ReadyPlanet.com
dot dot
dot

dot
ตราครุฑ




ประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุ

ประเพณีมาฆบูชา782 ปี แห่ผ้าขึ้นธาตุประเพณีที่เก่าแก่ที่สุด

 

 

นครศรีธรรมราช เป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่สำคัญและยิ่งใหญ่ ในอดีตเมืองนครศรีธรรมราชมีเมืองบริวารมากถึง 12 เมือง จึงมีการเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “เมือง 12 นักษัตร” และยังเป็นเมืองศูนย์กลางการศาสนา จนมีการเรียกนครศรีธรรมราชว่า “เมืองพระ” โดยมีพระบรมธาตุเจดีย์วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ซึ่งประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ โดยเฉพาะพระทันตธาตุของพระพุทธเจ้าที่เรียกว่า “พระเขี้ยวแก้วเบื้องซ้าย” เป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นเป็นสง่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองนครฯ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนทั่วโลกมายาวนานนับพันปี

เมืองนครฯจึงมีประเพณีที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น ประเพณีชักพระออกพรรษา ทำบุญให้ทานไฟ มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุ วิสาขบูชา งานบุญสารทเดือนสิบ เป็นต้น โดยเฉพาะประเพณี “มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุ” เป็นประเพณีที่เก่าแก่ โดยตามคติความเชื่อมาตั้งแต่โบราณ หากจะทำบุญหรือกราบไหว้บูชาให้ได้กุศลจริง ๆ จะต้องปฏิบัติหน้าพระพักตร์หรือใกล้ชิดพระพุทธองค์ให้มากที่สุด แต่เมื่อพระพุทธองค์เสด็จเข้าสู่ปรินิพพานแล้ว การได้ทำบุญกราบไหว้พระพุทธรูป พระเจดีย์ ยิ่งถ้าเป็นพระบรมธาตุเจดีย์ที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าก็เสมือนว่าได้ทำบุญหรือกราบไหว้บูชาอย่างใกล้ชิดกับพระพุทธองค์เช่นเดียวกัน
 
การจัดงานประเพณี “แห่ผ้าขึ้นธาตุ” เป็นประเพณีที่เป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองนครศรีธรรมราช ทั้งนี้เพราะในโลกมีการยึดถือและปฏิบัติกันที่เมืองนครศรีธรรมราชแห่งเดียวเท่านั้น แต่เดิมจัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง คือวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 หรือวัน “มาฆบูชา” และในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 หรือวัน “วิสาขบูชา” แต่ในระยะหลัง ๆ ชาวพุทธจะนิยมมาร่วมแห่ผ้าขึ้นธาตุในวันมาฆบูชามากกว่าในวันวิสาขบูชา ทางจังหวัดจึงหันมาเน้นการจัดงานประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุในวันมาฆบูชาเป็นหลัก เรียกว่าประเพณี “มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุ” มาจนถึงปัจจุบัน
 
ตามตำนานระบุว่าในราว พ.ศ. 1773 ในขณะที่พระเจ้าศรีธรรมโศกราช และชาวเมืองนครศรีธรรมราชกำลังจัดเตรียมงานสมโภชองค์พระบรมธาตุเจดีย์ ปรากฏว่ามีชาวเมืองอินทปัตย์ในเขมร จำนวนประมาณ 100 คน เดินทางด้วยเรือสำเภาเพื่อนำผ้าพระบฏซึ่งเป็นผ้าที่มีลายเขียนเกี่ยวกับพุทธประวัติมุ่งหน้าไปบูชาพระพุทธเจ้าที่เมืองลังกา แต่เรือสำเภาเกิดถูกพายุจนอับปางกลางทะเล ผ้าพระบฏและชาวอินทปัตย์ที่รอดชีวิตประมาณ 10 คนถูกคลื่นซัดมาเกยตื้นที่ชายหาดปากพนัง ชาวปากพนังจึงนำผ้าพระบฏมาถวายพระเจ้าศรีธรรมโศกราช และมีมติร่วมกันว่าในการสมโภชพระบรมธาตุเจดีย์ในวันเพ็ญเดือน 3 หรือ “วันมาฆบูชา” จะมีการเฉลิมฉลองและแห่นำเอาผ้าพระบฏดังกล่าวไปถวายโอบห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์ ซึ่งชาวอินทปัตย์ก็เห็นดีเห็นงามด้วย ประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุจึงเกิดขึ้นและยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน
 
ส่วนตามพุทธประวัติระบุว่าในวันดังกล่าวได้เกิดปรากฏการณ์สำคัญทางพุทธศาสนาขึ้นคือเป็นวันที่พระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป เดินทางมาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ซึ่งพระสงฆ์ทั้งหมดล้วนเป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา และเป็นพระอรหันต์ผู้ได้บรรลุอภิญญา 6 โดยในวันดังกล่าวพระพุทธเจ้าได้แสดงธรรมโอวาทปาฏิโมกข์ให้กับพระสงฆ์ที่มาประชุมได้สดับ จึงเรียกวันนี้อีกชื่อหนึ่งว่า “วันจาตุรงคสันนิบาต” อย่างไรก็ตามในวันวิสาขบูชาก็ยังมีการนำผ้าพระบฏขึ้นไปโอบห่มองค์พระบรมธาตุอยู่เช่นกัน
 
ประเพณี “มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุ” ของชาวนครศรีธรรมราช ในปีนี้ตรงกับวันที่ 7 มีนาคม 2555 ซึ่งได้กำหนดจัดกิจกรรมขึ้นระหว่างวันที่ 3-7 มี.ค. โดยในช่วงดังกล่าวประชาชนชาวพุทธจากทั่วสารทิศจะเดินทางมาร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องอย่างล้นหลาม อาทิ การกวน “ข้าวมธุปายาส” ที่เชื่อ
กันว่าเป็นข้าวทิพย์ พิธีสมโภชผ้าพระบฏใน อ.ปากพนัง สถานที่เดิมที่พบผ้าพระบฏครั้งแรก รวมทั้งการร่วมขบวนแห่ผ้าพระบฏจาก อ.ปากพนัง มาร่วมในพิธีเปิดงานประเพณีมาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุ ณ  บริเวณศาลาประดู่หก สนามหน้าเมือง สำหรับผ้าพระบฏที่นำมาเย็บต่อกันด้วยความยาวของผ้า 1,250 เมตร เป็นการสื่อความหมายถึงพระอรหันต์ 1,250 รูป ที่เดินทางมาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ซึ่งในขณะนี้จังหวัดนครศรีธรรมราชได้ร่วมกับภาครัฐและภาคประชาชนผลักดันองค์พระบรมธาตุเจดีย์สู่มรดกโลก เป็นการประกาศความเป็นเมืองศูนย์กลางพุทธศาสนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงพุทธของจังหวัดนครศรีธรรมราชอย่างเป็นรูปธรรมด้วย
 
ในวันมาฆบูชาซึ่งเป็นวันที่สำคัญที่สุดในการจัดงานประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุ ในปีนี้ตรงกับวันที่ 7 มีนาคม 2555 ประชาชนชาวพุทธทั้งในและจังหวัดใกล้เคียงรวมทั้งชาวต่างชาติที่นับถือศาสนาพุทธเดินทางมาร่วมกิจกรรมมืดฟ้ามัวดิน ซึ่งหลังเสร็จสิ้นพิธีเปิดบริเวณศาลาประดู่หก ขบวนแห่ผ้าขึ้นธาตุจะเคลื่อนไปตามถนนราชดำเนิน นำขบวนโดยวงดุริยางค์ ตามด้วยขบวนแห่ผ้าพระบฏพระราชทานของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และขบวนแห่ผ้าพระบฏจากกลุ่มพลังมวลชนต่าง ๆ มุ่งหน้าสู่พระบรมธาตุเจดีย์วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร เพื่อนำผ้าพระบฏเข้าร่วมพิธีถวายและตัวแทนจะนำขึ้นไปโอบห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์ต่อไป
 
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ฉัตรชัย ศุกระกาจน์ อธิการบดี ม.ราชภัฏนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า เมื่อปี 53 นายสุเทพ เกื้อสังข์ ผอ.ททท.นครศรีธรรมราช ร่วมกับจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพลิกฟื้นบรรยากาศการถวายเครื่องบูชา โดยยกระดับงานประเพณีมาฆบูชาแห่ผ้าขึ้นธาตุเมืองนครฯขึ้นเป็นงานประเพณีในระดับนานาชาติ เชิญประเทศต่าง ๆ ในทวีปเอเชีย 11 ประเทศ รวมทั้งอดีตเมือง 12 นักษัตรเมืองบริวารเมืองนครฯ และจาก 4 ภูมิภาคของประเทศมาร่วมกิจกรรม จนได้รับรางวัลนวัตกรรมตลาดท่องเที่ยวดีเด่น ประจำปี 54 จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำหรับในปีนี้เป็นปีที่ 3 ของการยกระดับงานประเพณีดังกล่าว และเป็นปีที่ 782 ของการจัดงานประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุเมืองนครฯ ประกอบกับในปีนี้เป็นปีที่สำคัญอย่างยิ่งของพระพุทธศาสนา เพราะเป็นปีที่ 2,600 ปี แห่งการตรัสรู้ธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระศาสดาของศาสนาพุทธ จึงจัดกิจกรรมอย่างยิ่งใหญ่อลังการ
 
นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผวจ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ปีนี้จังหวัดกำหนดจัดกิจกรรมอย่างยิ่งใหญ่กว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยกิจกรรมที่สำคัญจะเริ่มขึ้นในวันที่ 5 มี.ค. ณ สวนศรีธรรมาโศกราช อาทิ การสมโภชผ้าพระบฏ พิธีกวนข้าวมธุปายาส ชมการแสดง ชุดศรีธรรมาโศกราช ชมหุ่นละครเล็ก คณะโจหลุยส์ และอื่น ๆ อีกมากมาย ส่วนวันที่ 7 มี.ค. ช่วงเช่ามีพิธีตักบาตร

จากนั้นในเวลา 15.00 น. พิธีเปิดและปล่อยขบวนแห่ผ้าขึ้นธาตุจากสนามหน้าเมืองไปยังวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารชมขบวนแห่ผ้าพระบฏ มรดกแห่งศรัทธาตื่นตากับขบวนผ้าพระบฏพระราชทาน ผ้าพระบฏนานาชาติ ผ้าพระบฏ 4 ภูมิภาคของไทยรวมทั้งขบวนแห่ผ้าพระบฏจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เมื่อแห่ผ้าพระบฏไปถึงวัดพระมหาธาตุฯ จะรวบรวมผ้าพระบฏทั้งหมดก่อนประกอบพิธีถวายผ้าพระบฏ หลังจากนั้นตัวแทนแต่ละหน่วยงานนำผ้าพระบฏขึ้นไปถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยการนำผ้าพระบฏโอบห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์ อันจะนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลอันยิ่งใหญ่ ปิดท้ายกิจกรรมด้วยการปรารภธรรมและประชาชนชาวพุทธนับแสนคนร่วมเวียนเทียนมาฆบูชา








เว็บไซต์ www.legendnews.net ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการคัดลอกหรือเปลี่ยนเป็นชื่อเว็บของท่าน