ไทยเจอเงินฝืด! "อภิสิทธิ์"สอนมวยรัฐบาล อย่ากลัวคำว่า"ประชานิยม"จนไม่ทำอะไรเลย
วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2558 นำเสนอข่าวโดยทีมงาน www.legendnews.net
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์พิเศษผู้สื่อข่าวสายเศรษฐกิจประจำทำเนียบรัฐบาล ถึงแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจว่า ขณะนี้ถือว่ามีเหตุผลเพียงพอที่รัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เนื่องจากมีสัญญาณบ่งบอกว่าเศรษฐกิจไทยกำลังมีปัญหามาก อาทิ กำลังซื้อของประชาชนลดลงอย่างมาก เงินเฟ้อติดลบติดต่อกันซึ่งทางเทคนิคถือว่าเข้าสู่ภาวะเงินฝืดแล้ว รวมทั้งปัญหาการส่งออก ดังนั้น การกระตุ้นเศรษฐกิจและการกระตุ้นการบริโภคจึงมีความสำคัญ หากไปดูประเทศที่พัฒนาแล้ว บทบาทการใช้เงินของรัฐบาลส่วนใหญ่คือการให้สวัสดิการกับประชาชน
"รัฐบาลควรคิดเรื่องการกระตุ้นการบริโภคของประชาชนระดับล่างแต่เข้าใจว่ารัฐบาลหวาดระแวงกลัวคำว่าประชานิยมจะเป็นภัยเหมือนในโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดตันละ 15,000 บาท แบบนั้นต้องไม่ทำ แต่ไม่ใช่ไม่ช่วยเหลือเกษตรกรไม่ทำอะไรเลย ในมุมมองของผมที่เคยทำโครงการประกันรายได้ให้เกษตรกรโดยใช้งบประมาณปีละ 50,000-60,000 ล้านบาท มองว่าเงินจำนวนนี้ถือเป็นสวัสดิการให้กับเกษตรกร ถ้าถามต่อไปว่าประชานิยมจะทำให้เกิดความไม่ยั่งยืน ต้องถามด้วยว่าฐานะการคลังของประเทศในขณะนี้ดีขึ้นหรือไม่ กลับพบว่านอกจากเงินไม่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจแล้วยังขาดดุลงบประมาณมากกว่าเดิมด้วย จึงอยากให้รัฐบาลหันมามองตรงนี้ด้วย" นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เห็นด้วยกับมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและคนยากจนในการเสริมสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนภายใต้งบประมาณ 6,541 ล้านบาทที่รัฐบาลให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการเพียงแต่มาตรการนี้ออกมาช้าเกินไป สิ่งที่รัฐบาลควรทำตอนนี้คือการชดเชยเกษตรกร อาจจะทำคล้ายกับโครงการประกันรายได้เกษตรกร หรือประกันภัยพืชผล เพื่อให้มีเงินออกมาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกระแสการปรับคณะรัฐมนตรีโดยเฉพาะฝ่ายเศรษฐกิจว่าไม่แน่ใจว่าถ้าเปลี่ยนคนแต่แนวคิดไม่เปลี่ยนจะได้ประโยชน์แค่ไหน ขณะนี้ตัวบุคคลถูกวิจารณ์จึงบั่นทอนความน่าเชื่อถือ ฉะนั้นรัฐบาลจะต้องมีอะไรที่พลิกให้เห็นว่ารัฐบาลได้ตอบสนองต่อเสียงท้วงติงหรือคัดค้านขึ้นมา
ที่มา มติชน