" รำพึง พันธุ์มี" ตำนานยอดมะพร้าวอ่อน
วันอาทิตย์ ที่ 21 มิถุนายน 2558 นำเสนอโดยทีมงาน www.legendnews.net
อาชีพตัดยอดมะพร้าวอ่อน ยังคงเป็นอีกหนึ่งอาชีพ ที่สร้างรายได้ให้กับครอบครัว "พันธุ์มี" เจ้าของตำนานผู้จุดประกาย นำยอดมะพร้าวอ่อนมาบริโภค และตัดยอดอ่อนส่งขายสู่ตลาดเป็นรายแรกของประเทศไทย มายาวนานกว่า 26 ปี เนื่องจากปัจจุบันนี้ยอดมะพร้าวอ่อน เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างกว้างขวาง อีกทั้งยังเป็นสมุนไพรยอดสูง ที่นำมาปรุงเป็นอาหารได้อย่างหลากหลาย และมีความอร่อยอีกด้วย
นางรำพึง พันธุ์มี อายุ 63 ปี และนายเฉียด พันธ์มี อายุ 73 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 หมู่ 8 ตำบลห้วยขวาง อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม นับว่าเป็น 2 สามี-ภรรยา รายแรกของจังหวัดนครปฐม และเป็นรายแรกของประเทศไทย ที่ยึดอาชีพการตัดยอดมะพร้าวอ่อน ส่งขายให้กับพ่อค้าและแม่ค้าคนกลาง ที่ตลาดผักหลายแห่ง เช่น ตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง และปากคลองตลาด ที่มีการผูกขาดออเดอร์ส่งทุกวัน
นางรำพึง ได้กล่าวถึงความเป็นมาของการยึดอาชีพจนกระทั่งปัจจุบันนี้มายาวนานกว่า 26 ปี ว่า เดิมประกอบอาชีพทำนาข้าว เมื่อปี พ.ศ.2532 ได้มีชาวบ้านรายหนึ่งจ้างคนมาตัดต้นมะพร้าวเพื่อเลื่อยทำไม้ ด้วยความอยากรู้ตนจึงไปตัดบริเวณยอดอ่อนของมะพร้าว แล้วลองมากัดกินเล่น จึงรู้ว่ามีความ กรอบ หวาน และหอมอร่อย จึงได้นำมาทำเป็นอาหารกินกับข้าวก็ยิ่งรู้ว่ามีความอร่อยมาก ดังนั้นในวันรุ่งขึ้นจึงได้นำส่วนที่เหลือ ไปให้บรรดาแม่ค้าขายผักที่ขายด้วยกันในตลาดสดโอเดี่ยน ซึ่งเป็นตลาดผักยุคแรกของจังหวัดนครปฐมได้ลองไปทำกินกัน วันรุ่งขึ้นตนก็ได้รับการตอบรับอย่างดี พร้อมยังได้คำแนะนำจากบรรดาแม่ค้าด้วยกัน ให้ทดลองนำมาวางขายในตลาดเป็นการทดสอบ หลังกลับบ้านจึงไปตะเวนหาต้นมะพร้าวตามบ้านใกล้เคียง และได้นำมาวางขายในกิโลกรัมละ 6 บาท ตั้งแต่นั้นมาพบว่ามีผู้บริโภคยอดมะพร้าวอ่อนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งแม่ค้าด้วยกันแนะนำให้ไปขายที่ปากคลองตลาด ตนจึงนำไปลองขายดูประมาณ 10 ยอด ผลปรากฏว่าขายดีมาก
จากนั้นมาตนจึงต้องออกหายอดมะพร้าวจากสถานที่ต่างๆ จนกระทั่งมีชาวสวนมะพร้าวรายหนึ่งของ จังหวัดราชบุรี และจังหวัดทางภาคใต้ ต้องการจะตัดต้นมะพร้าวจำนวนมากทิ้ง ตนจึงไปรับจ้างตัดต้นและได้ทำยอดมะพร้าวอ่อนส่งขายให้กับพ่อค้าคนกลางตลาดใหญ่ๆหลายแห่ง จากนั้นมาราคาขายก็เริ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากกิโลกรัมละ 6 บาท ขึ้นสูงถึง 25-30 บาท แต่ยอดมะพร้าวเริ่มขาดแคลนหายากขึ้น จึงต้องไปขอซื้อจากชาวบ้านในราคายอดละ 100 ถึง 150 บาท ดังนั้นตนจึงเลิกทำนาหันมาปลูกต้นมะพร้าวเพื่อตัดยอดขายมาถึงทุกวันนี้ รวมทั้งยังออกรับตัดจากจังหวัดอื่นๆด้วย เนื่องจากมียอดออเดอร์สั่งจากตลาดอยู่ทุกวัน/ละ ประมาณ 800 ถึง 900 กิโลกรัม
โดยมีสมาชิกคนในครอบครัว 6 คน ออกตัดยอดมะพร้าวทุกวัน/ละ ประมาณ 200 ยอด โดยรับซื้อจากชาวสวนทั่วไป ยอดใหญ่ (10 ถึง15 กิโลกรัม) ราคา 50 บาท ยอดขนาดกลางราคา 30 บาท ส่วนยอดเล็กใช้วิธีเหมาจ่าย จากนั้นก็จะนำมาปลอกให้เหลือเนื้ออ่อน บรรจุใส่ถุง/ละ10 กิโลกรัม ส่งให้กับพ่อค้าคนกลางที่ ตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง ปากคลองตลาด และตลาดอื่นๆอีกหลายแห่ง ราคาส่งขณะนี้อยู่ที่กิโลกรัมละ 18 บาท จากเดิมที่เคยส่งเมื่อปี 2557 กิโลกรัมละ 26 บาท ช่วงนี้ราคาลดลง ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันนี้มีผู้ปลูกมะพร้าว ตัดยอดขายจำนวนมากกว่าเดิม สำหรับยอดอ่อนของมะพร้าว นับเป็นผักอีกชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าและมีประโยชน์ต่อร่างกาย สามารถนำมาประกอบทำเป็นอาหารได้อย่างหลากหลาย และมีรสชาติหวาน กรอบ อร่อย เช่น ผัดกุ้งน้ำมันหอย ยำรวมมิตร ส้มตำ แกงส้ม หรือนำไปทำห่อหมก เป็นต้น
สำหรับการปลูกมะพร้าวเพื่อตัดยอดขาย เหมาะสำหรับเกษตรกรที่มีพื้นที่ด้านการทำเกษตรหลายรูปแบบ เช่น สามารถปลูกโดยรอบบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ หรือตามร่องน้ำในสวนผักหรือผลไม้ และเหมาะสำหรับผู้ที่จะปลูกมะนาว เพื่อเก็บผลผลิตขายเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากปัจจุบันนี้เกษตรกรได้หันมาปลูกมะนาว พร้อมกับปลูกมะพร้าวลงในแปลงเดียวกัน เพียงระยะ 1.5 ปี ก็สามารถตัดยอดมะพร้าวเป็นรายได้เสริมก่อนแล้ว จากนั้นต้นมะนาวที่กำลังเติบโต และติดผลผลิตก็จะได้ปุ๋ยจากซากโคนมะพร้าวที่ย่อยสลายเป็นอย่างดี
ส่วนเกษตรกรที่จะปลูกต้นมะพร้าวเพื่อตัดยอดขายอย่างเดียว พื้นที่ 1 ไร่ สามารถปลูกได้ถึง 400 ต้น โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 1.5 ถึง 2 ปี ก็สามารถตัดยอดขายเป็นรายได้เสริมแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่รกร้างทิ้งไว้อย่างไร้คุณค่า ถ้าหันมาปลูกมะพร้าวเพื่อตัดยอดขาย ก็จะสามารถสร้างรายได้อย่างง่ายๆเช่นกัน เนื่องจากต้นทุนไม่สูง การดูแลไม่ยุ่งยากเหมือนพืชผักทั่วไป โดยสามารถใช้พันธุ์มะพร้าวสวน หรือพันธุ์มะพร้าวน้ำหอมก็ได้เช่นกัน
แหล่งที่มา บ้านเมือง