อิ๊กซี่ (ICSI) เทคโนโลยีการเด็กหลอดแก้ว สำหรับผู้มีบุตรยาก
สังคมปัจจุบันมีการแข่งขันสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คู่สมรสส่วนใหญ่จึงต้องการเตรียมความพร้อมให้มากที่สุดก่อนมีบุตร ซึ่งกว่าหน้าที่การงานจะมั่นคงและฐานะการเงินจะพร้อม ผู้หญิงบางคนก็เลยวัยที่เหมาะสมสำหรับการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติไปเสียแล้ว แต่ยังโชคดีที่ทุกวันนี้มีเทคโนโลยีทางการแพทย์หลายอย่างที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ เช่นเทคโนโลยีในการทำเด็กหลอดแก้วด้วยกระบวนการ "อิ๊กซี่ (ICSI)" โดยฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปในเนื้อของเซลล์ไข่ วิธีนี้จะทำให้มีโอกาสไข่จะได้รับการปฏิสนธิและได้ตัวอ่อนเพื่อนำไปเลี้ยงต่อมากถึง 90%
นพ.ธีรยุทธ์ จงวุฒิเวศย์ หัวหน้าศูนย์ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร โรงพยาบาลพญาไท 2 และอาจารย์พิเศษคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้เคยมีประสบการณ์ศึกษาเชิงลึกด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ที่ Cornell University นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าเมื่อได้ตัวอ่อนมาแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการเลี้ยงตัวอ่อนเป็นระยะเวลาห้าวัน เพื่อให้เติบโตถึงระยะบลาสโตซิสต์ (Blastocyst) จากนั้นจึงย้ายตัวอ่อนเข้าไปในโพรงมดลูก โดยใช้การอัลตร้าซาวด์ช่วยหาตำแหน่งที่เหมาะสมต่อการฝังตัวของตัวอ่อนมากที่สุด และจะนัดกลับมาตรวจอีกครั้งว่าท้องหรือไม่ใน 10-12 วันต่อมา
แต่ละขั้นตอนของการทำเด็กหลอดแก้วด้วยกระบวนการอิ๊กซี่ ผู้เข้ารับบริการไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็สามารถกลับบ้านได้ และมีโอกาสได้ผลสำเร็จมากถึง 40-50% จากเดิมที่การฉีดน้ำเชื้อเข้าโพรงมดลูก (IUI) ทำให้ผู้หญิงมีโอกาสตั้งครรภ์ประมาณ 15% เท่านั้น
"ปัจจัยสำคัญคืออายุของผู้หญิง ยิ่งอายุน้อยโอกาสสำเร็จก็จะยิ่งมากขึ้น ปัจจุบันนี้ปัญหาที่พบบ่อยในผู้หญิงไทยคือปัญหาของรังไข่ส่วนใหญ่เกิดจากคุณภาพของรังไข่ลดลงตามอายุ และภาวะไข่ไม่ตกประจำเดือนผิดปกติ" นพ.ธีรยุทธ์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาและอธิบายเพิ่มเติมว่า บางกรณีที่มีปัญหาของจำนวนไข่ในรังไข่ที่มีปริมาณน้อยมากๆแพทย์อาจจะพิจารณาให้ฮอร์โมนบางชนิดในรูปแบบกินหรือทา เป็นระยะเวลา 1 - 2 เดือนก่อนที่จะเริ่มกระตุ้นไข่ เพื่อทำให้ไข่พร้อมสำหรับการถูกกระตุ้นมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จในการตั้งครรภ์แก่ผู้หญิงอายุมาก
เป้าหมายหลักของศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร คือการช่วยเติมเต็มคำว่าครอบครัว แต่ทั้งนี้ความปลอดภัยสูงสุดของผู้ป่วยก็ถือเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน นพ.ธีรยุทธ์ในฐานะหัวหน้าศูนย์จึงไม่เคยละเลยสิ่งเหล่านี้
"เนื่องจากสิ่งที่เราทำมันมากกว่าที่ธรรมชาติทำในแต่ละเดือนอาจมีโอกาสเกิดปัญหาได้ ดังนั้นเมื่อรับคนไข้เข้ามาเราจึงต้องซักประวัติ ตรวจร่างกายอย่างละเอียดเพื่อหาปัจจัยเสี่ยงที่จะปัญหาขณะให้การรักษาเพื่อหาปัจจัยเสี่ยงที่จะปัญหาขณะให้การรักษาและที่สำคัญคืก็คือเรามีการทำงานเป็นทีมร่วมกันระหว่างสูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ พยาบาล นักวิทยาศาสตร์ วิสัญญีแพทย์ รวมถึงแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะด้วย ถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นเราสามารถแก้ไขอย่างตรงจุดได้ทันที มากไปกว่านั้นเรายังมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรมคอยให้คำปรึกษา คัดกรองตัวอ่อนที่ผิดปกติ เรียกว่าที่เรามีทุกสาขาที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ครบถ้วน พร้อมดูแลให้ทั้งคุณแม่และลูกสมบูรณ์แข็งแรงในทุกๆ ขั้นตอน"
นอกจากจะช่วยเรื่องการมีบุตรยากแล้ว ในระหว่างตรวจรักษาหากแพทย์พบว่าผู้ป่วยมีความผิดปกติอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นซีสต์ เนื้องอก ติ่งเนื้อในโพรงมดลูก ประจำเดือนผิดปกติ ฮอร์โมนผิดปกติ หรือภาวะอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเจริญพันธุ์ ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร ก็สามารถตรวจรักษาได้อย่างครบวงจร ด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีทันสมัย ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ตรง และบุคคลากรด้านต่างๆ ที่พร้อมสร้างความประทับใจในการให้บริการแก่ทุกท่าน
ขอบคุณ Phyathai Call Center 1772