ล้วงลึก'สนช.'เท140เสียงขึ้น สอย'ปู'แน่
23 มกราคม 2558 www.legendnews.net
ล้วงตับ 'สนช.' จ่อเท 140-150 เสียง เกิน 3 ใน 5 ขึ้นไป สอย 'ยิ่งลักษณ์' แน่ เหตุไม่ยอมมาตอบข้อซักถามด้วยตัวเอง แม้จะมาแถลงปิดคดีแต่ทำให้ไร้น้ำหนักความน่าเชื่อถือ ขณะที่ 'นิคม-สมศักดิ์' รอวัดดวง เพราะคะแนนยังสูสี
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า การลงมติถอดถอนคดีนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และคดีถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันนี้ (23 ม.ค.) นั้น เฉพาะในส่วนการลงมติถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ขณะนี้เสียงสนช.ส่วนใหญ่เห็นคล้อยไปในทิศทางเดียวกันแล้วว่า จะลงมติถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ เนื่องจากเห็นว่า จากการฟังข้อมูลจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว พบว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์มีความผิดชัดเจน ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ที่ปล่อยปะละเลยให้เกิดการทุจริตและความเสียหายขึ้นในโครงการจำนำข้าวหลายแสนล้านบาท โดยเฉพาะกรณีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ยอมมาตอบข้อซักถามจากสนช.ด้วยตัวเอง ทำให้สมาชิกสนช.หลายคนเห็นว่า สิ่งที่น.ส.ยิ่งลักษณ์แถลงปิดคดีในวันที่ 22 ม.ค.ที่่ผ่านมา ไม่มีน้ำหนักความน่าเชื่อถือแล้ว โดยขณะนี้สนช.ที่เห็นตรงกันว่า จะถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์มีอยู่ประมาณ 140-150 เสียง ถือว่าเกิน 3 ใน 5 หรือ 132 เสียง ซึ่งเพียงพอที่จะถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ โดยสนช.ที่จะถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม 40 ส.ว. กลุ่มนักวิชาการบางส่วน กลุ่มอดีตข้าราชการพลเรือน และกลุ่มอดีตข้าราชการทหารที่เกษียณอายุราชการแล้ว แต่จะมีสนช.บางส่วนจะลงคะแนนงดออกเสียงประมาณ 20 กว่าเสียง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะที่คดีถอดถอนนายนิคมและนายสมศักดิ์นั้น พบว่า คะแนนเสียงยังก้ำกึ่งสูสีกัน ระหว่างฝ่ายที่เห็นว่า "ควรถอดถอน" กับฝ่ายที่เห็นว่า "ไม่ควรถอดถอน" โดยฝ่ายที่เห็นควรถอดถอนเห็นว่า กรณีดังกล่าวทั้งสองคนมีความผิดชัดเจน โดยใช้อำนาจขัดต่อกฎหมายและข้อบังคับการประชุมไปตัดสิทธิการอภิปรายของอดีตสมาชิกรัฐสภา ทั้งที่ยังมีสมาชิกจำนวนมากยังไม่ได้อภิปราย ถือเป็นการใช้อำนาจประธานที่ประชุมเอื้อประโยชน์ให้เสียงข้างมาก ขณะที่ฝ่ายที่เห็นว่า ไม่ควรถอดถอนนายสมศักดิ์และนายนิคมเห็นว่า ข้อกฎหมายยังไม่ชัดเจนในการเอาผิด เพราะรัฐธรรมนูญปี 2550 ไม่มีผลบังคับใช้แล้ว ขณะที่การตัดสิทธิผู้อภิปรายจำนวนมากนั้น ก็เป็นการทำหน้าที่ควบคุมการประชุมที่ในขณะนั้น มีการตีรวน สร้างความวุ่นวายตลอดเวลาในการประชุม เมื่อกฎหมายยังไม่มีความชัดเจน ก็ควรยกผลประโยชน์ให้จำเลยไป อีกทั้งผลจากการกระทำของนายนิคมและนาย สมศักดิ์ยังไม่เห็น ความเสียหายชัดเจน เท่ากับโครงการรับจำนำข้าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะสุดท้ายแล้วการแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวก็ไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อข้อกฎหมายยังไม่มีความชัดเจน จึงควรยกประโยชน์ให้จำเลยไป.
แหล่งข่าวเดลินิวส์