โดยการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากหลังเกิดเหตุ ตำรวจได้สอบพยานไปแล้วหลายคน โดยพบว่าผู้ต้องสงสัยคือนายโอ๋ ซึ่งพึ่งได้รับการพระราชทานอภัยโทษจากคดีลักทรัพย์เมื่อเดือนธ.ค.54 พักอาศัยอยู่ในซอยตรงข้ามร้านที่เกิดเหตุ พบว่านายโอ๋กำลังตระเวนเอาสร้อยคอทองคำหนัก 1 สลึงไปจำนำตามร้านทอง จึงนำตัวมาสอบปากคำก่อนจะให้การรับสารภาพว่า เพิ่งพ้นโทษคดีลักทรัพย์ออกมาก่อนจะสมัครเป็นยามคลังน้ำมัน โดยตกกลางคืนจะตระเวนเข้าไปลักทรัพย์ตามบ้านหรือร้านค้า กระทั่งคืนเกิดเหตุตนตระเวนหาบ้านเป้าหมาย จนมาเจอร้านที่เกิดเหตุซึ่งก่อนหน้านี้ตนเคยเข้าไปลักทรัพย์มาแล้วครั้งหนึ่ง
จากนั้นจึงงัดร้านเข้าไปฉกเงินในกล่องบริจาคแต่มีเงินอยู่แค่กว่า 200 บาท เลยขึ้นไปชั้นบนเพื่อหาทรัพย์สินมีค่าอย่างอื่น บังเอ็ญเห็นเหยื่อสวมสร้อยทองเลยอยากได้ จึงใช้เหล็กงัดยางรถยนต์ฟาดใบหน้าเหยื่อไป 1 ที ก่อนจะปลดเอาทรัพย์สิน ระหว่างนั้นผู้ตายร้องตะโกนให้คนช่วย ด้วยความตกใจตนเลยหวดตีผู้ตายไปอีกไม่ยั้งกว่า 20 ทีจนเหยื่อแน่นิ่งไป ครั้งแรกตนคิดว่าเหยื่อไม่ตายคงแค่สลบไปเท่านั้น จากนั้นจึงเอาโทรศัพท์ของผู้ตายไปทิ้งในโถส้วม และเอาหมอนมาวางปิดหน้า ก่อนจะหลบหนีออกมาและไปทำงานเป็นรปภ.ตามปกติ กระทั่งถูกจับได้ดังกล่าว
หลังการแถลงข่าวเสร็จตำรวจนำตัวผู้ต้องหา ไปทำพิธีขอขมาต่อรูปศพของผู้ตาย ก่อนนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่เกิดเหตุ โดยมีชาวบ้านและญาติพี่น้องผู้ตายกว่า 300 คน มายืนรอพอเห็นหน้าผู้ต้องหา กลุ่มชาวบ้านและญาติผู้ตายได้ฮือเข้าไปเพื่อรุมประชาทัณฑ์ ตำรวจกว่า 50 นายต้องพยายามสกัดกันจนทำให้ตำรวจโดนลูกหลง ได้รับบาดเจ็บไปคนละเล็กคนละน้อย ก่อนรีบนำตัวนายโอ๋กลับไปสภ.ช้างเผือกด้วยความทุลักทุเล.