ReadyPlanet.com
dot dot
dot

dot
ตราครุฑ




จ.เชียงใหม่ พบแก็งคอลเซนเตอร์เปิดบัญชีสอบชาวบ้านดอยสะเก็ด

จ.เชียงใหม่ พบแก็งคอลเซนเตอร์เปิดบัญชีสอบชาวบ้านดอยสะเก็ด

 

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ป.ป.ง.-กองปรามขึ้นเหนือเชิญชาวบ้านดอยสะเก็ดนับร้อยให้ปากคำ หลังพบมีชื่อเปิดบัญชีให้แก็งคอลเซ็นเตอร์ ชาวบ้านเผยโดนหลอกให้เปิดบัญชีรับเงินช่วยน้ำท่วม-รับเงินคนเสื้อแดง แถมคนติดต่อเป็นคนในพื้นที่เลยวางใจ หลังเปิดบัญชีเสร็จส่งบัญชี-บัตรเอทีเอ็มให้นายหน้าก่อนเก็บเงินส่วนที่เหลือเข้ากระเป๋า ด้าน ปปง.ระบุอีสานเคยโดนมาแล้วส่วนรอบนี้หันมาหลอกทางเหนือบ้าง
       
       วันนี้ (20 ก.พ.55) ชาวบ้านจำนวนกว่า 100 คนซึ่งถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) และกองบังคับการปราบปราม แจ้งคำสั่งอายัดทรัพย์สินในข้อหาเปิดบัญชีธนาคาร และใช้โทรศัพท์หลอกประชาชนเพื่อให้ได้ซึ่งทรัพย์สิน ได้เดินทางมายังสถานีตำรวจภูธรดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
       
       การเชิญประชาชนในท้องที่อำเภอดอยสะเก็ดจำนวนมากเข้าให้ปากคำของสำนักงาน ป.ป.ง.และกองบังคับการปราบปรามในครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากกรณีการติดตามจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ออกหลอกลวงประชาชนให้โอนเงินไปยังบัญชีของคนร้าย โดยอ้างว่าบัญชีของผู้เสียหายเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดและการฟอกเงิน ซึ่งหลังจากสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาในแก๊งดังกล่าว
       
       รวมทั้งขยายผลจนสามารถจับกุมนายไพโรจน์ กิตติโรจนเสถียร ซึ่งเป็นผู้รวบรวมเงินที่ได้จากการหลวงลวงประชาชนและส่งต่อให้กับคนร้ายร่วมขบวนการในต่างประเทศแล้วนั้น จากการสืบสวนยังพบด้วยว่า บัญชีธนาคารและบัตรเอทีเอ็มที่ผู้ต้องหานำมาใช้ในการรับโอนเงินจากผู้เสียหายนั้น ส่วนใหญ่เป็นบัญชีที่เปิดในพื้นที่ภาคเหนือ
       
       โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่ พบว่ามีชาวบ้านที่ได้ทำการเปิดบัญชีให้กับแก๊งดังกล่าวจำนวน 110 บัญชี ซึ่งส่วนใหญ่กว่า 90 รายอยู่ในพื้นที่อำเภอดอยสะเก็ด นอกจากนี้ยังมีบัญชีที่เปิดในจังหวัดอื่นๆ ได้แก่จังหวัดเชียงราย ลำปาง ลำพูน และพะเยาอีก 28 บัญชี สำนักงาน ป.ป.ง.และกองบังคับการปราบปรามจึงได้ออกหมายเรียกประชาชนที่มีชื่อเป็นเจ้าของบัญชี เพื่อเข้าให้การกับทางเจ้าหน้าที่พร้อมกันในวันนี้
       
       ทั้งนี้ คณะของสำนักงาน ป.ป.ง. ซึ่งนำโดย ร.ต.อ.หญิงสุวนีย์ แสวงผล ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบและวิเคราะห์ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนของกองบังคับการปราบปรามได้ทำการสอบปากคำกับชาวบ้านเพื่อเป็นหลักฐาน โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ให้การว่าถูกหลอกให้เปิดบัญชี โดยได้รับการว่าจ้างรายละ 2,000 บาทในการไปดำเนินการเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารกรุงเทพ เสียค่าใช้จ่ายเป็นค่าเงินฝาก 500 บาท และค่าธรรมเนียมบัตรเอทีเอ็มอีก 300 บาท ส่วนเงินที่เหลืออีก 1,200 บาทจะตกเป็นของชาวบ้าน
       
       ชาวบ้านที่ถูกหลอกให้ใช้ชื่อในการเปิดบัญชีให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังระบุด้วยว่า สาเหตุที่ยินยอมให้นำชื่อไปใช้ในการเปิดบัญชีนั้น เนื่องจากผู้ที่มาติดต่ออ้างว่าการเปิดบัญชีดังกล่าวเป็นไปเพื่อรับเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม
       
       นอกจากนี้ ยังมีการอ้างว่าการเปิดบัญชีดังกล่าวเป็นไปเพื่อรับเงินจากกลุ่มคนเสื้อแดงอีกด้วย ขณะเดียวกันผู้ที่มาว่าจ้างให้ดำเนินการนั้นก็เป็นญาติของคนในพื้นที่ ทำให้ชาวบ้านไว้วางใจและยินยอมไปเปิดบัญชีให้ โดยหลังจากเปิดบัญชีเสร็จสิ้นแล้วก็จะส่งมอบสมุดบัญชีเงินฝาก บัตรเอทีเอ็มพร้อมด้วยรหัสให้กับนางอุษาและนายวันชัย ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งจากการสอบสวนพบว่าได้รับการว่าจ้างจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีกทอดหนึ่ง
       
       ร.ต.อ.หญิงสุวนีย์ กล่าวว่า การสอบปากคำชาวบ้านในครั้งนี้จะมุ่งไปในประเด็นที่ว่าเจ้าของบัญชีมีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือว่าเป็นเหยื่อที่ถูกหลอกลวง ซึ่งหากเป็นกรณีหลังก็จะมีการกันตัวไว้เป็นพยานต่อไป ทั้งนี้พบว่าก่อนหน้านี้เคยมีการดำเนินการในลักษณะเดียวกันนี้ในพื้นที่ภาคอีกสาน แต่ในครั้งนี้เป็นชาวบ้านในพื้นที่ภาคเหนือที่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการดังกล่าว
       
       ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบและวิเคราะห์ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กล่าวต่อไปว่า ขอแจ้งเตือนชาวบ้านที่อาจจะหลงเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า ถ้าหากไม่แน่ใจว่าการเปิดบัญชีนั้นเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ใด ก็ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนเสียก่อน อย่างไรก็ตามห้ามเปิดบัญชีเพื่อให้ผู้อื่นใช้ประโยชน์อย่างเด็ดขาด เนื่องจากจะมีความผิดและจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย







เว็บไซต์ www.legendnews.net ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการคัดลอกหรือเปลี่ยนเป็นชื่อเว็บของท่าน