อีก.แล้วครับพี่น้อง ไม่รู้เป็นเงื่อนไขพิเศษ หรือเปิดประเด็นเพื่อหวังเรียกแขก ผมสังเกตดูเกือบทุกครั้ง เวลาที่ นปช. จะจัดกิจกรรมหรือนัดชุมนุมใหญ่ครั้งใด แกนนำคนเสื้อแดงมักออกมาเปิดประเด็นเรื่อง “ปฏิวัติรัฐประหาร” หรือกลัวว่า หากยอดผู้เข้าร่วมชุมนุมน้อย อำนาจต่อรองก็ลดตามไปด้วย

ก่อนหน้านี้ “นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์” โฆษกพรรคเพื่อไทย และ “นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด” รองโฆษกรัฐบาล ออกมาปูดข่าวว่ามีขบวนการล้มรัฐบาล ประกอบด้วยคน 4 กลุ่ม 1. เครือข่ายนักการเมือง 2. อดีตทหาร 3. นักวิชาการ และ 4. สื่อสารมวลชน
รู้ลึกถึงขั้นว่า ขบวนการนี้ใช้บ้านพักแถวพุทธมณฑลเป็นสถานที่วางแผน วันนี้ผมทวงถามความคืบหน้าหน่อยครับ ว่า ตรวจสอบข้อเท็จจริงไปถึงไหนแล้ว

อย่าลืมว่า ใครเคลื่อนไหวล้มล้างรัฐบาล ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ดังนั้นหากรัฐบาลรู้ว่าใครทำผิดต้องดำเนินคดีทันที   เพราะวันนี้พรรคเพื่อไทยคุมทั้ง กองทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สำนักข่าวกรอง สื่อของรัฐ และ สื่อเทียม ใช้ศักยภาพของหน่วยงานเหล่านี้ตามหาคนผิด ผมว่าทำไม่ยาก หากต้องการทำจริง เว้นเสียแต่ว่า ขบวนการล้มรัฐบาล เป็นแค่ ’แผนเต้าข่าว“

หรือหวังเปิดประเด็น เพื่อกลบข่าวฉาว ๆ ของรัฐบาล  โดยคิดว่า คนไทยเดี๋ยวนี้ตามเกมนักการเมืองไม่ทันก็ไม่รู้ เลยออกมาปูดข่าวไม่เป็นความจริง แถมยังทำให้นายอนุสรณ์หมดสิทธิเลื่อนชั้นนั่งเก้าอี้ “โฆษกรัฐบาล”

ล่าสุดแกนนำ นชป. ใช้มุกเดิม หลังจาก นัดหมายคนเสื้อแดง ให้เข้าร่วมกิจกรรมในวันที่ 25 ก.พ. ที่โบนันซ่า บรรดาแกนนำคนเสื้อแดงออกมาเปิดประเด็นเรื่องปฏิวัติรัฐประหาร แถม “นายจตุพร พรหมพันธ์ุ” ยังอ้างข้อมูลจากหน่วยข่าวของประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก เพราะรู้ว่าที่ผ่านมาพูดจาเรื่องการเปลี่ยนแปลงนอกระบบครั้งใด คนมักวิจารณ์ว่าเป็นพวก ’พันธ์ุปากพล่อย“ แต่เมื่อเปิดประเด็นออกมาแล้ว ลองมาอ่านคำพูดของสหายตู่หน่อยแล้วกัน

’ในส่วนทางการข่าว พี่น้องคนเสื้อแดงที่ไม่ว่าจะอยู่ในกองทัพ หรือทุกส่วนที่มีความเกี่ยวข้อง ได้ติดตามสถานการณ์เป็นระยะ ๆ พรรคพวกผมที่ทำงานด้านการข่าวกรองของสหรัฐอเมริกาก็สื่อสารมาเช่นเดียวกันว่า จะมีการรัฐประหารในประเทศไทย ในวงวอร์รูมของกลุ่มคนที่จะทำการรัฐประหารนั้นเขาได้ปรามาสพลังของพี่น้องประชาชนว่าเขาจะทำการยึดอำนาจให้แล้วเสร็จก่อนเดือน เม.ย.“

ถ้าผมรู้ว่า นายจตุพรมีสายสัมพันธ์กับสำนักข่าวกรองสหรัฐ  จะฝากถามว่าช่วงก่อนเหตุ “เผาบ้าน เผาเมือง” เมื่อปี พ.ศ.  2553 มีข่าวว่า สำนักข่าวกรองสหรัฐ ได้จับสัญญาณจากการดักฟังโทรศัพท์ และได้ข้อมูลว่า คนกลุ่มหนึ่งมีแผนก่อวินาศกรรมในบ้านเรา จากนั้นจึงแจ้งเตือนมายังรัฐบาล “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ผมอยากทราบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แล้วใครเป็นคนสั่งให้ก่อเหตุป่วนบ้านป่วนเมือง

หรือการออกมาเปิดประเด็นว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงนอกระบบ เกิดจากกรณีที่สำนักข่าวอิสระไปขุดคุ้ยข้อมูลจนพบว่า “นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” แกนนำ นปช. ที่เลื่อนชั้นจากไพร่มาเป็นรัฐมนตรี ไปตั้งบริษัทพีอาร์รับเป็นที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์และมวลชนสัมพันธ์โครงการท่อส่งก๊าซ 14 โครงการ มูลค่าหลายสิบล้านบาทของบริษัท ปตท. กำลังถูกตั้งคำถามว่า ทำด้วยความโปร่งใสหรือไม่ เพราะหลังจากเข้ารับตำแหน่งทางการเมือง ก็โอนหุ้นไปให้พี่ชายทันที

อันที่จริง จากไพร่แล้วกลายมาเป็นรัฐมนตรี หากทำถูกต้องตามขั้นตอน ก็ไม่ต้องกลัวอะไร เพราะใครก็ต้องทำมาหากิน แต่ต้องยึดความถูกต้องและโปร่งใส ที่สำคัญ หากในอนาคต ป.ป.ช. ลงมาตรวจสอบ อย่านำมวลชนไปกดดัน หรือหากมีเป้าหมายของการแก้ รธน. คือ การยุบทิ้งองค์กรอิสระทั้งหมด ก็อย่าให้ถูกมองว่า หวังตัดตอนกระบวนการตรวจสอบ

ปิดท้ายด้วยความเห็นของ “พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต” รมว.กลาโหม ที่ออกมายืนยันว่า ทหารไม่มีการปฏิวัติในเดือน เม.ย. และไม่มีสัญญาณใดบ่งชี้ให้เกิดการปฏิวัติ พร้อมทั้งติง นายจตุพรว่า ปากไว พูดไปเรื่อย แค่นี้คงไม่ต้องถามถึงความน่าเชื่อถือแล้วมั้งครับ.

เขื่อนขันธ์