อย่างไรก็ตาม แม้จะมีมาตรการของทางจังหวัดให้ดำเนินการตรวจสอบในกรณีนี้แล้ว แต่พบว่า ชาวบ้านในพื้นที่ระบุว่า หากทางผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.พัทลุง มีความตื่นตัวลงมาดูพื้นที่ป่าเสม็ดตั้งแต่แรกเริ่มตอนที่ชาวบ้านร้องเรียนไป ไม่ปล่อยให้เวลายืดเยื้อ ป่าเสม็ดขาวฝืนสุดท้ายของตำบลเกาะนางคำ อ.ปากพะยูน ก็คงจะไม่ถูกทำลายจนได้รับความเสียหายขนาดนี้ และหากสามารถเพิกถอนเอกสารสิทธิได้คงต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปีกว่าจะฟื้นฟูป่าเสม็ดขาวให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง
นอกจากนี้ มีรายงานจากแหล่งข่าวชาวบ้านในพื้นที่ว่า ในส่วนของการดำเนินการนำรถแบ็กโฮ และเครื่องจักรกลขนาดใหญ่เข้ามาปรับพื้นที่ป่าพรุดังกล่าว พบว่า มีนายตำรวจระดับสารวัตร และนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่คอยอำนวยความสะดวก ทำให้ชาวบ้านไม่กล้าไปยุ่งเกี่ยวเพราะกลัวว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย
ที่มา ภาพและข่าว ASTVผู้จัดการออนไลน์
|