แทงอาจารย์จุฬา-มุ่งปมขัดแย้งนศ.
วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 23:21 น.
สืบเนื่องกรณีกรณีที่ ผศ.จิรวัฒน์ ชีวรุ่งโรจน์ อายุ 49 ปี รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา ภาควิชาวศวกรรมเหมืองแร่และปิโตเรียม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถูกคนร้ายใช้มีดคัตเตอร์กรีดที่กลางหลังและท่อนแขนเป็นแผลฉกรรจ์บาดเจ็บสาหัส ก่อนมีพลเมืองดีนำตัวส่งรพ.จุฬาฯ โดยเหตุเกิดที่บริเวณหน้าอาคารวิชาวิศวกรรมเหมืองแร่และปิโตเลียม ม.จุฬาฯ เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. วันที่ 11 ก.พ. ที่ผ่านมา
วันนี้ (13 ก.พ.) พ.ต.อ.เทียนชัย คามะปะโส ผกก.สน.ปทุมวัน เดินทางไป ห้องผู้ป่วยอุบัติเหตุฉุกเฉิน ชั้น 2 ตึกมงกุฎเพชรรัตน์ รพ.จุฬาฯ ที่ ผศ.จิรวัฒน์ พักรักษาตัวอยู่ เบื้องต้นอาการของ ผศ.จิรวัฒน์ รู้สึกตัวดี สามารถพูดคุย ถามตอบรู้เรื่อง แต่ยังต้องพักรักษาตัวอยู่ เนื่องจากมีบาดแผลฉกรรจ์ลึก ซึ่งแพทย์ได้ทำการเย็บบาดแผลเรียบร้อยแล้ว ปลอดภัยดี
ด้าน พ.ต.ท.พนม เชื้อทอง รอง ผกก.สส.สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่า จากแนวทางการสืบสวนได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ประสานภาพกล้องวงจรปิดบริเวณพื้นที่จุดเกิดเหตุ และเรียกพยานบุคคลมาสอบปากคำซึ่งเป็น รปภ. มาสอบปากคำเบื้องต้นให้การว่า ตนเข้าเวรอยู่บริเวณนั้นพอดี เห็น ผศ.จิรวัฒน์ ถูกทำร้ายร่างกายกำลังจะเข้าไปช่วยแต่คนร้ายเป็นผู้ชายไทย รูปร่างสูงใหญ่ ผมสั้น ได้วิ่งหนีขึ้นรถจยย.ไม่ทราบรายละเอียดขับหลบหนีออกไปเพียงคนเดียว จากนั้นจึงได้รีบนำส่งอาจารย์ส่ง รพ.จุฬา
ต่อมา 18.00 น. พ.ต.ท.พนม พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.ปทุมวัน ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้งในช่วงเย็น เพื่อประมวลเหตุการณ์และหากล้องวงจรปิดว่าจะมีตัวใดสามารถจับภาพขณะเกิดเหตุเอาไว้ได้บ้างหรือไม่ ซึ่งทั้งนี้จากการประมวลเหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มจากจุดหน้าตึกวิศวกรรมเหมืองแร่ ซึ่งเป็นทางที่ ผศ.ดร.จิรวัฒน์ เดินมาผ่านหน้าอาคาร แล้วระหว่างนั้นก็มีคนร้ายวิ่งเข้ามาทางด้านหลังและแทงจนอาจารย์ล้มลง จากนั้นอาจารย์พยายามลุกขึ้นไปขอความช่วยเหลือจากคนงานก่อสร้างที่ทำงานบริเวณใกล้เคียง ส่วนคนร้ายได้วิ่งหลบหนีไปอีกทาง ซึ่งจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่าสามารถจับภาพคนร้ายขณะวิ่งหลบหนี และขณะกำลังขับขี่รถจยย.หลบหนีเอาไว้ได้
หลังจากนั้นมีรปภ.ซึ่งเป็นพยานยืนยันว่า ช่วงหลังเกิดเหตุเวลาประมาณ 23.07 น.นั้น มีชายรูปร่างท้วมขับขี่รถจยย.ไม่ทราบยี่ห้อ สี และรุ่น ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลขทะเบียน หลบหนีไปทางประตูทางออกคณะบัญชี ซึ่งเป็นประตูเดียวที่เปิดอยู่ เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะนำรถจยย.มาจอดไว้ที่คณะวิศวกรรม แล้วมาดักรอทำร้าย ผศ.ดร.จิรวัฒน์ โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะไล่ดูกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงว่ามีตัวใดสามารถจับภาพคนร้ายเอาไว้ได้หรือไม่ เพื่อใช้เป็นเบาะแสในการติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป
ด้าน รศ.ดร.บุญสม เลิศหิรัญวงศ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ เปิดเผยว่า สาเหตุของการลอบทำร้าย ผศ.ดร.จิรวัฒน์ นั้นน่าจะมาจากการเข้าใจผิดหรือเป็นการทำร้ายผิดตัวแน่นอน เพราะผศ.ดร.จิรวัฒน์ นั้นเป็นอาจารย์ต้นแบบ ไม่เคยมีเรื่องราวบางหมางหรือขัดแย้งกับใคร คนร้ายประสงค์จะแทงใครซักคนที่แต่อาจารย์ไปอยู่จุดนั้นพอดีจึงมารับเคราะห์แทน ส่วนเรื่องประเด็นความขัดแย้งระหว่างลูกศิษย์กับ ผศ.ดร.จิรวัฒน์ นั้นไม่น่าเป็นไปได้ เพราะความผูกพันระหว่างนิสิตกับอาจารย์นั้นแน่นแฟ้นอย่างมาก ซึ่งพื้นฐานความเป็นอาจารย์นั้นต้องการให้ลูกศิษย์จบ แต่มีบางส่วนที่ไม่จบ อาจารย์ก็ยังดูแลอยู่ จึงไม่เชื่อว่าเป็นสาเหตุมาจากเรื่องนี้
รศ.ดร.บุญสม กล่าวด้วยว่า สำหรับเรื่องมาตรการป้องกันความปลอดภัยนั้น ขณะนี้มีรปภ.ดูแลอยู่ถึง 3 จุด มีแสงสว่างเพียงพอ ซึ่งมีนิสิตเดินเข้าออกตลอดเวลา ซึ่งทางคณะเองก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว เพราะมีทั้งรปภ.และกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการมาดักลอบทำร้าย อย่างไรก็ตามทางผู้บริหารก็จะพิจารณาเพิ่มจำนวนรปภ.ต่อไป
ด้าน รศ.ดร.สุพจน์ เตชวรสินสกุล รองคณบดี ฝ่ายบริหาร คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ด้วยบุคลิกของอาจารย์จิรวัฒน์ ชีวรุ่งโรจน์ ผู้ถูกทำร้ายนั้นท่านเป็นคนที่เรียบร้อยไม่เคยมีข้อขัดแย้งกับใคร จึงยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดที่ท่านถูกกระทำ โดยยอมรับว่าเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นอาจารย์ และนักศึกษารู้สึกตกใจเพราะเพิ่งเคยเกิดเรื่องทำร้ายร่างกายกันเป็นครั้งแรก ซึ่งแต่ก่อนก็แค่ของสูญหาย ทั้งนี้มหาวิทยาลัยเป็นสถานที่สาธารณะเปิดให้บุคคลเข้าออกได้ ก็มีมาตรการป้องกัน คือมี รปภ. มีกล้องวงจรปิดและไฟฟ้าส่องสว่าง ซึ่งต้องเพิ่มไฟส่องสว่างมากขึ้น ส่วนสาเหตุว่าขัดแย้งกับนักศึกษานั้นทางคณะยังไม่มีข้อมูล ต้องให้เป็นหน้าที่ของทางตำรวจทำการสืบสวนต่อไป สำหรับภาพวงจรปิดที่ได้นั้นพบว่าภาพของผู้ต้องสงสัยยังไม่ชัดเจนเท่าที่ควร
รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่มุ่งประเด็นถึงสาเหตุการก่อเหตุครั้งนี้ไม่น่าจะเกิดจากธุรกิจส่วนตัว หรือเรื่องชู้สาว แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้มุ่งประเด็นไปที่ปัญหาส่วนตัว ที่มีความขัดแย้งกับทางนักศึกษา หญิง ที่เรียนปริญญาโท คณะดังกล่าว ปีสุดท้ายรายหนึ่ง ผศ.จิรวัฒน์ ไม่อนุมัติวิทยานิพนธ์ให้ผ่าน จึงเข้ามาติดตามปรึกษาที่ไม่ผ่านหลายครั้ง
