โคราช-เปิดรวดเดียว 11 จุด รับจำนำมันสำปะหลัง
วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม 2555 เวลา 13:52 น.
วันนี้ ( 22 ธ.ค.) น.ส.ภัตถาภรณ์ ไชยานุพงศ์ การค้าภายในจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการดำเนินโครงการรับจำนำมันสำปะหลังฤดูกาลผลิต ปี 2555 / 2556 ของจังหวัดนครราชสีมาว่า ล่าสุดสามารถเริ่มดำเนินการเปิดรับจำนำได้แล้วบางส่วน โดยมีโรงแป้งและลานมันในเขต อ.เสิงสาง อ.หนองบุญมาก อ.เมือง และ อ.ด่านขุนทด รวม 11 แห่งที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติและทำสัญญากับทางองค์การคลังสินค้า ( อคส. ) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แบ่งเป็นโรงแป้ง 5 แห่ง และลานมันอีก 6 แห่ง โดยเริ่มเปิดรับจำนำมันสำปะหลังของเกษตรกรมาตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.2555 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีโรงแป้งและลานมันสมัครเข้าร่วมโครงการรับจำนำอีกรวม 30 แห่ง ทั่วทั้งจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบและการทำสัญญากับทาง อคส. ซึ่งคาดว่าหลังเทศกาลปีใหม่ทั้งหมดจะสามารถเปิดให้บริการเกษตรกรได้ ทั้งนี้ราคารับจำนำมันสำปะหลังที่ทาง ครม.ได้อนุมัติหลักเกณฑ์ออกมาในฤดูกาลผลิต ปี 2555 / 2556 นั้น อยู่ที่กิโลกรัมละ 2.60 บาท ที่เชื้อแป้ง 25 % ถอยเพิ่มเชื้อแป้งเปอร์เซ็นละ 5 สตางค์ และจะขยับราคาขึ้นแบบขั้นบันไดเดือนละ 5 สตางค์ เริ่มต้นโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2555 และจะสิ้นสุดโครงการในวันที่ 31 มี.ค.2556 เกษตรกร 1 รายสามารถนำมันสำปะหลังเข้าร่วมโครงการได้รายละ 200 ตัน
น.ส.ภัตถาภรณ์ฯ กล่าวอีกว่า ในช่วงนี้เป็นช่วงเริ่มต้นการเปิดรับจำนำ จึงยังไม่พบมีปัญหาใดๆเกิดขึ้น เป็นห่วงเพียงแค่การเข้าคิวของเกษตรกรที่เข้าร่วมในโครงการอาจจะเกิดความล่าช้า ซึ่งทางจังหวัดเองได้ย้ำเตือนให้ทางโรงแป้งและลานมันหาทางแก้ไขปัญหานี้ให้ได้มากที่สุด โดยควรที่จะมีระบบการจัดคิวให้ชัดเจน ซึ่งทางคณะทำงานควบคุมกำกับดูแลการรับจำนำมันสำปะหลังระดับอำเภอแต่ละอำเภอจะเฝ้าติดตามและให้คำแนะนำในเรื่องนี้อย่างเข้มข้น
สำหรับในส่วนของผลผลิตมันสำปะหลังขณะนี้ประเมินว่าเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ได้เริ่มทยอยนำผลผลิตมันสำปะหลังออกสู่ท้องตลาดแล้วประมาณร้อยละ 30 ของผลผลิตทั้งหมดที่มีอยู่ประมาณ 6.2 ล้านตัน ซึ่งในส่วนของโครงการรับจำนำมันสำปะหลังของจังหวัดนครราชสีมาในปีนี้คาดว่าจะมีเกษตรกรนำมันสำปะหลังเข้าร่วมโครงการประมาณ 2.5 ล้านตัน เนื่องจากว่าในปีนี้มีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนเกษตรกรและประเมินผลผลิตได้ประมาณ 4.7 ล้านตัน อีกทั้งส่วนหนึ่งอาจจะตัดสินใจขายตามท้องตลาดโดยไม่เข้าร่วมโครงการเนื่องจากราคารับจำนำที่ 2.60 บาท ต่อกิโลกรัมนั้นใกล้เคียงกับการรับซื้อของท้องตลาดในขณะนี้
