ธรรมะ5นาที
วันนี้สิ่งที่กังวลที่สุดในชีวิตของผู้เขียนคือ ‘กายสังขาร’ของหลวงปู่พรม พรหมโชโต พ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่มีวัย 83 ปี หลังจากอาพาธ และได้ไปตรวจร่างกายเมื่อก่อนวันมาฆบูชาอย่างละเอียด พบว่าท่านเป็นโรคความดันสูง ไขมันในเส้นเลือดสูง พร้อมเบาหวานและโรคหัวใจ ซึ่งต้องอาศัย ‘ยา’รักษาเพื่อประคับประคองสังขาร ทั้ง ๆ ที่หลวงปู่มิได้ปรารถนาเช่นนั้น
“ปู่ไม่ได้อาลัยในชีวิต...ถ้ามันเป็นโรคและต้องตายก็ปล่อยให้เป็นไป” คือประโยคของท่าน หากเราอ้อนวอน
“ทุกหัวใจของญาติโยมอยู่ที่หลวงปู่ครับ ทุกคนอยากให้หลวงปู่รักษาสังขารเอาไว้ให้ลูกหลานกราบไหว้นาน ๆ”
เพราะเหตุนั้นแม้ท่านจะไม่อยากฉันยาเลย และอยากปล่อยทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติแห่งชีวิต...จึงยอมฉันยาด้วยความเมตตาต่อผู้เขียนและญาติโยมทั้งหลาย
ล่าสุดแพทย์หญิงชญานินี ปัตตพงษ์ หรือที่คณะศรัทธาในกลุ่มธรรมะ 5 นาที รู้จักกันในนามหมอไอซ์ได้โทรศัพท์มารายงาน
“อาแขกเข้าไปกราบหลวงปู่จึงรู้ว่าท่านกำลังเป็นงูสวัดที่บริเวณใบหน้า”
ไม่ต้องอธิบายภูเตศวรก็ทราบดี...งูสวัดเป็นผลจากเชื้อไวรัส หากผู้เขียนต้องรีบเร่งส่งงานเพื่อเดินทางขึ้นวัดป่าชนะสงครามเพื่อดูแลหลวงปู่บ้างตามกำลังที่มีในฐานะลูกหลานและลูกศิษย์ อย่างน้อยก็มีหลายคน แม้กระทั่งพระลูกวัดกระซิบบอก
“หลวงปู่จะเกรงใจโยมแม้ว ถ้าโยมแม้วอยู่ท่านจะยอมฉันยามากขึ้น!”
นั่นคือเหตุผลหลายครั้งที่ท่านเจ็บป่วยอาพาธ หลวงปู่จึงเอ่ยคำกับทุกคน
“อย่าบอกแม้วนะ!” พร้อมเหตุผลที่ตามมา “ไม่อยากให้แม้วลำบาก”
หากทุกคนรู้ดี...หลวงปู่กลัวคำอ้อนวอนของ ‘ภูเตศวร’ ที่ให้ฉันยาและพาไปพบแพทย์มากกว่าอย่างอื่น...และวันนี้จึงเป็นความตั้งใจของผู้เขียน...หลังจากงานดูแลและสร้างเสนาสนะเบาบางลง หันกลับมาทำงานปิดฉากชีวิตเพศฆราวาสจนห่างหายจากวัดจากครูบาอาจารย์มานานหลายเดือน ...คงต้องหันกลับไปที่วัดป่าชนะสงครามอยู่กับหลวงปู่ให้มากขึ้นจนกว่าวันละสังคมโลกสู่เพศบวชตามที่ตั้งใจอีกครั้ง
ขณะเขียนต้นฉบับอยู่นี้ พุทธพจน์แห่งพระบรมศาสดาเหมือนลอยอยู่ตรงหน้า
...ยัสสะ รัตตะยา วิวะสาเน อายุอัปปะตะรังสิยา...
วันคืนเคลื่อนคล้อยไป...อายุสัตว์น้อยใหญ่ย่อมเหลือน้อยเข้าไปทุกที...
พุทธพจน์อันเป็นสัจจะให้เราทั้งหลายได้มีสติพิจารณา...ไม่มีสิ่งมีชีวิตในโลกจะจีรังยั่งยืนตลอดนิรันดร์กาล นั่นเพราะมัจจุราชอันเป็นความตายนั้นจักเป็นใหญ่แท้จริงในโลกนี้
เมื่อเป็นเช่นนั้นควรหรือที่เราทั้งหลายจะยึดมั่นถือมั่นสิ่งที่อยู่ในโลกใบนี้อย่างไม่ปล่อยวางลง...
ลาภ ยศ สุข...สรรเสริญใด ๆ ที่มีย่อมจะถูกพรากพรายจากเราในวันข้างหน้าอันใกล้
หลวงปู่ท่านก็เคยพร่ำบอกกับญาติมิตรญาติธรรมที่มาร่วมบุญร่วมกุศลอยู่เสมอว่า...
“ความตายเป็นเรื่องธรรมดา พระพุทธเจ้าท่านสอนความจริงอย่างนั้น...ถ้าไม่อยากตายต้องไม่เกิด เพราะถ้าเกิดแล้วไม่มีคำว่าไม่ตายแน่นอน!”
บางคาบบางคราหลวงปู่ยังเคยพูดติดตลก... “ความตายนี่มันแปลกนะ เวลาอยากตายมันก็ไม่ตาย แต่พอถึงคราวตายไม่อยากตายมันก็ตายเองแหละ”
เมื่อปลายปีที่ผ่านมาผู้เขียนเกิดแรงสังหรณ์เหมือนรู้ล่วงหน้า หลวงปู่จะเกิดอาพาธทั้ง ๆ ที่ด้วยวัย 80 เศษ ๆ หากท่านแข็งแรงมาก ๆ ไม่มีอาการเหนื่อยล้าให้เห็น กิจวัตรใด ๆ ท่านทำเหมือนพระหนุ่ม ๆ ลูกหลานทุกประการ จึงบอกกับคนใกล้ชิดให้จัดพานดอกไม้ธูปเทียนอาราธนาท่านเอาไว้ ทุกคนทำตามนั้น ซึ่งวันนั้นท่านก็รับพานดอกไม้...ท่านบอกสั้น ๆ ด้วยรอยยิ้มเมตตา
“หลวงปู่รับให้นะ...แต่ก็อยู่เท่าที่จะอยู่ได้...ไปก็เท่าถึงวันต้องไปละ!”
เรายิ้มขันกับความคิดของตัวเอง ด้วยไหนเลยปัญญาภายนอกของตนจะเท่าทันพ่อแม่ครูบาอาจารย์ เพราะหลวงปู่ตอบด้วยปัญญาธรรมอันสูงส่ง...ไม่ปฏิเสธและก็ไม่รับปากตามที่ญาติโยมร้องขอ อย่างที่ท่านเคยพูดกับภูเตศวร
“...วันนี้ปู่ไม่มีอะไรแล้ว นอกจากเมตตา...ปู่เมตตาทุกคนเท่ากัน...เมตตาสงสารอยากให้ทุกคนหมดทุกข์ ปู่เห็นว่าโลกนี้มีแต่ความทุกข์ ทุกข์เพราะใจมันพาไป ใจมันดีดดิ้นแสวงหายึดมั่นถือมั่นในความไม่เที่ยงของโลก”
นั่นคือเหตุที่หลวงปู่คอยพร่ำสอน...‘ดูใจนะแม้ว’ หรือไม่ก็เตือน ‘รักษาใจไว้’ ซึ่งตรงกับที่ท่านเทศนาบอกญาติโยมทุกคราที่มาร่วมปฏิบัติธรรมสร้างบุญกุศล...
“ทุกอย่างสำเร็จที่ใจ...นรก สวรรค์ หรือพระนิพพานมันเกิดที่ใจดวงนี้แหละ ให้สร้างสติกำกับใจไว้มาก ๆ ภาวนามาก ๆ ทุกอย่างจะเกิดจะสำเร็จเอง อะไรที่ทำอย่างไม่ท้อถอย ช้า...เร็วก็ต้องสำเร็จลงในวันหนึ่งอย่างแน่นอน”
วันนี้คิดถึงหลวงปู่ ทบทวนสิ่งที่ท่านพร่ำสอน และเตือนใจตนถึง ‘หน้าที่’ ที่ต้องทำ...
“มีหนี้ก็ต้องใช้ให้หมด...ใช้ไม่หมดไปพระนิพพานไม่ได้หรอก” แค่นี้ก็ทำให้เรามีกำลังใจทำงานทำประโยชน์ให้กับชาวคณะญาติมิตรญาติธรรม กับการช่วยเหลือใครบางคนอย่างเต็มที่มาโดยตลอด โดยเฉพาะประโยคหลัง
“ยิ่งใกล้บวชยิ่งต้องใช้หนี้หนัก...ใช้ไปเถอะ บวชแล้วจะได้ไม่เกิดปลิโพธ...คือความกังวลจนภาวนาไม่ก้าวหน้า!”
จึงไม่แปลกใจเลยว่า แม้จนบัดนี้งานทั้งหลายในทางโลกก็ยังไม่จบไม่สิ้น...หลายคราที่เครียดกับความตั้งใจ ท่านก็เอ่ยปากบอกเบา ๆ
“ของบางอย่างมันเป็นของมันเองนะ...ตั้งใจมากมันก็ไม่เป็น เหมือนการบวชแหละ อยากแค่ไหนก็ไม่เป็น แต่ถ้าบุญมาถึงต่อให้ไม่อยากมันก็ต้องบวชอยู่ดี...”
เพราะประโยคดังกล่าวทำให้ได้คิด...กังวลมากไปทำให้งานที่ทำเพื่อปิดฉากลงสะดุด...เพราะจิตที่สับสนทำให้สมองมืดทึบ ควรวางความคิดทำปัจจุบันให้ดี...อนาคตจะเป็นไปตามวาสนาบารมีที่สะสมและตั้งจิตอธิษฐาน ทุกวันนี้คำพร่ำบ่นเตือนใจเป็นประจำคือ...
‘มีหนี้สินก็ต้องชดใช้...’ กับอีกคำ ‘ถึงเวลามันก็เป็นของมันเองแหละ’
ท่องไปบ่นมาวันหนึ่งเมื่อไม่นานนี้เองก็เลยถึงบางอ้อ...‘ไม่มีอะไรเหนือกรรม’ ทำกรรมมาก็ต้องใช้คืน...‘ทำบุญมาก็ต้องรับผลบุญ’ ทำให้หัวเราะออกกับวิชาสอนของหลวงปู่ และเหมือนได้ยินเสียงท่านแว่วอยู่ในจิต...
“แม้วคนดื้อ...สอนยาก รู้มากยากนาน ดีแต่สอนคนอื่น...ตัวเองไม่ค่อยทำ”