รายงานเพิ่มเติมเหตุระเบิดภายในซอยสุขุมวิท 71 ล่าสุดพบว่ามีจุดระเบิดอีก 2 จุด ที่หน้าบ้านเลขที่ 66 ซอยปรีดีพนมยงค์ 31 และที่หน้าซอยปรีดีพนมยงค์ 35 เป็นแท็กซี่สีส้ม ทะเบียน ทร 1419 กรุงเทพ ทำให้นายสันชัย บุญสูงเนิน 32 ปี คนขับแท็กซี่ได้รับบาดเจ็บ  เพราะถูกแรงระเบิดอัดจากด้านหลัง ทำให้แท็กซี่พังยับเยิน

ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 3 ราย เป็นชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณนั้นมีอาการหูอื้อ ทราบชื่อต่อมาคือนายกังวาน หอปราสาททอง อายุ 83 ปี นางจุฒาทิพย์ สัจจะดำรงอายุ 62 ปี และนายอภิชาต คำลือ อายุ 32 ปี

พยานรายหนึ่ง ระบุว่า่คนร้ายได้เริ่มปาระเบิดใส่บ้านเช่าเลขที่ 66 ในซอยปรีดีพนมยงค์ 31 ภายในบ้านมีชาวต่างชาติเช่าอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 คน จากนั้นได้มีคนวิ่งหนีออกมาจากบ้านพัก  เรียกแท็กซึ่ของนายสันชัย ที่บริเวณปากซอยปรีดีพนมยงค์ 35 แต่นายสันชัยปฏิเสธ คนร้ายจึงโมโหขว้างระเบิดใส่แท็กซี่จนพังยับเยิน หลังจากนั้น คนร้ายได้วิ่งหลบหนีมาจนถึงหน้าโรงเรียนเกษมพิทยา เจอกับสายตรวจ สน.คลองตัน ที่ขับรถผ่านมา คนร้ายจึงหยิบระเบิดอีกลูกมาปาใส่ แต่ด้วยความรีบร้อน เลยทำระเบิดตกใส่ขาตัวเองจนได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบข้าวของคนร้าย พบเพียงเสื้อผ้าและใบเสร็จรับเงินของโรงแรมท็อปไทย ใน จ.ชลบุรี ระหว่าง 11-13 ก.พ. ระบุชื่อนาย ซาเย็ฟ โมราบิ สัญชาติอิหร่าน นอกจากนี้ ยังพบเงินสกุลต่างชาติ 2,800 ดอลล่าสหรัฐ เงินสกุลอิหร่านจำนวนมาก และ เงินไทย 8,500 บาท 

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบสารประกอบระเบิดที่คนร้ายใช้ พบว่ามีส่วนผสมของแอมโมเนียไนเตรต สารตั้งต้นประกอบระเบิดจำนวนมาก ที่ตรวจยึดได้ที่ จ.สมุทรสาคร ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบความเชื่อมโยง ว่าคดีนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการก่อการร้าย ที่ทางการสหรัฐฯ เตือนว่าจะเข้ามาก่อเหตุในประเทศไทยหรือไม่ต่อไป

ด้านนายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานฝ่ายนโยบายสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบทางจิตวิทยาการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติแน่นอน ยิ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่หลายประเทศยกเลิกคำเตือนการเดินทาง เพราะอาจมีเหตุก่อการร้ายในกรุงเทพฯ ไปแล้ว ก็อาจส่งผลให้มีบางประเทศกลับมาประกาศเตือนการเดินทางอีกครั้ง จึงอยากให้รัฐบาลเร่งตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเร็วว่าเป็นเหตุระเบิดที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือไม่ หากไม่เกี่ยวข้อง ก็ต้องเร่งชี้แจงกับต่างชาติให้ชัดเจนว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะอะไร ใครเป็นผู้ทำ และรัฐบาลควบคุมสถานการณ์ความปลอดภัยในประเทศได้อยู่หรือไม่ แต่หากเป็นเหตุที่เกี่ยวกับการก่อการร้าย รัฐบาลก็ต้องแจ้งกับสถานประกอบการถึงข้อเท็จจริง เพื่อให้เตรียมความพร้อมรับมือด้านความปลอดภัย "รัฐบาลต้องตอบให้ได้โดยเร็ว แยกให้ออกว่าเหตุที่เกิดขึ้นมาจากอะไร และชี้แจงกับต่างชาติ ก่อนที่ต่างชาติจะประกาศเตือนมา ต้องให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลยังดูแลความปลอดภัยได้หรือไม่