ReadyPlanet.com
dot dot
dot

dot
ตราครุฑ




กทม. จับกุมไอ้หนุ่มรถตู้ปล้นบ้านเศรษฐี

กทม. จับกุมไอ้หนุ่มรถตู้ปล้นบ้านเศรษฐี

รวบแล้วแก๊งโจรรถตู้สวมโม่งปล้นบ้านเศรษฐินีย่านสายไหม ตร.จับกุมตัวได้ 3 คน เผยได้เบาะแสจากโจรชาวลาวแฟนสาวใช้ในบ้าน โทร.มาหารปภ.ระบุถูกหักหลังจึงอยากจะเอานาฬิกามาวางไว้ให้คืน ต่อมาตร.ตามรวบได้ยกแก๊งพร้อมรถตู้พาหนะที่นำไปใช้ปล้น เตรียมชงให้ผบช.น.แถลงเร็วๆ นี้

เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีปล้นบ้านเศรษฐินีในบ้านหรูศุภาลัย ออร์คิด ปาร์ก ย่านสายไหม กทม. ว่าคดีนี้เจ้าหน้าที่ศูนย์สืบสวน บช.น. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กก.สส. น.2 เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.สายไหม ได้จับกุมตัวผู้ต้องหาจำนวน 3 คน ซึ่งเป็นคนไทยและคนลาวที่ร่วมกันก่อเหตุ ปล้นบ้านพักนางนนทิวรรณ มุขกระโทก อายุ 34 ปี เจ้าของธุรกิจเสื้อผ้าย่านประตูน้ำ ย่านสายไหม ได้เงินสดทรัพย์สินไปกว่า 1.5 ล้านบาท

รายงานข่าวแจ้งว่าวันเดียวกันนี้ฝ่ายสืบสวนได้ของกลางรถตู้โตโยต้า รุ่นคอมมิวเตอร์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฮง 1100 กรุงเทพมหานคร ที่คน ร้ายใช้ก่อเหตุปล้นแล้ว สำหรับคันนี้ ที่บริเวณหน้ากระจังหน้ารถ มีสติ๊กเกอร์คล้ายธงญี่ปุ่น นอกจากนั้น หนึ่งในทีมปล้นที่ตำรวจจับกุมตัวมาได้เป็นคนไทยชื่อนายโบ๊ต มีอาชีพอยู่ในคณะคาบาเรต์แห่งหนึ่ง สอบประวัติพบว่ามีคดีและเพิ่งพ้นโทษออกมา

รายงานข่าวเปิดเผยด้วยว่า แนวทางการจับกุมตัวผู้ต้องหาชุดแรกได้ เริ่มมาจากมีผู้ต้องหาคนหนึ่งที่อยู่ในแก๊งปล้นที่เป็นชาวลาว หลังจากที่ได้ก่อเหตุแล้ว ชาวลาวรายนี้ได้โทรศัทพ์มาหารปภ. ในหมู่บ้าน ยอมรับว่าเป็นแฟนกับน.ส.มาย วันแสน คนรับใช้ชาวลาว ที่อยู่ที่บ้านในนางนนทิวรรณว่าวันเกิดเหตุตนเป็น 1 ในทีมปล้นด้วย และจะเอานาฬิกาที่ปล้นมาจากบ้านไปคืน โดยบอกว่าจะวางไว้แถวๆ ข้างบ้าน เมื่อรปภ.ไปดูก็พบนาฬิกาจริงๆ วางอยู่ 4 เรือน

นอกจากนั้น ชาวลาวคนดังกล่าวยังบอกกับรปภ.ด้วยว่า สาเหตุที่นำของมาคืน เนื่องจากถูกเพื่อนที่ร่วมแก๊งหักหลัง เจ้าหน้าที่ได้สืบทราบและใช้เทคนิคพิเศษจนสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหามาได้ เบื้องต้นจากการสอบสวนผู้ต้องหาบางคนที่จับกุมมายังให้การปฏิเสธ อย่างไรก็ตาม คาดว่าเจ้าหน้าที่จะจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือมาได้พร้อมของกลาง และนำตัวมาให้พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. แถลงข่าวในเร็วๆนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจตรวจสอบพบภาพ ถ่ายที่นายโน้ตถ่ายเอาไว้ร่วมกับเพื่อนร่วมคณะคาบาเรต์ บนภาพเขียนชื่อว่า"น้าโบ๊ต ทีมงานจัยร้าย"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบก.สส.บช.น. นำโดย พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. ได้แบ่งชุดทำงานออกติดตามคดี ซึ่งมอบหมายให้ กก.2. บก.สส.บช.น. เป็นผู้รับผิดชอบ กระทั่งช่วงเช้าวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน กก.2 บก.สส.บช.น. ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับคดีปล้นดังกล่าวเป็นชาย 3 ราย อายุประมาณ 20-25 ปี จาก จ.สมุทรปราการมาสอบสวน

เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกชุดก็สามารถติดตามรถตู้ต้องสงสัยทะเบียน ฮง 1100 กทม. ซึ่งใช้เป็นยานพาหนะในการปล้นดังกล่าวมาตรวจสอบ โดย ได้เบาะแสจากพลเมืองดีที่แจ้งมา อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดก่อน เนื่องจากทะเบียนไม่ตรงกับทะเบียนรถที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดที่มีทะเบียน ฮฉ 3156 กทม. โดยจะตรวจสอบว่ามีการสับเปลี่ยนทะเบียนกันหรือไม่

จากการตรวจสอบในรถตู้ต้องสงสัยในเบื้องต้น พบเสื้อผ้าและอุปกรณ์การแสดงคาบาเรต์โชว์อยู่เต็มคันรถ นอกจากนี้ยังพบอาวุธปืนสั้น ไม้เบสบอล กระบองของ รปภ. และท่อนเหล็กแป๊บ จากการสอบปากคำผู้ต้องสงสัยทั้งสามคนยังให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี แต่น่าเชื่อว่ามีส่วนรู้เห็นเกี่ยว ข้องกับคดีปล้นที่เกิดขึ้น และรถตู้คันที่ยึดมาตรวจสอบดังกล่าวเป็นรถรับจ้างของคณะคาบาเรต์โชว์แห่งหนึ่ง

เวลา 18.00 น. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจสอบรถตู้คันดังกล่าว เพื่อเก็บลายนิ้วมือ แฝงและดีเอ็นเอของคนร้าย เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานด้วย นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กก.2. บก.สส.บช.น. ได้ลงพื้นที่เข้าตรวจค้นบ้านพักในซอยประชาสงเคราะห์ 2 ย่านดินแดง ซึ่งเป็นบ้านพักของผู้ต้องสงสัย เพื่อหาหลักฐานทรัพย์สินของกลางของผู้เสียหายด้วย







เว็บไซต์ www.legendnews.net ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการคัดลอกหรือเปลี่ยนเป็นชื่อเว็บของท่าน