ReadyPlanet.com
dot dot
dot

dot
ตราครุฑ




พลิกแฟ้มคดี ซ้อสี่จ้างฆ่าซ้อสอง!? ปมมรดกเลือดพันล้าน article
พลิกแฟ้มคดี ซ้อสี่จ้างฆ่าซ้อสอง!? ปมมรดกเลือดพันล้าน
วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ.2555

          มีคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน โดยเป็นที่โจษจันของชาวบ้านชุมแพ จ.ขอนแก่น ว่าเป็นการฆ่าชิง “มรดกพันล้าน” ของตระกูลคนรวยและกว้างขวางมากที่สุดคนหนึ่งในพื้นที่ภาคอีสาน โดยเหตุเริ่มต้นเมื่อวันที่ 1 มี.ค.2552 กลุ่มมือปืนกลุ่มหนึ่งได้ลงมือบุกยิง นางอรัญญา เหลืองแสงธรรม ภรรยาคนที่ 2 ของนายชีวิน ชายชีวินลิขิต เสี่ยพันล้านเมืองชุมแพอย่างโหดเหี้ยมจนเสียชีวิต แต่หลังจากผ่านวันนั้นจนถึงวันนี้ บทสรุปบทแรกก็ได้ดำเนินมาถึง เมื่อศาลจังหวัดขอนแก่น ตัดสินประหารชีวิตผู้เกี่ยวข้อง ที่อยู่เบื้องหน้าและเบื้องหลังในคดีนี้รวม 6 ราย ซึ่ง 1 ในผู้ต้องหาและเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็น “จอมบงการ” ในคดีนี้ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คนๆ นั้นคือคนในครอบครัวเดียวกัน ภรรยาคนที่สี่ ในตระกูล “ชายชีวินลิขิต”

 

            สำหรับมูลเหตุของคดีนี้ คาดว่ามาจากเรื่อง “มรดก” ที่มีมากมายมหาศาลของ นายชีวิน ชายชีวินลิขิต สามีที่ได้หย่าร้างกับภรรยาที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมด 5 คน เสี่ยนักธุรกิจระดับพันล้านคนนี้ เริ่มต้นด้วยการทำธุรกิจระดับภูธร เป็นลูกพ่อค้าเจ้าของโรงเลื่อย โรงน้ำแข็ง ของอำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น เขาใช้วิธีการจ้างภรรยาที่เป็นเด็กเพิ่งเรียนสำเร็จใหม่ๆ โดยมีหลักเกณฑ์การทำงานโดยให้ภรรยาทำทุกอย่าง โดยมีค่าตอบแทนให้เดือนละ 30,000 บาท ไม่รวมสิ่งของสะดวกสบายอื่นๆ หากมีลูกด้วยกัน จะรับผิดชอบลูกและแบ่งมรดกให้

           เสี่ยชีวินเริ่มต้นเป็นเซลล์แคตตาล็อก ขายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า แล้วเปลี่ยนอาชีพมารับรถอีซูซุ จากบริษัทโค้วยู่ฮะ ดีลเลอร์รายใหญ่ของจังหวัดขอนแก่น และสามารถสร้างยอดขายให้เป็นที่ยอมรับของบริษัท หลังจากนั้นทำธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ในนาม "ชีวินอีซูซุชุมแพ" จากนั้นก็ได้มีการต่อยอดในธุรกิจจนประสบความสำเร็จเป็นเสี่ยพันล้าน

          ตอนยังมีชีวิตอยู่ "เสี่ยชีวิน" เคยถูกลอบสังหาร เมื่อปี 2548 ซึ่งเสี่ยชีวินคิดว่าสาเหตุที่ถูกลอบสังหาร อาจจะมาจากปมมรดกที่ตัวเองก่อร่างสร้างไว้ให้กับลูกหลานมากมาย และด้วยความที่มีภรรยา มีลูกหลายคน ซึ่งอาจจะเป็นมูลเหตุให้เกิดการแย่งชิงขึ้น ด้วยเหตุนี้ จึงมีการเปลี่ยนแปลงพินัยกรรม โดยระบุในพินัยกรรมว่า "ให้ทายาทถือครองมรดกร่วมกันจนกว่าจะครบ 100 ปี" (ระบบกงสี) โดยให้ นายนาวิน ชายชีวินลิขิต นางกานดา ชายชีวินลิขิต และนางดาวิน ชายชีวินลิขิต ซึ่งเป็นบุตรต่างมารดากัน ร่วมเป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งหลังจากเสี่ยชีวินเสียชีิวิตจากโรคประจำตัว ก็เริ่มมีการฟ้องร้องเรื่องมรดกเรื่อยมา


 

           กระทั่งวันที่ 1 มี.ค.52 เกิดเหตุคนร้ายบุกไปใช้ปืนขนาด .38 กระหน่ำยิงนางอรัญญา หรือ "เจ๊หงส์"  ภรรยาคนที่ 2 ของเสี่ยชีวิน ที่บริเวณร้านเสริมสวยพรพิมล ตั้งอยู่เลขที่ 70/1  หมู่ 9 บ้านหนองขาม ต.ชุมแพ อ.ชุมแพ ซึ่งเป็นร้านประจำที่เจ๊หงส์ มาเสริมสวยบ่อยๆ จนเสียชีวิต และห่างกันปีกว่า ในวันที่ 19 มิ.ย.53 ก็เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายขับรถตามประกบยิงรถนายนาวิน ซึ่งเป็นลูกชายคนโต และเป็นผู้ดูแลธุรกิจ บริษัทชีวินชุมแพอีซูซุ นายนาวินและพรรคพวกที่มาด้วยกันได้รับบาดเจ็บ และรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด และเหตุร้ายก็เกิดอีก ในวันที่ 11 ต.ค.53 บ้านพักของนายนาวิน ที่ริมบึงแก่นนครขอนแก่น ก็ถูกคนร้ายปาระเบิดและรัวเอ็ม 16 เข้าใส่ แต่โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากไม่มีคนอยู่บ้าน

           หลังเกิดเหตุ 3 ครั้ง ตำรวจภูธรสืบสวนภาค 4 จึงได้ตามสืบเสาะจนกระทั่งตามจับกุมมือปืนคนสำคัญที่ลงมือฆ่าเจ๊หงส์ คือ นายมังกร วรสาร อายุ 32 ปี พร้อมกับ นายอุเทน จันดาวัลย์ อายุ 33 ปี คนขับรถกระบะ พามือปืนมาดักยิงเจ๊หงส์ที่หน้าร้านเสริมสวย หลังจับกุมทั้งสองได้ ก็ซัดทอดถึงผู้เกี่ยวข้องมายัง  นายจำรัส ต่อพันธ์ นายตรัย ต่อพันธ์ ผู้รับงานจ้างวานฆ่า จากนั้นจึงได้ซัดทอดมาถึง นางศุภลักษณ์ หรือธนพร ชายชีวินลิขิต อายุ 55 ปี หรือ "ซ้อสี่" และนางกิตติยา หรือกิมเอ็ง หรือเจ๊อ้วน กนกคุณ อายุ 54 ปี


 

            ล่าสุด ในวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาตัดสินโทษ ให้จำเลยมีความผิดฐานคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ได้ตัดสินประหารชีวิตทุกคนที่เกี่ยวข้องทั้ง 6 คน แต่ นายอุเทน จันดาวัลย์ นายจำรัส ต่อพันธ์ นายตรัย ต่อพันธ์ และนายมังกร มือปืน ให้การเป็นประโยชน์ต่อศาล จึงลดโทษให้เหลือ 1 ใน 3 จำคุกตลอดชีวิต ส่วน นางกิตติยา หรือ "เจ๊อ้วน" คนสนิทของซ้อสี่ ที่เป็นคนประสานกับทีมงานทั้งหมด และนางธนพร หรือซ้อสี่ ศาลสั่งประหารชีวิต ซึ่งต่อมานางศุภลักษณ์ และนางกิตติยา ได้ใช้เงินสดรายละ 1.5 ล้านบาท ขอประกันตัว นายตรัย ต่อพันธ์ ใช้เงินสด 1.3 ล้านบาท ขอประกันตัว ศาลอนุญาตทั้ง 3 คน แต่มีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องห้ามมิให้จำเลยที่ได้รับประกันตัวเดินทางออกนอกประเทศ

        อย่างไรก็ตาม การตัดสินของศาลจังหวัดขอนแก่น ยังเป็นแค่ศาลชั้นต้นเท่านั้น คาดว่าจะต้องมีการต่อสู้ในชั้นศาลอีกยาวไกล ส่วน “ซ้อสี่” จะเป็นผู้จ้างวานฆ่าหรือไม่ คำตอบสุดท้ายอาจจะต้องไปถึงศาลฎีกา แต่ถึงวันนั้นแล้วแม้จะมีเงินมากมายขนาดไหน ก็อาจไม่ได้ใช้ไปอีกยาวนาน หรืออาจไม่ได้ใช้ตลอดไปก็เป็นได้!?







เว็บไซต์ www.legendnews.net ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการคัดลอกหรือเปลี่ยนเป็นชื่อเว็บของท่าน