดจนเป็นเหตุให้กระสุนปืนเฉียดที่สะบักขวา 1 แผล จึงไม่ทราบว่ากระโปรงรถตนขณะนี้มีร่องรอยของการเฉี่ยวชนได้อย่างไร เพราะขณะนั้นจอดนิ่งกลางถนน ไม่ได้ไปชนกับรถใครๆเลย จึงอยากขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้ด้วย

นายมูฮำหมัดสมบูรณ์ บัวหลวง อตีตคณะกรรมการไต่สวนอิสระฯ กล่าวว่าจังหวัดควรรีบตั้งกรรมการสอบอย่างเร่งด่วน โดยห้ามให้ทหารมีส่วนร่วมโดยเด็ดขาด เพราะขณะนี้ทหาร ขาดความชอบธรรมที่จะมานั่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ

และเมื่อผลการสอบสวนชี้ชัดว่าทหารทำผิดจริงใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องนำผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายทันที และสั่งถอนกำลังออกจากพื้นที่เกิดเหตุทั้งหมดทันที เพราะทหารขาดความชอบธรรมที่จะเข้ามาอยู่อีกต่อไป ถึงอย่างไรชาวบ้านคงไม่เชื่อและโกรธแค้นทหารอีกนานพอสมควร ส่วนจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวหรือไม่นั้น ขณะนี้ ยังไม่อยากพูดถึงประเด็นนี้ เพราะยังพอมีเวลา ที่ทุกฝ่ายต้องรีบเข้ามาแก้ไขปัญหาและเข้ามาทำความเข้าใจกับครอบครัวและญาติๆ ผู้เสียหายตลอดจนชาวบ้านที่หน่วยงานต้องเข้ามาเยียวยาด้วย เพราะผู้ตายบางคนเป็นลูกอิหม่ามและคนขับรถยนต์ที่เกิดเหตุก็ดำรงตำแหน่งเป็นถึงคอเต็บมัสยิด ซึ่งชาวบ้านให้ความเคารพและนับถือเป็นอย่างมาก

'ยิ่งลักษณ์'สั่งผบ.ทบ.ชี้แจง

เมื่อเวลา 13.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ถึงเจ้าหน้าที่ทหารพรานยิงถล่มปิกอัพ จนมีผู้เสียชีวิต 4 ราย ที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งชาวบ้านระบุเป็นการยิงมั่ว ผิดตัวว่า ตอนนี้ให้ผบ.ทบ.ตรวจสอบเพิ่มเติมแล้ว ซึ่งผบ.ทบ. จะเป็นผู้ชี้แจงเอง เบื้องต้นหากเป็นประชาชนจริงๆ อย่างที่เป็นข่าวและต้องให้การดูแลประชาชน ก็พร้อมดูแล ต้องให้ความยุติธรรม ทั้งสองส่วน ขอให้กองทัพได้ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดก่อน

ที่ททบ.5 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า ให้กองทัพภาคที่ 4 สอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่และประชาชน ซึ่งเหตุเกิดเป็นช่วงกลางคืน และก่อนมีการปะทะมีการยิงกระสุนปืนและทั้งเอ็ม 79 และปืนเอ็ม 16 เข้ามาในฐานทหารพราน ซึ่งได้ปฏิบัติการตามแผนยุทธการว่าเมื่อไรที่มีการปฏิบัติต่อที่หมายกำลังในพื้นที่ต้องตอบโต้และจับกุมผู้กระทำผิดให้ได้ เจ้าหน้าที่จึงมีการไล่ล่าติดตาม มีการตั้งจุดสกัด แล้วเจอรถคันหนึ่งวิ่งมาโดยมีอาการพิรุธ แต่ด้วยความตกใจหรืออะไรไม่ทราบ ประเด็นคือมีการใช้อาวุธต่อกัน

'บิ๊กตู่'อ้างไม่มีใครอยากให้เกิด

ผบ.ทบ.กล่าวว่า ดังนั้น ต้องตรวจสอบว่ามีการยิงโต้ตอบกันหรือไม่ ทั้งนี้ หากคนดังกล่าวเป็นผู้บริสุทธิ์อาจไม่เข้าใจคำสั่งหรือคำถามที่มีการสั่งให้หยุดรถ จึงเกิดความเข้าใจผิดได้ ตอนนี้ยังยืนยันไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่จะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ถ้าเกิดความเข้าใจผิดต้องชดใช้และเยียวยา รวมถึงต้องลงโทษ แต่จะผิดหรือไม่ผิดต้องเยียวยา และทำความเข้าใจกับประชาชน แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นเจ้าหน้าที่ต้องรับผิดชอบ แต่ต้องให้เครดิตทหารด้วย เพราะเขาทำงานเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายตลอดเวลา ถ้าพบว่ากระทำเกินกว่าเหตุต้องมีการชดใช้ เยียวยา และย้าย หรือลงโทษผู้กระทำผิดตามขั้นตอน

"ขอความเห็นใจแก่เจ้าหน้าที่ด้วย เพราะคงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เพราะเจ้าหน้าที่ทุกคนเสียสละ ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมามีเหตุการณ์รุนแรงขึ้น โดยฝ่ายตรงข้ามพยายามเปลี่ยนยุทธวิธีในการปฏิบัติต่อเจ้าหน้าที่มากขึ้น เขาพยายามทำทุกอย่างให้เกิดผลกระทบโดยรวม เพื่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชน หลังจากเกิดเหตุได้นำกำลังพลที่ถูกกล่าวหาออกนอกพื้นที่ เพื่อให้มีการสืบหาข้อเท็จจริง และเพื่อไม่ให้มีผลต่อการสอบสวน ตอนนี้ผมยังไม่บอกว่าใครผิด ใครถูก แต่หากใครผิดต้องว่าไปตามผิด ผู้ก่อความไม่สงบต้องการสร้างความหวาดกลัว โดยเฉพาะการใช้ความรุนแรงกับผู้บริสุทธิ์ในหลายครั้ง เพราะเป็นเป้าหมายที่อ่อนแอ และจะทำอย่างไรไม่ให้ประชาชนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เพื่อต้องการให้ประชาชนกับเจ้าหน้าที่บาดหมางกันมากที่สุด ดังนั้น ต้องช่วยกัน การจะใช้ความรุนแรงกับผู้บริสุทธิ์คงเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าจะเกิดขึ้นคงเกิดจากความเข้าใจผิด" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

เผยนายกฯสั่งดูแล-เยียวยาเหยื่อ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ก็เป็นเรื่องน่าเสียใจ ไม่อยากโทษใคร แต่เจ้าหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อการดำเนินการ ขณะนี้แม่ทัพภาคที่ 4 ลงไปทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ที่เกิดเหตุแล้ว ทั้งนี้ นายกฯ ให้เจ้าหน้าที่ติดต่อมายังตนว่าขอให้กองทัพบกตรวจสอบให้ชัดเจนและดูแลเยียวยาประชาชนให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด ซึ่งตนเรียนว่า กองทัพดำเนินการไปแล้ว ทั้งนี้ รัฐบาลมีความเข้าใจ ถ้าเราเอากำลังพลไปต่อสู้กับผู้ก่อเหตุ ตนคิดว่าไม่นาน แต่ทำไม่ได้ เพราะพวกนี้ปะปนอยู่กับประชาชน ฝ่ายตรงข้ามต้องการให้เราใช้ความรุนแรง เราก็อย่าไปตกหลุมพราง และอย่าทำให้เกิดปัญหาขึ้น ตนไม่อยากให้สถานการณ์ขยายออกไป

"ถ้าฝ่ายโน้นใช้มีดหรืออีโต้ ผมไม่ว่าหรอก แต่เขาใช้อาวุธยิงเจ้าหน้าที่ตายเหมือนกัน ดังนั้นเจ้าหน้าที่ต้องระวังตัว และต้องป้องกันตัว ทางที่ดีต้องเข้าใจทั้งสองฝ่าย ทำอย่างไรจึงจะให้เกิดความร่วมมือกันให้ได้ วันหนึ่งๆ ทหารทำงานตั้งแต่เช้า ตื่นแต่ตี 4 ตี 5 ออกไปเพื่อป้องกันชาวบ้าน ลาดตระเวน ดูแลพระ ครู แต่เมื่อเขาใช้อาวุธต่อฝ่ายเราเราก็จำเป็นต้องตอบโต้ แต่บางครั้งอาจเกิดความเข้าใจผิด เพราะมีการใช้อาวุธ จำนวนมากในพื้นที่ ซึ่งผู้ก่อเหตุเป็นผู้เริ่มใช้ อาวุธทุกครั้ง ไม่ได้บอกว่าผมปัดความรับผิดชอบ ไม่ว่าเจ้าหน้าที่หรือประชาชนจะบาดเจ็บล้มตายถือเป็นประชาชนด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้น จะทำอย่างไรไม่ให้ขัดแย้งกัน และดูแลว่าแก้ไขปัญหาอย่างไร ภายใต้กฎหมายไทยที่มีอยู่ ใน อดีตที่ผ่านมามีคนปลุกปั่นเพียงไม่กี่คน เขาใช้อาวุธสู้เราไม่ได้ เขาก็ใช้อาวุธมาสู้ ตราบใดที่ยังมีคนหัวรุนแรงก็จะเป็นอย่างนี้ต่อไป" พล.อ. ประยุทธ์กล่าว

กู้ระทึกระเบิด 10 ก.ก.ที่เบตง

วันเดียวกัน ศูนย์วิทยุ สภ.แม่หวาด ได้รับแจ้งมีวัตถุต้องสงสัยวางอยู่บริเวณเสาไฟฟ้า ถ.ทางเข้าหมู่บ้านไอราบู ม.3 ต.แม่หวาด อ.ธาร โต จ.ยะลา จึงรายงานให้ พ.ต.ท.สุรนันท์ ชอบ งาม สวญ.สภ.แม่หวาด พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ร้อย.ตชด.445 เข้าตรวจสอบพบวัตถุระเบิดบรรจุอยู่ในกล่องเหล็กน้ำหนักประมาณ 10 ก.ก. ถ่านไฟฉายขนาด 9 โวลต์ 4 ก้อน นาฬิกาข้อมือยี่ห้อ คาสิโอ 1 เรือน วางอยู่บริเวณโคนเสาไฟฟ้า เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บกู้ โดยการยิงทำลาย จากการสอบสวนทราบว่านายมะมิง เละ อายุ 39 ปี ได้ไปถางหญ้าบริเวณต้นกล้วยซึ่งติดกับเสาไฟฟ้าดังกล่าวและพบเห็นวัตถุระเบิด จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ จากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่คาดว่าระเบิดลูกดังกล่าว น่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มนายอับดุลเลาะ ปูลา แกนนำระดับสั่งการในพื้นที่วางซุกไว้ เพื่อตอบโต้เจ้าหน้าที่

ปชป.โดดใส่-รัฐทิ้งคนภาคใต้

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในรายการฟ้าวันใหม่ทางช่องบลู สกาย แชนเนล ว่า รัฐบาลต้องเร่งหาแนวทางในการสร้างความชัดเจน เพราะหากไม่สามารถทำให้ประชาชนมีความมั่นใจในแนวทางของรัฐ บาลได้ จะยิ่งทำให้เรื่องลุกลาม ตกเป็นเหยื่อของฝ่ายตรงกันข้าม ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ ที่พูดว่าจะใช้นิติวิทยาศาสตร์พิสูจน์นั้น มีความจำเป็นมาก ถ้าทำตรงนี้ได้สำเร็จจะเป็นผลดี เพราะมิเช่นนั้นแล้วก็จะกลายเป็นเหยื่อ เขาจะไปพูดว่ารัฐใช้ความรุนแรงกับคนของเขา

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงความยากของการแก้ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้สมัยที่เป็นรัฐบาลว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาที่ฝังรากลึก ดังนั้นการที่จะแก้ไขปัญหาจึงต้องลงลึกถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความไว้เนื้อเชื่อใจ หากประชาชนในพื้นที่มีความหวาดระแวง เห็นว่าทางการของไทยทำไม่ถูกต้องก็จะไม่ให้ความร่วมมือ ซึ่งต้องถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลก ดังนั้นการจะสร้างความไว้วางใจว่าทุกอย่างทำมาอย่างถูกต้อง อยู่ในกรอบของกฎหมายจึงมีความสำคัญมาก

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงผลประชุมส.ส.พรรค ว่า ที่ประชุมส.ส.เป็นห่วงกรณีเหตุการณ์ผู้เสียชีวิต 4 ศพ ที่จ.ปัตตานี ซึ่งรัฐบาลให้ข่าวว่าอาจเป็นผู้บริสุทธิ์ จึงขอเรียกร้องหากพบเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่ รัฐบาลควรมีมาตรการชดเชยเยียวยาและควรจะให้ได้มากกว่าการเยียวยาคนเสื้อแดงรายละ 7.5 ล้านบาท ถือว่าเป็นสองมาตรฐานและยิ่งตอกย้ำบาดแผลลึกลงไปอีก พรรคประชาธิปัตย์จะตั้งกระทู้ถามเรื่องนี้ในสภาและยื่นหนังสือทวงถามโดยตรงต่อรัฐบาลต่อไป ทั้งนี้ตลอดเวลาที่ผ่านมารัฐบาลไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหา เพราะไม่เคยส่งบุคลากรที่รับผิดชอบการแก้ปัญหาภาคใต้ลงพื้นที่ โดยเฉพาะตัวนายกฯก็ยังไม่เคยลงพื้นที่ แสดงว่ารัฐบาลละเลยปัญหา และคนภาคใต้กำลังถูกทอดทิ้ง

ชาวบ้านร้องถอนกำลังทหาร

เมื่อเวลา 15.30 น. ที่โรงแรมซีเอส ปัตตานี พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 นัดพบกับตัวแทนชุมชน ตัวแทนครอบครัว ผู้เสียชีวิตและฝ่ายเจ้าหน้าที่ทหารพราน เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจและรับฟังข้อเท็จจริงความเห็นจากทั้งสองฝ่าย โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

หลังจากนั้น ได้ให้สัมภาษณ์ชาวบ้านได้ยื่นข้อเสนอ 3 ข้อ คือ 1.ให้ถอนกำลังทหารพรานออกจากพื้นที่ 2.ให้ตั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริง และ 3 ขอให้ทางการแก้ข่าวที่กล่าวหาว่าชาวบ้านกลุ่มนี้เป็นโจรหรือคนร้าย

พล.ท.อุดมชัย เปิดเผยว่า ข้อเสนอที่ชาวบ้านเรียกร้องนั้นขั้นต้นสิ่งที่ตนทำได้คือสับเปลี่ยนกำลัง เพื่อสร้างความสบายใจ และดูท่าทีของกลุ่มชาวบ้านว่าจะเข้าได้หรือไม่กับกำลังเจ้าหน้าที่ชุดใหม่ที่เข้าไปประจำการ

แม่ทัพ4ยังอ้ำอึ้ง4ศพไม่ใช่โจร

ผู้สื่อข่าวถามว่าประเด็นข้อเสนอของชาวบ้านที่ให้แก้ข่าวว่าไม่เป็นคนร้ายนั้น แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่าตนยังถือว่าทหารพรานปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุ ถูกกระทำโดยมีผู้ก่อเหตุยิงเข้ามาที่ฐาน แล้วก็ชาวบ้านที่มาร่วมประชุมวันนี้ก็ได้ยิน เพราะมันเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นจริงๆ ทีนี้มาจุดที่เกิดเหตุ อาจจะมีความเห็นหรือให้ความเห็นที่แตกต่างกันไป ก็ต้องรอผลของการพิสูจน์ สิ่งที่สำคัญที่ตนยึดมั่นเสมอคือ ให้ความเป็นธรรมกับพี่น้องประชาชนและหน่วยที่รับผิดชอบ คงจะยังไม่สามารถฟันธงลงไปได้ว่าใครเป็นโจร หรือใครไม่เป็นโจร ต้องสอบสวนข้อเท็จจริง แต่ในความรู้สึกหรือข่าวออกไป ชาวบ้านหรือกลุ่มนี้เป็นโจรนั้น ขอยืนยันว่ายังไม่ได้ระบุไป เราต้องรอผลการสืบสวนก่อน สุดท้ายในกระบวนการยุติธรรมจะเป็นผู้ตัดสิน

ผู้สื่อข่าวถามที่ว่าข้อมูลที่ฟังในวันนี้ยังขัดแย้งหรือไม่ แม่ทัพภาค 4 กล่าวว่าประเด็นแรกตรงกัน มีคนร้ายยิงใส่ฐานก่อน ชาวบ้านก็ได้ยินตรงกัน แต่ประเด็นสุดท้าย ยังไม่ตรงกัน ซึ่งก็ต้องหาเหตุ หาผล มันอาจจะเป็นไปได้ที่ชาวบ้านเข้ามาอยู่ในระหว่างนั้นพอดี เกิดตกใจ กลัวกัน ตรงนี้ก็อาจจะเป็นไปได้ หรืออาจจะมีผู้ก่อเหตุแฝงตัวมา ก็อาจจะเป็นไปได้ แต่สิ่งสำคัญมากกว่านั้น ทุกอย่างต้องอยู่บนพื้นฐานที่สมเหตุและสมผล เป็นธรรมกับทุกฝ่าย

จยย.บอมบ์ทหารยะลา-เจ็บ5

เมื่อเวลา 16.50 น. วันที่ 31 ม.ค. ศูนย์วิทยุ สภ.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณปากทางเข้าอบต.ลิดล ถนนสายบ้านเนียง-ลำใหม่ บ.บุรินทร์ หมู่ 2 ต.ลิดล อ.เมือง จ.ยะลา มีเจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายนาย จึงได้แจ้ง พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ วงศ์พรหมเมศร์ รอง ผกก.สภ.ลำใหม่ ทราบ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ภ.จว.ยะลา และเจ้าหน้าที่จากศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุบริเวณสามแยกปากทางเข้า อบต.ลิดล เจ้าหน้าที่พบซากรถจักรยานยนต์ ที่พังเสียหายจากแรงระเบิด พร้อมเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก ห่างจากซากรถ จยย. พบรถยนต์จี๊ปของทหารตรากงจักรหมายเลข 89115 จอดอยู่ในสภาพถูกสะเก็ดระเบิดกระจกแตก และรอยเลือดอยู่ภายในรถ นอกจากนั้น ยังพบรถยนต์กระบะของชาวบ้านถูกสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหายอีก 1 คัน ในที่เกิดเหตุพบเศษซากสะเก็ดระเบิด เศษวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ตกกระจายอยู่เป็นวงกว้าง จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 10 ก.ก. ที่คนร้ายนำมาซุกไว้ในรถจักรยานยนต์ จุดชนวนด้วยระบบรีโมตคอนโทรล หรือวิทยุสื่อสาร

สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นทหารสังกัด ร้อย ร.5012 ฉก.ยะลา 11 ได้รับบาดเจ็บรวม 4 นาย คือ พลฯ ภิรมย์ แสงเพชร ส.อ.สมพิศ ศากประดิษฐ์ และ จ.ส.อ.นอม แก้วดวงใจ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และ พลฯ จีรศักดิ์ ชูราช ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่บริเวณคอและตา นอกจากนั้นยังมีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย คือ นายอุสมาน สะสาแม ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.ลิดล ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณแขน ทั้งหมดถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลยะลา

จากการสอบสวนทราบว่า ในขณะที่ทหารชุดดังกล่าว ซึ่งเป็นชุดรปภ.ครู โรงเรียนบ้านบุรินทร์และชุด รปภ.เส้นทาง จำนวน 8 นาย ได้เสร็จสิ้นภารกิจดูแลรักษาความปลอดภัย กำลังเดินทางกลับฐานปฏิบัติการด้วยรถยนต์ 1 คัน และ จยย. 2 คัน เมื่อขับรถผ่านมาถึงจุดเกิดเหตุ คนร้ายซึ่งนำระเบิดซุกเอาไว้ในรถจักรยานยนต์ แล้วนำมาจอดเอาไว้ริมถนนบริเวณปากทางดังกล่าว ได้จุดชนวนระเบิดขึ้นทันที ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อเป็นฝีมือของกลุ่มคนร้ายที่ต้องการสร้างสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง








เว็บไซต์ www.legendnews.net ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการคัดลอกหรือเปลี่ยนเป็นชื่อเว็บของท่าน