หวั่นเิกิดเหตุใหญ่ เผาวงจรปิดยะลา43จุด
วันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2556
เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 14 มกราคม พ.ต.ท.สุจริต วงษาเกศ รอง ผกก.สส.ภ.จว.ยะลา พร้อมกำลังตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ภ.จว.ยะลา เจ้าหน้าที่จากศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา เข้าตรวจสอบกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) ริมถนนสายท่าสาป-ลำใหม่ ปากทางเข้าศูนย์วิทยพัฒนา มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ยะลา ต.ท่าสาป อ.เมือง หลังถูกกลุ่มคนร้ายลอบวางเพลิงเสียหาย โดยเก็บเศษผ้าชุบน้ำมัน ยางรถจักรยานยนต์ในที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน
จากนั้นไปตรวจสอบที่สามแยกทางเข้าทางลัดลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งถูกคนร้ายลอบวางเพลิงเผากล้องวงจรปิดเช่นกัน พบกล้องวงจรปิดถูกลอบวางเพลิงเสียหาย โดยเพลิงยังคงลุกไหม้สายไฟและสายโทรศัพท์อยู่ มีกล้องวงจรปิดทั้งของเก่าและของใหม่ได้รับความเสียหายในที่เกิดเหตุพบเศษผ้าชุบน้ำมันและกระป๋องบรรจุน้ำมันจึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน สำหรับพื้นที่ จ.ยะลา มีเหตุลอบวางเพลิงเผากล้องวงจรปิดในหลายพื้นที่รวม 6 อำเภอ
หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.พีระ บุญเลี้ยง ผบก.ภ.จว.ยะลา สั่งการให้ทุกสถานีตำรวจในพื้นที่ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตรวจสอบรถยนต์ จักรยานยนต์ต้องสงสัย โดยเฉพาะรถกระบะโตโยต้าวีโก้ สีบรอนซ์ทอง เนื่องจากมีบุคคลนั่งในกระบะประมาณ 5 คน แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ขับวนเวียนอยู่ในพื้นที่และแจ้งเตือนทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของสงขลาแล้ว
ต่อมาเวลา 12.50 น. ที่ บก.ภ.จว.ยะลา พล.ต.ต.พีระเรียก พ.ต.อ.นรินทร์ บูสะมัญ รอง ผบก.ภ.จว.ยะลา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนทั้ง 9 สถานีตำรวจภูธรในพื้นที่ที่เกิดเหตุเข้าประชุมพร้อมให้นำพยานหลักฐานที่พบในจุดเกิดเหตุ รวมทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพพฤติกรรมของกลุ่มคนร้ายในขณะลงมือ
พล.ต.ต.พีระเปิดเผยว่า สำหรับช่วงปฏิบัติการของฝ่ายคนร้ายจะเป็นช่วง 03.00-05.00 น.เกิดเหตุทั้งหมด 43 จุด กล้องเสียหาย 76 ตัว เสาโทรศัพท์ (AIS) เสียหาย 1 เสา และตู้ TOT เสียหาย 1 ตู้ ในพื้นที่รับผิดชอบ 9 สถานีตำรวจภูธร โดยพื้นที่ที่ค่อนรุนแรงจะเป็น อ.บันนังสตา วิเคราะห์ว่าเหตุที่เกิดได้เกิดทั่วจังหวัดยะลา ไม่ได้เกิดในถนนเส้นใดเส้นหนึ่งเหมือนกับการเตรียมการก่อเหตุ ลักษณะคล้ายๆ กับการปักธงครั้งที่ผ่านมา ส่วนตัวคิดว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ ข้อที่สองน่าจะเป็นสิ่งบอกเหตุว่าน่าจะเกิดเหตุการณ์ใหญ่ใน จ.ยะลา ในช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้ จะเกิดเหตุแบบทำพร้อมกันทั่วจังหวัด
"ส่วนกล้องวงจรปิดบันทึกภาพผู้ที่ก่อเหตุได้จากพื้นที่ อ.กรงปินัง นั้นได้สั่งการให้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในทุกพื้นที่ว่ามีกล้องใดที่เก็บภาพได้อีก ซึ่งจะเป็นพยานหลักฐานในทันที ส่วนพฤติกรรมเบื้องต้นของคนร้ายนั้น พบว่าคนร้ายใช้ยางรถจักรยานยนต์ และนำกระสอบป่านยัดเอาไว้ด้านในและใส่น้ำมัน แขวนไว้กับกล้องวงจรปิดและจุดไฟเผา หลังเกิดเหตุได้สั่งเพิ่มความเข้ม ต้องประสานทุกพื้นที่ลาดตระเวนในตอนกลางคืนด้วย" พล.ต.ต.พีระกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.นรินทร์กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้มีข้อยุติในระดับหนึ่งว่า กลุ่มที่ก่อเหตุเป็นกลุ่มใดหรือจุดประสงค์ทำเกี่ยวกับเรื่องอะไร ตามพยานหลักฐานเชื่อว่าน่าจะเป็นกลุ่มแนวร่วมที่อยู่ในหมู่บ้าน เพราะบริเวณที่เกิดเหตุมีแนวร่วมอาศัยอยู่และคิดว่าน่าจะเป็นกลุ่มเดิมที่ก่อเหตุ
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงกรณีคนร้ายลอบเผากล้องวงจรปิดใน จ.ยะลา ว่าสาเหตุที่กล้องวงจรปิดถูกเผาทำลายเพราะไม่มีเจ้าหน้าที่คอยมอนิเตอร์หน้าจอที่กล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่เนื่องจากกำลังในพื้นที่ไม่พอ ภายในสัปดาห์หน้าจะได้ข้อสรุปเรื่องงบประมาณเพิ่มเติมที่จะลงไปในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ทำให้สามารถแก้ไขข้อบกพร่องโดยการติดตั้งกล้องวงจรปิดทั้งระบบ และทยอยเพิ่มเจ้าหน้าที่เพื่อคอยมอนิเตอร์หน้าจอซึ่งจะทำให้ไม่เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้อีก คาดว่าจะสำเร็จตามแผนได้ไม่เกินสิ้นเดือนมกราคมนี้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ในรายการฟ้าวันใหม่ ทางสถานีโทรทัศน์บลูสกายแชนแนล ว่าในวันที่ 15 มกราคม จะไปมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เพื่อประชุมนานาชาติทางวิชาการเป็นครั้งแรกที่เชิญผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ และฝ่ายนโยบายสำคัญของประเทศมุสลิมเข้าร่วมประชุม อีกทั้งส่งสัญญาณให้เห็นว่าประเทศไทยให้เสรีภาพเรื่องนับถือศาสนาและส่งเสริมเรื่องของอิสลามศึกษาด้วย
ที่วิทยาลัยอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดสัมมนาเรื่องอิสลามศึกษาในโลกที่เปลี่ยนแปลง : โอกาสและสิ่งท้าทาย โดยมีรัฐมนตรี อธิการบดี ปราชญ์ และนักวิชาการจากประเทศโลกมุสลิม 40 ประเทศ และนักวิชาการในประเทศรวมกว่า 500 คน เข้าร่วมสัมมนา เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาอิสลามศึกษาในประเทศไทย อันเป็นยุทธศาสตร์สำคัญประการหนึ่งที่จะแสวงหาพันธมิตรทางวิชาการเพื่อพัฒนาอิสลามในประเทศไทยที่ยั่งยืนต่อไป
นายนิวัฒน์ธำรงกล่าวว่า วัตถุประสงค์หนึ่งของรัฐบาลไทย คือการทำให้อิสลามศึกษาเป็นศาสตร์ที่บูรณาการและสามารถเชื่อมโยงกับศาสตร์อื่นๆ ดังนั้น การสร้างให้นักศึกษาสาขาวิชานี้รอบรู้และมีทักษะ ไม่เพียงแต่ในสาขาอิสลามศึกษาเท่านั้นแต่ในสาขาอื่นๆ ด้วย เพื่อให้นักศึกษามีความรอบรู้และมีความเชี่ยวชาญ เพื่อนำไปใช้ในการทำงานที่ดีในอนาคตได้ อีกทั้งเพื่อให้มีความเป็นเลิศในศาสตร์ต่างๆ ด้านอิสลามและมีทักษะในศาสตร์อื่นๆ ในขณะเดียวกันเพื่อให้เป็นมุสลิมที่เก่งและมีคุณภาพ ดังนั้น วิทยาลัยอิสลามศึกษาจึงเสนอหลักสูตรสองปริญญาในสาขาวิชารัฐศาสตร์ กฎหมาย เศรษฐศาสตร์ และวิทยาการจัดการ
สิ่งที่เราต้องการในอนาคต คือการบูรณาการหลักสูตรอิสลามศึกษากับสาขาวิชาวิทยาศาสตร์การอาหาร อาหารฮาลาล อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง การพยาบาล และอื่นๆ ขณะเดียวกันวิทยาลัยอิสลามศึกษายังฝึกนักศึกษาเพื่อเตรียมพร้อมในอนาคต เป็นสมาชิกประชาคมอาเซียน ที่มีคุณสมบัติพร้อม เป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งที่ต้องฝึกให้นักศึกษามีความชำนาญในภาษาหลักและภาษาท้องถิ่น เช่น ภาษาอังกฤษ อาหรับ ไทย และมาเลย์ ใน 3 ปีที่ผ่านมา วิทยาลัยอิสลามศึกษาส่งนักศึกษาไปประเทศอาเซียน อาหรับและสหรัฐอเมริกาเพื่อให้มีความสามารถทางภาษาต่างประเทศ นอกจากนี้รัฐบาลต้องการให้วิทยาเขตปัตตานีเป็นศูนย์กลางที่เป็นเลิศทางภาษาอาหรับ ด้วยการจัดตั้งศูนย์ภาษาอาหรับโดยผ่านโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษากับ มหาวิทยาลัยต่างประเทศและสามารถโอนหน่วยกิตได้